ผ่าประเด็นร้อน
ต้องเรียกว่ามากันเป็นแพกเกจดาหน้ากันออกมาแบบพร้อมเพรียงสัมพันธ์กันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยสำหรับพวก “เครือข่ายเสื้อแดง” ในหลากหลายชื่อหลายรูปแบบ แต่มีเป้าหมายร่วมเดียวกัน คือ สร้างความสั่นสะเทือนต่อสถาบันเบื้องสูง และถล่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้ว่าจะเป็นลักษณะใช้ระดับบุคคลโนเนม แต่ผลที่ได้รับกลับมาก็ถือว่าคุ้มค่าพอสมควร
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของเครือข่ายคนเสื้อแดงภาคตะวันออก อย่าง กริชสุดา คุณะเสน ที่หลบหนีออกนอกประเทศได้โจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อ้างว่าตัวเธอถูกทารุณกรรมด้วยวิธีการต่างๆ นานาระหว่างที่เคยถูกควบคุมตัวหลังมีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เธออ้างว่านี่คือการคุกคามสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงกับคนที่มีความเห็นต่างอย่างร้ายกาจที่สุด ขณะเดียวกันก็มีการปล่อยภาพและเสียงการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวต่างประเทศในไทย อย่างบีบีซีภาคภาษาไทย ในช่วงเวลาเดียวกันอย่างจงใจ
ถัดมาก็มีรายงานอ้างตามมาอีกว่า องค์กรสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา เรียกร้องมายัง คสช.ให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าวในทันที
นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของสองคู่หู จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และ จักรภพ เพ็ญแข อ้างว่าเวลานี้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้รับเรื่องและเตรียมเดินทางเข้ามาไทยเพื่อสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว หรือแม้แต่มีการอ้างคำพูดของ จรัล ดิษฐาอภิชัย นักเคลื่อนไหวเครือข่ายเสื้อแดงอีกคนหนึ่งก็ระบุในทำนองเดียวกัน
หากเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ก็ย่อมมองออกว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นขบวนการที่มีการวางแผนที่สอดรับกันเป็นอย่างดี แม้ว่าถ้ามองในด้านเปรียบเทียบกับการลงทุนก็ต้องบอกว่าเป็นการ “ลงทุนน้อยแต่หวังผลตอบแทนสูง” นั่นคือใช้พวกระดับโนเนมเดินเรื่อง เป็นการเคลื่อนไหวฉีกแนวออกมาจากแนวเดิมที่เคยเน้นระดับหัวโจกเข้าทำเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดี เมื่อเชื่อมโยงไปถึงสื่อต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ มันก็ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนกลับมาได้ทุกที คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงขนาดโฆษกกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ถูกพาดพิงว่าอยู่ในเหตุการณ์และทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้พูดถึงภาพลักษณ์ด้านดีของกองทัพ จนต้องออกมาปฏิเสธและชี้แจงแบบทันควัน โดยยอมรับว่าได้ทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมจริง แต่เป็นเพียงพูดในทำนองให้ยุติพฤติกรรมที่สร้างความแตกแยกแล้วหันมาทำเพื่อชาติบ้านเมืองเท่านั้น
ไม่ต่างจาก พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกของ คสช.ที่ปฏิเสธในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่าเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อต้องการลากให้องค์กรต่างประเทศบางองค์กรเข้ามา อีกทั้งเจ้าตัวอ้างเหตุผลเพื่อต้องการขอลี้ภัยในต่างประเทศ เนื่องจากกลัวถูกดำเนินคดีอาญาที่ผลการสอบสวนเริ่มพาดพิงไปถึงรวมไปถึงอาจเกรงอันตรายจากพวกที่เคยร่วมเคลื่อนไหวเนื่องจากก่อนหน้านี้เคยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาย้ำว่าไม่มีประโยชน์ที่ คสช.จะต้องทำแบบนั้นเพราะไม่มีประโยชน์ และสามารถสอบถามจากคนอื่นๆที่เคยถูกเรียกไปรายงานตัวต่างยืนยันว่ามีการดูแลอย่างดีและให้เกียรติ
แต่หากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ของ กริชสุดา คุณะเสน คนนี้แม้ว่าจะเป็นระดับเสื้อแดงปลายแถว แต่การเคลื่อนไหวในช่วงหลังๆถือว่าโดดเด่น สามารถเรียกร้องความสนใจได้พอตัวทีเดียว ถ้าจำกันได้ก่อนหน้านี้เคยมีการสร้างเรื่องว่าเธอเสียชีวิต หรือหายตัวไปในช่วงที่ คสช.ควบคุมตัว แต่ตอนหลังก็ยืนยันว่ามีการปล่อยตัวออกมาแล้ว จนกระทั่งมีการพิสูจน์ว่าไม่เป็นความจริง จนกระทั่งมีการเคลื่อนไหวล่าสุดออกมา ซึ่งก็ทำเอาคณะรักษาความสงบแห่งชาติหวั่นไหวไปบ้างเหมือนกัน เห็นได้จากการออกมาตอบโต้ชี้แจง
หากพิจารณาจากรูปแบบการเคลื่อนไหวก็ต้องบอกว่าเป็นการแท็กทีม แต่คราวนี้เป็นลักษณะของเครือข่ายรายย่อย เล่นจากล่างขึ้นบน ใช้บุคคลที่ไม่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ แต่สามารถใช้ประโยชน์จากสื่อที่เป็นแนวร่วมเพื่อสร้างกระแสในลักษณะ “ดาวกระจาย” อย่างได้ผล และแน่นอนว่าเป้าหมายโจมตีก็ต้องมุ่งไปที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งมีจุดอ่อนในเรื่องลักษณ์อ่อนไหวในเรื่องการใช้อำนาจเผด็จการ รวมไปถึงโจมตีกระทบชิ่งไปถึงสถาบันเบื้องสูง เนื่องจากคนพวกนี้มีทัศนะคติที่เป็นอันตรายอยู่แล้ว
แต่นาทีนี้แม้ว่าเครือข่ายคนเสื้อแดง ที่แนบแน่นอยู่กับระบอบทักษิณ จะโหมโจมตีจากข้างนอกเข้ามามาเพียงใด ก็ยังถือว่าได้ผลไม่เต็มที่ เพราะยังอยู่ในช่วงที่สังคมให้โอกาส คสช.และที่ผ่านมาหากพิจารณากันตามความเป็นจริงยังไม่เห็นความผิดพลาดที่ชัดเจน ยังทำแต้มเป็นบวกอยู่ แต่ในอนาคตที่กำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญ หากยังพิสูจน์ไม่ได้ แผลเก่าๆที่เคยถูกถล่มก็จะขยายผลออกไปได้เรื่อยๆ หากไม่แก้ไขถึงตอนนั้นก็ยุ่งเหมือนกัน!!
