ASTVผู้จัดการ-"สมยศ" แถลงรวบ 5 ชายชุดดำจาก 7 คน กรณีสังหาร "พล.อ.ร่มเกล้า" ช่วงแดงเผาเมืองปี 53 เผยเป็นการตอกย้ำชายชุดดำมีตัวตนจริง เตรียมสืบต่อเอี่ยวถึงใครบ้าง ระบุพบโยง "กริชสุดา" นักกิจกรรมเสื้อแดง เหตุมีหลักฐานโอนเงินจำนวนมาก "นิชา"โพสต์เฟซขอบคุณ คสช. ตำรวจ จับชายชุดดำได้ หวังสาวให้ถึงคนสั่งการ พร้อมขอให้เร่งคดี 89 ศพ และเหตุการณ์ชุมชนปี 56 ด้วย แดงดิ้นพร่าน ซัดชายชุดดำไม่มีจริง "เหวง" โวยจับแพะหรือเปล่า
วานนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร นำโดย พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการกฎหมาย กอ.รมน. หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการชายชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารจากเหตุการณ์ความรุนแรงช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือน เม.ย.2553 เป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพรองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต
โดยชายชุดดำที่จับกุมได้ทั้ง 5 คนจาก 7 คน ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 2 ซอยรามอินทรา 36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. หมายจับศาลอาญา ที่ 1600/2557 ลง 10 ก.ย.2557 นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 9 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลอาญา ที่ 1603/2557 ลง 10 ก.ย.2557 นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ซอย ต.กลางใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี หมายจับศาลอาญา ที่ 1604/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1605/2557 ลง 10 ก.ย.2557 และ นางปุณิกา หรือ อร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1606/2557 ลง 10 ก.ย.2557
***ชัดเจนชายชุดดำมีตัวตนจริง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เวลาประมาณ 20.00 น. มีการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณข้างเคียง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ขณะนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายแต่งกายเป็นชายชุดดำ ใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชนจนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้นด้วยดังกล่าว
สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 7 คน จับกุมได้แล้ว 5 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 2 คน คือ นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่ รถตู้ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1601/2557 ลง 10 ก.ย.2557 และนายวัฒนะโชค จีนปุ้ย หรือโบ้ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 17 ซอย ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญา ที่ 1602/2557 ลง 10 ก.ย.2557
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานทำงานอย่างรอบคอบจนศาลอนุมัติหมายจับกุม ทำให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมว่าชายชุดดำที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีจริง และทุกคนก็ให้การรับสารภาพ หลังจากนี้ จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง มีใครร่วมลงมือ มีใครให้การสนับสนุน
***พบเชื่อมโยง "กริชสุดา"เครือข่ายแดง
ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่าผู้สั่งการ คือ นายจักรรินทร์ เรืองศักดิ์วิชิต (เสธ.ไก่) ซึ่งตอนนี้ถูกศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับแล้วเลขที่ จ.8 ก./2557 เป็นบุคคลธรรมดา และยังพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล นักกิจกรรมเสื้อแดง ที่ถูกศาลอนุมัติออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงครามให้กับผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธสงครามยิงใส่สถานที่ต่างๆ โดยพบหลักฐานสลิปการโอนเงินจำนวนมากให้กับผู้ต้องหาเหล่านี้ในบ้านของ น.ส.กริชสุดา ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ บอกได้แค่ว่าจำนวนมาก
