จับสมุน “เปิ้ล สหายสุดซอย” แก๊งแดงบึ้มป่วนเมือง

ตำรวจภูธร 1 จับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารบก จ.สระบุรี ฐานครอบครองอาวุธสงคราม ตามคำซัดทอดของ “เปิ้ล สหายสุดซอย” นักกิจกรรมเสื้อแดง ที่ได้หลบหนีไปต่างแดน

วันนี้ (8 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผอ.กฎหมาย กอ.รมน. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายพีระพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ อายุ 42 ปี ชาว จ.ระยอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ที่ 10 ก./2557 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2557 ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมของกลางเอกสารหลักฐานที่ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล สหายสุดซอย นักกิจกรรมเสื้อแดง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงครามที่ใช้ก่อเหตุในช่วงชุมนุม

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนทราบว่านายพีระพงษ์มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงที่มีการชุมนุมซึ่งถูกออกหมายจับและจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นคนจัดหาอาวุธสงครามมาให้กลุ่มผู้ต้องหาและยังใช้บ้านพักของตัวเองที่ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง เป็นสถานที่ฝึกการใช้อาวุธสงครามให้แก่ผู้ต้องหาทั้งหมดอีกด้วย โดยจากการสอบสวนนายพีระพงษ์ให้การรับสารภาพว่าได้ไปรับอาวุธสงครามมาจาก น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล สหายสุดซอย นักกิจกรรมเสื้อแดงซึ่งทาง คสช.ให้ไปรายงานตัว และกำลังหลบหนีอยู่ต่างประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ จากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดมาได้นั้น สามารถระบุได้ว่า น.ส.กริชสุดามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา โดยเป็นคนจัดการเรื่องการเงิน จัดซื้อจัดหา อาวุธสงครามเพื่อนำมาก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศยังได้แสดงหลักฐานเป็นภาพถ่ายขณะพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปทำการสอบปากคำ น.ส.กริชสุดา ขณะถูกควบคุมตัวที่ มทบ.11 ให้สื่อมวลชนได้ดู หลังจากมีข่าวเผยแพร่ไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าเจ้าตัวถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำร้ายขณะควบคุมตัว พร้อมกล่าวยืนยันว่า ขณะที่สอบปากคำนั้น น.ส.กริชสุดาไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกพันธนาการแต่อย่างใด อีกทั้ง น.ส.กริชสุดายังได้ให้การเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะให้ข้อมูลต่างๆ ด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ และมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ น.ส.กริชสุดากล่าวอ้างแต่อย่างใด การกระทำของ น.ส.กริชสุดาจึงแสดงให้เห็นว่าเป็นการพูดเท็จ สร้างเรื่องเพื่อหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป