xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ทั้งปีผุดคอนโด1.3แสนยูนิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พลัสฯ เผยผลสำรวจคอนโดฯ ในเขตกทม. ครึ่งปีแรก 57 พบเปิดขาย 168 โครงการ 9.4 หมื่นยูนิต อัตราขายเฉลี่ย 68% พบโซนสีลม- สาทร – พระราม 4 ขายดีสุด ส่วนโซนเพลินจิต–ชิดลม–ราชดำริ คว้าแชมป์คอนโดมิเนียมราคาสูงสุด เชื่อ 4 เดือนสุดท้ายตลาดร้อนแรง คาดทั้งปีคอนโดฯเข้าสู่ตลาดกว่า 1.3 แสนยูนิต

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงผลสำรวจโครงการคอนโดมิเนียม ในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 2557 มีโครงการคอนมิเนียมเปิดขายในตลาดจำนวน 168 โครงการ 94,718 ยูนิต (รวมโครงการเก่าย้อนหลังไป 3 ปี และโครงการเปิดใหม่) ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังผู้ประกอบการต่างเร่งเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก แต่เชื่อว่าจะไม่ทำให้ซัพพลายออกสู่ตลาดมากจนเกินไป เพราะโครงการที่เปิดในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดล่าช้ามาตั้งแต่ต้นปีที่สถานการณ์ตลาดไม่ค่อยดี แต่เมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้นทำให้ผู้ประกอบการเร่งเปิดโครงการในช่วงนี้เพื่อให้ได้ตามแผนที่วางเอาไว้โดยทั้งปีคาดว่าจะมีคอนโดฯทั้งโครงการที่เปิดใหม่และสินค้าเก่าที่ยังเสนอขายอยู่ในตลาดมีประมาณ 1.3 แสนยูนิต

สำหรับอัตราการขายเฉลี่ยในเชตกรุงเทพพบ 68% ซึ่งสะท้อนถึงกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากความขัดแย้งทางการเมืองได้สิ้นสุดลง ส่วนราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 94,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งปรับขึ้นจาก 88,000 บาท/ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา หากพิจารณาจากความสูงของอาคารจะพบว่า โครงการที่เป็นอาคารสูง ราคาขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 104,000 บาท/ตร.ม. โครงการอาคารเตี้ย ราคาเฉลี่ย 67,000 บาท/ตร.ม. ในจำนวน 168 โครงการ เป็นโครงการสูง 73% ส่วนอีก 27% เป็นอาคารที่ไม่สูง(อาคารเตี้ย)

ด้านการก่อสร้างของ 168 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายนี้ กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ในปี 2557 และ 2558 ประมาณ 70% และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างกำหนดเสร็จหลังปี 2558 อีก 30% ซึ่งห้องชุดที่อยู่ระหว่างก่อสร้างแล้วยังขายไม่หมดนี้ เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะถูกดูดซับได้หมดภายใน 1 ปี

หากพิจารณาแบ่งตามพื้นที่ในแต่ละโซน เริ่มจากศูนย์กลางธุรกิจ สีลม,สาทร,สยาม,ราชเทวี,พญาไท,สุขุมวิทตอนบน,นานา,เพลินจิต,ชิดลมและราชดำริ มีอัตรายอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 74% โดยโซนมียอดขายสูงสุดในย่านนี้ คือ สีลม-สาทร-พระราม 4 อัตราขายเฉลี่ย 84% สำหรับราคาเฉลี่ยของโซนนี้อยู่ที่ 148,000 บาท/ตร.ม.(ราคา/ตร.ม. ต่ำสุด 88,000 บาท สูงสุด 360,000 บาท) ส่วนบริเวณเพลินจิต-ชิดลม-ราชดำริ เป็นย่านที่มีคอนโดฯราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม.สูงสุดในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 225,000 บาท (ต่ำสุดที่ 133,000 บาท/ตร.ม. และสูงสุดคือ 340,000 บาท/ตร.ม.)

ทำเลกรุงเทพฯ โซนเหนือ เขตงามวงศ์วาน,แจ้งวัฒนะ,รามคำแหง,บางกะปิ,อารีย์สะพานควาย.จตุจักร,รัชดาภิเษก,ลาดพร้าวและวงศ์สว่าง มีอัตรายอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 68% ย่านที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคืองามวงศ์วาน-แจ้งวัฒนะอัตราขายเฉลี่ย 801% ราคาขายต่ำสุดในโซนนี้ 53,000 บาท/ตร.ม. สูงสุด 70,000 บาท/ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 62,000 บาท/ตร.ม.
ส่วนกรุงเทพฯ โซนตะวันออก เกษตรนวมินทร์,รามอินทรา.สุขุมวิทตอนล่าง,อ่อนนุชและลาดกระบัง มีอัตรายอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 68% ย่านที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ เกษตรนวมินทร์-รามอินทรา อัตราการขายเฉลี่ย 82% ราคาในโซนนี้ต่ำสุด 50,000 บาท/ตร.ม. สูงสุด 93,000 บาท/ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 76,000 บาท/ตร.ม.
ด้านกรุงเทพฯ โซนตะวันตก ได้แก่ ปิ่นเกล้า,จรัญสนิทวงศ์,พระราม 2, ราษฎร์บูรณะ, ตากสิน,ธนบุรี,พระราม 3และนาราธิวาสฯ มีอัตรายอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 63% ซึ่งที่ผ่านมากมีการขยายตัวเป็นอย่างดี จากการที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเปิดบริการ ย่านที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ อัตราการขายเฉลี่ย 82% ราคา/ตร.ม. ต่ำสุดอยู่ที่ 60,000 บาท สูงสุดอยู่ที่ 110,000 บาท เฉลี่ยต่อตร.ม. 86,000 บาท
นายภูมิศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากพิจารณาเฉพาะคอนโดฯที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า จะพบว่า 3 สถานีที่มีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงสุดคือ สถานีราชดำริอยู่ที่ 270,000 บาท/ตร.ม. รองลงมาคือ ราชเทวีและเพลินจิตอยู่ที่ 220,000 บาท/ตร.ม. และอันดับ 3 คือ พร้อมพงษ์และสุรศักดิ์ อยู่ที่ 200,000 บาท/ตร.ม.
“ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในโซนที่สามารถขายได้ในระดับราคาที่สูงและอัตรายอดขายสูงจะกระจุกตัวอยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน (BTS, MRT และส่วนต่อขยาย) เนื่องจากเป็นเขตธุรกิจการค้าและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ เช่น สถานีอารีย์ ซึ่งเป็นสถานีที่มีศักยภาพสูงเพราะอยู่ใกล้สถานที่ราชการ และใกล้ย่านธุรกิจ นอกจากนี้ในย่านรัชดา-ลาดพร้าวเองก็ถูกจับตามองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจของไทยแห่งใหม่ได้”
สำหรับในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี เชื่อว่าตลาดคอนโดฯจะอยู่ในทิศทางที่ดีมาก แม้ว่าผู้ประกอบการจะเร่งเปิดโครงการใหม่ออกจำนวนมากมาในช่วงนี้ แต่ก็เชื่ออัตราการขายจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมที่อยู่ในโซนใหม่ๆ เช่น บางแวก ท่าพระ จรัญสนิทวงศ์ จะมีอัตราการเติบโตที่ดีเนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายมีความคืบหน้าไปมาก และมีความน่าสนใจถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองแต่โซนนี้ถือว่ามีศักยภาพ ขณะที่ที่ดินในพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งมีจำกัดจะถูกเก็บไว้สำหรับพัฒนาโครงการระดับบนมากกว่า.
กำลังโหลดความคิดเห็น