"เป็นลักษณะขบวนการมีหัวโจก มีอุดมการณ์ มีความเกลียดชัง มีค่าจ้าง จึงได้ร่วมกันทำ"รองผบ.ตร. กล่าว
***เปิดแผนและวิธีการทำงาน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการขออนุญาตดีเอสไอ ให้คณะทำงานเข้าร่วมการสอบสวนครั้งนี้ด้วย เพื่อนำคดีดังกล่าวเป็นคดีหลักต่อไป ส่วนการสืบสวนจับกุมว่าสามารถจับกุมได้ที่ไหนอย่างไรนั้นไม่ขอเปิดเผย เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องทำงาน จะเอาวิธีไปบอกโจรไม่ได้ ต่อไปจะทำงานลำบาก หลังจากนี้ หากมีตำรวจคนไหนเปิดเผยวิธีการจับกุมคนร้ายก็ต้องถูกลงโทษบ้าง
สำหรับเส้นทางการดำเนินการของกลุ่มคนร้าย มีทั้งหมด 8 คน รวมนายธัมมรัตน์ สุ่มสี หรือดำ ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้วางแผนและรับมอบอาวุธกันที่คอนโดบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 จากนั้นได้เดินทางโดยใช้รถตู้ สีขาว เพื่อเดินทางไปที่เกิดเหตุ ขับรถขึ้นทางด่วนรามอินทรา มาลงยมราช และจอดรถที่ซอยวัดมหรรพาราม ถ.ตะนาว
เมื่อลงจากรถก็เดินไปตามถนนตะนาวมุ่งหน้าไปที่แยกคอกวัว ก่อนถึงแยกคอกวัว ได้ผ่านจุดคัดกรองเจอการ์ดของกลุ่ม นปช. ซึ่งมีตำรวจร่วมด้วย แต่ตำรวจจุดนั้น ไม่มีอาวุธ ตรงจุดนี้ พบว่ากลุ่มคนร้าย 3 คนมีอาวุธไปด้วย การ์ดของกลุ่ม นปช. เข้ามาตรวจถ่ายรูป จากนั้นได้ปล่อยเข้าไปด้วยรหัสผ่าน "พิราบขาว" ก่อนที่คนร้ายได้เดินไปตรงธนาคารออมสิน
จากนั้นเริ่มใช้อาวุธระดมยิงใส่ชุดทหารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากยิงเสร็จได้ถอนย้อนกลับมาที่จุดรถตู้จอด ระหว่างทางนายธัมมรัตน์ ซึ่งถือเครื่องยิงเอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อคตัวไว้พร้อม ยึดเครื่องยิงเอ็ม 79 เอาไว้ได้ ส่วนคนร้าย กลุ่มผู้ชุมนุมใช้คนมากดดันแย่งตัวไปได้ จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้งที่รถตู้จอดไว้ขับรถอ้อมไปถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ มาสวนกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้รถฮัมวี จุดนั้นคนค่อนข้างเยอะก็เบียดกัน คนร้ายได้ลดกระจกลงมา หนึ่งในผู้ต้องหาตะโกนด่าทหาร "ไปทำเหี้ยอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติการที่ภาคใต้" คำพูดนี้ทำให้ทหารสามารถจำหน้าได้ 1 คน ที่อยู่ในรถ หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายหลบหนีกันไปหลายปี ตำรวจทหารก็เฝ้าสืบสวนสอบสวนต่อเรื่องจนมีหลักฐานแน่ชัดขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับจนจับกุมได้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุที่บริเวณแยกคอกวัวจริง โดยนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า พวกตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกัน เพราะมาร่วมทำงานนี้ โดยได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมนุม เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ จากนั้นนายธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่าทำแบบไหน แล้วก็ตามๆ กันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ สำหรับวันเกิดเหตุ นายกิตติศักดิ์ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิด เอ็มเค-2 นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดช ใช้อาวุธปืน เอ็ม 203 นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายปรีชาใช้อาวุธปืน เอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง เอ็ม100
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่นายทะเบียน ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, พกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุอันสมควร
***ภรรยา"ร่มเกล้า"โพสต์เฟซขอบคุณ
นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพรองค์ (พล.ร.21 รอ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Nicha Hiranburana Thuvatham” ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้กุมชายชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามยิง พล.อ.ร่มเกล้า จนเสียชีวิตบริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อเดือน เม.ย. 2553 ว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ที่ติดตามคดีให้ หลังจากหมดหวังไปแล้ว ขอขอบคุณ คสช. และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่กรุณาติดตามคดี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมกลับคืนมา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งข้ามผ่านไม่ได้ และเป็นมาตรฐานสากล ในเรื่องการค้นหาข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ เหตุการณ์ความรุนแรงในปี 2553 เป็นเหตุการณ์ใหญ่ มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก คดีมีความซับซ้อน ทั้งตัวคดีเอง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้การดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีความโปร่งใส ไม่เป็นที่ยอมรับ ขาดความเชื่อมั่น ถึงจุดที่ดิฉันหมดความไว้ใจในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คนตายทั้งคน บอกว่าไม่มีหลักฐานใดๆ และไม่มีความพยายามติดตามคดีให้เลย
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นนิมิตหมายดีที่บัดนี้หน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่มีจิตสำนึกได้ร่วมกันสืบค้นคดีนี้ แต่ก็คงต้องใช้ความรอบคอบอย่างมาก เพราะในช่วงที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับหลักฐานข้อเท็จจริงของคดีทั้งหมด จึงอยากขอฝากให้นำข้อเท็จจริงจากผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ของวุฒิสภา มาประกอบสำนวนคดีให้ครบถ้วน เพื่อนำไปสู่การขยายผลให้ได้ข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์ต่อไป
"วันนี้อย่างน้อยก็ได้ข้อสรุปให้สังคมประจักษ์ว่ามีชายชุดดำที่ทำร้ายทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์จริง หวังว่า จะโยงถึงผู้สั่งการ ผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 89 ศพ ในปี 2553 และอยากฝากให้เร่งติดตามคดีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 2556-57 ด้วย เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ยังมีความหวังที่จะได้ตัวผู้กระทำผิด อย่าปล่อยให้คดีล่วงเลยเหมือนปี 2553"นางนิชากล่าว
นางนิชาระบุว่า คนถามมามากถึงความรู้สึกว่าดีใจไหม ดิฉันไม่มีอะไรจะดีใจและเสียใจแล้ว เพราะสามีดิฉันไม่มีวันฟื้นคืนชีวิต มีแต่หน้าที่ในโลกที่ต้องทำต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา เจตนาที่ติดตามคดีนี้ ก็เพื่อความเป็นธรรมของสังคม เพื่อชีวิตที่บริสุทธิ์ของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐที่จะไม่ต้องตายเหมือนสามีดิฉัน ไม่ต้องมีครอบครัวใครนั่งร้องไห้ตายทั้งเป็นเหมือนดิฉัน ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความยุติธรรมนานเพียงใดก็รอได้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและรอคอยติดตามคดีของพี่ร่มเกล้ากับดิฉันมาตลอด ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ซึ่งมีใจบริสุทธิ์ต่อบ้านเมืองในการทำงานค้นหาความจริงเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองต่อไปค่ะ
***แกนนำนปช.ปัดวุ่นไม่มีเอี่ยวผู้ต้องหา
นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า คงต้องดูว่าเป็นชายชุดดำของฝ่ายไหน ของใคร และเป็นจริงแค่ไหน แต่ถ้าเขาบอกว่าเกี่ยวพันกับคนเสื้อแดง ก็ต้องระบุว่าเป็นกลุ่มไหน ตนยืนยันว่าสำหรับแกนนำบนเวที เราไม่มีชายชุดดำ ซึ่งถ้าใครทำผิด ก็ว่ากันไปตามผิด ก็สู้คดีกันไป แต่ถ้าเป็นการจัดฉากขึ้นมาเพื่อจะกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายคนเสื้อแดง ตนมองว่าความสามัคคีจะไม่เกิด ทั้งนี้ พวกตนไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นว่าชายชุดดำมีจริง ตลอดเวลาเราต่อสู้ด้วยสันติวิธี ไม่เคยใช้กองกำลังติดอาวุธมาต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าเขาเป็นใคร ยืนยันสำหรับ นปช. ไม่มีชายชุดดำ แต่ถ้าเป็นชายชุดดำที่มาร่วมต่อสู้ในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าฝ่ายใด ตนไม่รู้จักและไม่รู้ว่าเป็นใคร และถ้าแม้ว่าเป็นคนที่เรารู้จักและเขาจับปืนขึ้นมาสู้ เราก็ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นพวกเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจับกุมครั้งนี้จะสามารถสาวไปถึงผู้บงการต้นตอได้หรือไม่ นายธนาวุฒิ กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องจริง พยานหลักฐานมีจริง ก็จะหนีความจริงไม่พ้น ความจริงเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น ใครที่ใช้กองกำลังติดอาวุธมาต่อสู้เช่นนี้ ก็ต้องรับผิดชอบไปแต่ละกลุ่ม เชื่อมโยงกับใคร เอาเงินมาจากไหน ส่วนพวกตน ต่อสู้บนเวที จับไมค์ปราศรัยใช้หลักการต่อสู้กันไป ก็ว่ากันไป เราไม่มีกองกำลังติดอาวุธนี่คือพวกผม นปช.แดงทั้งแผ่นดินที่ต่อสู้กันมาตั้งแต่ปี 2544จนปี 2553 เราไม่มีกองกำลังติดอาวุธ
*** "เหวง" ซัดตำรวจจับแพะหรือเปล่า
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่จับทีมสังหาร พล.อ.ร่มเกล้าได้ ขอให้ดำเนินไปตามกฎหมาย แต่ประเด็นคือจับคนถูกหรือไม่ มีพยานหลักฐานชัดเจนหรือไม่ อยากให้ตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และแปลกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่งจับผู้ต้องหาได้ในปี 2557 โดยไม่เชื่อมั่นว่าทีมสังหาร พล.อ.ร่มเกล้าที่จับมาจะเป็นของจริง สงสัยว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ ถูกยัดเยียด ถูกซ้อมหรือไม่ และการที่ระบุว่าคนเสื้อแดงมีชายชุดดำ แล้วไปฆ่าพล.อ.ร่มเกล้านั้น ยังฟังไม่ขึ้น ยังสรุปแบบนั้นไม่ได้ ต้องตรวจสอบให้รอบคอบ
ทั้งนี้ ยืนยันว่ามีหลักฐานเอกสารบางชิ้นของตำรวจที่เข้าไปในสถานที่ที่พล.อ.ร่มเกล้า เสียชีวิต มีผู้เชี่ยวชาญหลุมระเบิดจากตำรวจไปพิสูจน์ทราบว่าตรงนั้นเป็นหลุมเอ็ม 67 และมีชิ้นส่วนของเอ็ม 67 ตกอยู่ และรายงานของตำรวจบอกว่ามีชิ้นส่วนเอ็ม 67 อยู่ในร่างการของพล.อ.ร่มเกล้า ฉะนั้นพล.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิตจากระเบิดเอ็ม 67 ซึ่งเอ็ม 67 ขว้างได้ในระยะทาง 40เมตร ซึ่งขณะนั้นคนเสื้อแดงอยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุเกินกว่า 100 เมตร มีสิ่งกีดขวางกั้นอยู่หลายอย่างจึงเป็นไปไม่ได้ ยืนยันว่าพล.อ.ร่มเกล้าไม่ได้ตายจากคนเสื้อแดง เป็นความเชื่อของผม ผมมีเอกสารยืนยันเรื่องนี้
*** ไม่เชื่อ “กริชสุดา” พัวพันด้วย
เมื่อถามว่า น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล นักกิจกรรมเสื้อแดง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วยมีความเห็นอย่างไร นพ.เหวง กล่าวว่า หากตำรวจแน่ใจว่าน.ส.กริชสุดาผิดจริง ก็ให้สำนักงานสิทธิมนุษยชนโลก เข้ามาร่วมทีมการสืบสวนด้วยหากตำรวจมั่นใจว่า น.ส.กริชสุดา มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สำหรับตนยังไม่เชื่อทั้งหมด ต้องฟังหู ไว้หู
เมื่อถามว่าการที่ตำรวจจับกุมทีมสังหารพล.อ.ร่มเกล้าได้นั้น จะส่งผลกระทบต่อคนเสื้อแดงหรือไม่ นพ.เหวง กล่าวว่า เชื่อว่าไม่เดือดร้อน เพราะคนเสื้อแดงไม่มีชายชุดดำ คนเสื้อแดงไม่มีกองกำลังติดอาวุธ คนเสื้อแดงไม่ได้สังหารพล.อ.ร่มเกล้า ฉะนั้นความจริงความบริสุทธิ์จะคุ้มครองพวกเรา เราไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวกับอะไร
***ดีเอสไอส่งทีมทำงานร่วมตำรวจ
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับคดี พล.อ.ร่มเกล้าไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขณะนั้นยังไม่ทราบชายชุดดำเป็นใคร จึงยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ แต่เมื่อตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ และยอมรับสารภาพ จึงได้เตรียมติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดำเนินคดีอาวุธปืน เพื่อดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาต่อไป
"ดีเอสไอจะส่งพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในคดีดังกล่าวเข้าไปทำงานร่วมกับตำรวจ เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาด้วย หรืออีกแนวทางหนึ่ง คือ ประสานให้ทางตำรวจโอนคดีเรื่องอาวุธปืนมายังดีเอสไอ เนื่องจากอาวุธปืนที่คนร้ายใช้นั้นเกี่ยวข้องกับการตายของ พล.อ.ร่มเกล้า"พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าว