“ณรงค์ชัย”ส่งสัญญาณเอาแน่ต้นต.ค.ขึ้นราคา LPG ภาคขนส่งให้เท่าครัวเรือนอีก 1.25 บ./กก. ซึ่งอาจขึ้นทีเดียวหรือทยอย และ NGV 1 บ./กก. รับมีมาตรการดูแลคนมีรายได้น้อยโดยเฉพาะแท็กซี่ แย้มหารือคลังเรื่องภาษีฯ ดีเซลแล้วคิวต่อไปเตรียมทำใจขยับดีเซล ลั่น 3 เดือนเห็นแผนผลิตไฟต้องไม่ตก-ดับ หนุนถ่านหินเตือนอิง LNG ทำค่าไฟพุ่งนักลงทุนหนีหมด จ่อเคาะต่อสัญญาเอราวัณ-บงกช เดินหน้าเปิดสัมปทานปิดโตรเลียมรอบ 21
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพลังงานระดับสูงวันที่ 18 ก.ย.ว่า สิ่งเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลคือการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่จะนำไปสู่การปฏิรูปที่ยั่งยืนให้มีความถูกต้องและเป็นธรรม ดังนั้นต้นเดือนต.ค.นี้จะเดินหน้าต่อสำหรับราคาพลังงานที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงคือแอลพีจีภาคขนส่งและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)
“สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.เริ่มปรับโครงสร้างราคาน้ำมันไปแล้วก่อนหน้าเราก็มาทำต่อและจะเดินหน้าคือเป็นไปตามโจทย์เดิมมีคำตอบอยู่แล้วว่าอะไรยังไม่ได้ปรับก็จะมาแน่นอน ส่วนผู้ที่มีรายได้น้อยก็จะมีมาตรการดูแลเช่น กรณีแท็กซี่ แต่จะเป็นแบบเดิมหรือไม่ใหม่มาผสมก็ยังไม่ทราบขอดูก่อน บอกไม่ได้ล่วงหน้ากรณีราคาน้ำมันเองส่วนของดีเซลได้มีการหารือกับกระทรวงการคลังถึงภาษีสรรพสามิตดีเซลที่จะต้องขยับขึ้นก็คงจะเป็นคิวต่อไปจากนี้แต่จะเป็นเวลาใดและอย่างไรก็คงต้องรอ”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการเรื่องที่ 2 คือ การดูแลไม่ให้พลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซฯ และไฟฟ้าขาดแคลนและมีความมั่นคง โดยเฉพาะไฟฟ้าจะต้องไม่ตกหรือดับ ต้องมีใช้ตลอดก็เป็นเรื่องที่จะต้องเร่งรัดการเพิ่มพลังการผิตไฟฟ้าโดยเฉพาะไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ยังสับสนว่าจะเพิ่มอย่างไรดังนั้นเรื่องแผนการผลิตไฟฟ้าต่างๆที่กำลังจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีใหม่จะเสร็จภายใน 3 เดือนนี้
สำหรับเรื่องที่ 3 คือ การต่ออายุแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่กำลังจะหมดลง 2 แหล่งคือเอราวัณ และบงกช รวมถึงการตัดสินใจเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 โดยในส่วนของบมจ.ปตท.ได้เตรียมแผนรองรับหากการจัดหาก๊าซฯไม่เพียงพอด้วยการนำเข้าจากต่างประเทศในรูปแบบของก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) แต่ต้องยอมรับว่า LNG นั้นราคาจะแพงกว่าก๊าซในอ่าวไทยมาก โดยก๊าซพม่าจะแพงกว่าอ่าวไทย50% แต่LNG จากการ์ตาจะแพงกว่า 2 เท่าตัวสิ่งที่เป็นห่วงคือจะกระทบให้ค่าไฟฟ้าแพงมาก
“ ที่ห่วงคือถ้านำLNG มาใช้มากคือค่าไฟจะแพงขึ้นอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรมสู้ไม่ได้ก็จะอยู่ไม่ได้เราก็จะเดือดร้อนเราก็ถือเป็นเรื่องใหญ่คือความมั่นคงพลังงานจำเป็นต้องมี แม้ว่าก๊าซฯที่ผลิตไฟเป็นที่ยอมรับเพราะไม่มีมลภาวะ แต่ถ่านหินก็ต้องทำให้เป็นที่ยอมรับเพราะสามารถที่จะคุ้มครองปกป้องได้เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่มากเพื่อทำให้เกิดความมั่นคงและมีราคาค่าไฟต่ำ”นายณรงค์ชัยกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ปัจจุบันราคาแอลพีจีขนส่งอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) นโยบายปรับโครงสร้างที่กระทรวงฯเสนอคือการปรับให้เท่ากับครัวเรือนที่ขณะนี้มีราคาอยู่ที่ 21.38 บาทต่อกก. หรือจะต้องขึ้น 1.25 บาทต่อกก.ซึ่งการขึ้นได้เสนอ 2 แนวทางคือ 1. ขึ้นทันที 1.25 บาทต่อกก.หรือ 2. ขึ้นทะละขั้น 2 ครั้งคือ 62 สตางค์ต่อกก. ส่วน NGV แม้ว่าต้นทุนที่ศึกษาจะต้องปรับเป็น 15 บาทต่อกก.จากขณะนี้อยู่ที่ 10.50 บาทต่อกก.ได้เสนอให้ขยับครั้งแรกก่อน 1 บาทต่อกก. แต่การขึ้นจะต้องประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่มีรมว.พลังงานเป็นประธานพิจารณารายละเอียดทั้งหมด