xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยแกว่งแรงขายทำกำไรต่อเนื่องจับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยปัจจัยชี้วัดตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผูจัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2557 ที่ 1,581.36 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด เปลี่ยนแปลง +0.03% มูลค่าการซื้อขาย 51,568.95 ล้านบาท โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,584.92 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,569.23 จุด โดยสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,302.15 ล้านบาท ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 378.16 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 737.38 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 186.61 ล้านบาท

นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) สรุปสาเหตุที่วันศุกร์ดัชนีปรับลดลงกว่า 10 จุด เนื่องจากแรงขายทำกำไรออกมา เพราะตลาดฯได้มีการปรับตัวขึ้นไปแล้วในระดับหนึ่ง ทำให้แนวโน้มของการปรับเพิ่มขึ้นอีกมีโอกาสน้อย ประกอบกับ ตลาดฯมีความเปราะบางต่อปัจจัยภายนอกที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนจะขายทำกำไรออกมา แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศยังสนับสนุนไม่ให้ดัชนีร่วงลงไปมาก แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานความอ่อนไหวของปัจจัยภายนอกได้ในระยะสั้น

ขณะที่นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (15 - 19 ก.ย.) ว่าคงเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวขึ้นโดยมีกรอบ 1570 - 1600 จุด โดยปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งนักลงทุนคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐที่สามารถดำเนินการได้ทันที

ส่วนปัจจัยภายนอกคาดว่าผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดทั้งการยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ มาตรการ QE รวมถึงความกังวลที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก่อนกำหนดนั้นนักลงทุนรับรู้ล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน

“คงต้องถามก่อนว่าเฟดยุติการอัดฉีดสภาพคล่องแล้ว เม็ดเงินที่ปล่อยเข้ามาก่อนหน้าหายไปไหน ซึ่งก็ยังคงต้องหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นก็ไม่น่ากระทบต่อภาพการลงทุน ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดน่าจะพิจารณาระบบเศรษฐกิจโลกประกอบด้วยทั้งเศรษฐกิจในจีน และสหภาพยุโรป ดังนั้นคาดว่าคงไม่น่าจะปรับขึ้นก่อนกำหนดมากนัก” นายอดิศักดิ์ กล่าว

สอดคล้องกับนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวคาดการณ์ ความเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าว่า ในช่วงวันจันทร์-พุธ ดัชนีจะมีโอกาสผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนต่างรอความชัดเจนของผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ที่จะทราบกันในวันพฤหัสบดีว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ เป็นปัจจัยที่กดดันการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมให้แนวต้าน 1,590-1,600 จุด แนวรับ 1,565 จุด

นายนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในท้ายไตรมาส 3 และไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยเริ่มทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นมา ซึ่งหากรัฐบาลมีเสถียรภาพความมั่นคงมากขึ้น การบริโภคภายในประเทศกลับมาดีขึ้น ด้านบรรยากาศการลงทุนธุรกิจการส่งออก การท่องเที่ยว และการขนส่งจะเริ่มกลับมามีผลประกอบการที่ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ดีในระยะสั้นนักลงทุนควรพิจารณาจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวยังประเทศไทย ซึ่งถ้าธุรกิจการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างชัดเจน จะทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันฟื้นตัวตามไปด้วยเช่น ธุรกิจโรงแรม สายการบิน ธุรกิจบริการและอาหารเป็นต้น

อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นสิ้นปีนี้คาดว่าดัชนี SET INDEX จะอยู่ที่ประมาณ 1,550-1,600 จุด ขณะที่เป้าดัชนี SET INDEX ในปีหน้าคาดว่าจะเคลื่อนใหวอยู่ในกรอบ 1,650 จุด โดยมีเป้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5 ล้านล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น