ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
แม้ว่างานวิจัยบางชิ้นจะไม่สามารถหานัยยะสำคัญมากนักเกี่ยวกับสาเหตุของอัตราการเสียชีวิตระหว่างผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติกับไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติ แต่เราก็อาจได้ข้อมูลบางโรคและบางอาการที่มีประโยชน์อยู่ไม่น้อย
ในปีพ.ศ. 2545 ได้มีการศึกษาของ เดอะ เฮลธ์ ฟู้ด ชอปเปอร์ส และการศึกษาผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติโดยมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ พบว่า สำหรับ "โรคเกี่ยวกับจิตใจและระบบประสาท" นั้นการศึกษาของ เดอะ เฮลธ์ ฟู้ด ชอปเปอร์ส พบว่า "ไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ กับผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ"
แต่ในขณะที่การศึกษาในผู้ที่รับประทานมังสวิรัติโดยมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด กลับพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัตินั้นเสียชีวิตด้วยโรคระบบประสาทเป็น 2.5 เท่าตัว แต่เมื่อไม่นับการติดตาม 5 ปีแรก (ที่อาจเกิดความเบี่ยงเบน) ก็พบว่าอัตราความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตลดลงเหลือ 2.21 เท่าตัว (แต่ก็ยังมากอยู่ดี) แม้อาจจะมีคำอธิบายด้านหนึ่งว่ามันอาจเกิดความเบี่ยงเบนจากการสุ่มตัวอย่างของกลุ่มตัวอย่าง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีคำอธิบายว่าอาจเป็นเพราะผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัตินั้นขาดวิตามิน บี 12 จึงทำให้ระบบประสาทผิดปกติ ส่วนที่เป็นไปได้น้อยกว่านั้นแต่ก็ไม่ควรตัดข้อสันนิษฐานนั้นไปเสียทีเดียวก็คือผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัตินั้นอาจเจ็บป่วยเพราะระดับกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เรียกว่า DHA (Docosahexaenoic acid) ต่ำเกินไป
การศึกษาและการวิเคราะห์ 2 ชิ้นที่สำคัญในการศึกษาสุขภาพของชาวแอดเวนติสท์เพื่อเปรียบเทียบ "โรคสมองเสื่อม" (Dementia) ระหว่างผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติกับไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติโดยศึกษาผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติติดต่อกันอย่างน้อย 20 ปี โดยเริ่มต้นจากกลุ่มที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบไม่ดื่มนมและไม่รับประทานไข่ (Vegan) 68 คน, ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติที่ยังดื่มนมและรับประทานไข่ (Lacto-ovo vegetarians) จำนวน 68 คน และผู้ที่รับประทานทั้งพืชและสัตว์ (Omnivores) โดยทำการเปรียบเทียบทั้งอายุ เพศ และพื้นที่ตามรหัสไปรษณีย์ ปรากฏกว่า "คนที่ไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าคนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติประมาณ 2-3 เท่าตัว"
อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2556 การศึกษาสุขภาพของชาวแอดเวนติสท์ครั้งที่ 2 กลับรายงานว่า"ไม่พบความแตกต่างการเสียชีวิตด้วยโรคระบบประสาทของผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติและผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ" แต่การศึกษานี้อาจมีข้อท้วงติงเพราะคำว่าผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติได้รวมเอาผู้ที่ยังรับประทานปลาและผู้ที่รับประทานกึ่งมังสวิรัติมาผสมรวมมาเป็นกลุ่มผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติด้วย ด้วยเหตุผลนี้จึงจำเป็นต้องกล่าวถึงเพื่อให้แยกแยะในรายละเอียดต่อไป
ในปี พ.ศ. 2556 การศึกษาสุขภาพของชาวแอดเวนติสท์ครั้งที่ 2 และวิเคราะห์อัตราการเสียชีวิตในรอบ 5.8 ปี โดยการศึกษาแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มดังนี้
กลุ่มที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบแทบไม่ดื่มนมและไม่รับประทานไข่ (Vegans) หมายถึงดื่มนม รับประทานไข่ และรับประทานปลาน้อยกว่า 1 ครั้ง/เดือน ได้จำนวน 5,548 คน
กลุ่มที่รับประทานอาหารมังสวิรัติที่ยังดื่มนมและรับประทานไข่ (Lacto-Ovo) มากกว่า 1 ครั้งต่อเดือน แต่รับประทานปลาน้อยกว่า 1 ครั้ง/เดือน ได้จำนวน 21,177 คน
กลุ่มที่รับประทานอาหารปลามากกว่า 1 ครั้งต่อเดือน (Pesco) และรับประทานเนื้ออย่างอื่นไม่เกิน 1 ครั้งต่อเดือน ได้จำนวน 7,194 คน
กลุ่มที่รับประทานกึ่งมังสวิรัติ คือยังรับประทานเนื้อปลาและเนื้อชนิดอื่นๆมากกว่า 1 ครั้งต่อเดือนแต่ไม่เกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ได้จำนวน 4,031 คน
กลุ่มที่เรียกว่ามังสวิรัติจะหมายถึงทุกกลุ่มข้างต้น และเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติจำนวน 35,359 คน ซึ่งผลการศึกษาพบข้อมูลดังนี้
ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติโดยรวมมีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 12% และมีน้ำหนักเทียบกับส่วนสูงน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 10%
ผู้ชายที่รับประทานอาหารมังสวิรัติมีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสิวรัติ 18% และมีน้ำหนักเทียบกับส่วนสูงน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 17%
ผู้ที่รับประทานอาหารมังสิวิรัติที่ไม่ดื่มนมและไม่รับประทานไข่ (Vegans) มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 15% และมีน้ำหนักเทียบกับส่วนสูงน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 16%
ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแต่ยังดื่มนมและยังรับประทานไข่อยู่ (Lacto-Ovo Vegetarians) มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 9% และมีน้ำหนักเทียบกับส่วนสูงน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 8%
ผู้ที่ยังรับประทานและปลาแต่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ (Pesco) มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 19% และมีน้ำหนักเทียบกับส่วนสูงไม่แตกต่างกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ
ผู้ที่รับประทานกึ่งมังสวิรัติและมีการรับประทานเนื้อสัตว์อยู่บ้าง มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 8% และมีน้ำหนักเทียบกับส่วนสูงไม่แตกต่างกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ
จากการศึกษาเดียวกันนี้ยังพบการบริโภคอาหารและอัตราความเสี่ยงการเสียชีวิตด้วย โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) ว่า คนที่รับประทานอาหารมังสิวิรัติมีความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 13% โดยในส่วนนี้พบรายละเอียดเพิ่มเติมว่า "ผู้ชายที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ" มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 29% แต่มีตัวเลขสถิติที่มีนัยยะสำคัญพบว่าคนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบไม่ดื่มนมและไม่บริโภคไข่ (Vegans) มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติถึง 42%
การศึกษาครั้งนี้ยังพบรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่าผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติมีอัตราการความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคระบบประสาทน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ 7% (ซึ่งไม่แตกต่างกันมากนัก)
จากการศึกษาเดียวกันนี้ยังพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติจะมีอัตราความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคไตน้อยกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติ 52%
กลุ่มคนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติจะมีอัตราความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ซึ่งเป็นสาเหตุเบื้องต้นของโรคเบาหวานเบื้องต้นน้อยกว่าคนที่ไม่รับประทานมังสวิรัติ 49% แต่ในขณะเดียวกันพบว่าโรคนี้อาจมีความเกี่ยวพันกับน้ำหนักโดยกลุ่มคนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติมีอัตราน้ำหนักเมื่อเทียบกับส่วนสูงน้อยกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติ 29%
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตโรคอื่นๆก็พบว่ากลุ่มที่ผู้ที่รับประทานอาหารมังสิวิรัติที่ไม่ดื่มนมและไม่รับประทานไข่ (Vegans) มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติ 26%
ในขณะที่ผู้ที่ยังรับประทานและปลาแต่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ (Pesco) มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคอื่นๆต่ำกว่าผู้ที่ไม่รับประทานอาหารมังสวิรัติ 29%
การศึกษาเรื่องนี้ยังไม่จบ แต่เราจะแสวงหาความจริงกันต่อไปในตอนหน้า!!!