00 น่าจับตาเหมือนกัน กับความพยายามส่งเสียงโวยวายของสมาชิกคนเสื้อแดงคนหนึ่งชื่อ กริชสุดา คุณะแสน อะไรนั่น ที่หลบออกไปฟ้องชาวโลกว่า โดน คสช.ลงทัณฑ์ทรมาณ ในช่วงที่ถูกควบคุมตัว มีการปิดผ้าปิดตา ตบตีสารพัด หลังจากหลบหนีออกไปได้แล้ว เธอก็ใช้เครือข่ายโซเชียล ปล่อยคำสัมภาษณ์โจมตีมาเป็นระลอก รวมไปถึงให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศในไทยถล่มส่งท้าย ซึ่งก็ได้ผล เมื่อองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ในชื่อฝรั่งว่า "ฮิวแมนไรท์วอทซ์" ที่มีฐานอยู่ในอเมริกา รับลูกทันที โดยเรียกร้องให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
00 สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และ จักรภพ เพ็ญแข เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบออกมาตั้งกลุ่มเรียกชื่อเสียสวยหรู ว่า กลุ่มเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่อ้างก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ได้รับเรื่องและเตรียมเข้ามาสอบสวนการกดขี่และละเมิดสิทธิประชาชนในไทยแล้ว
00 แม้ว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เหนือความคาดหมาย ว่ามันต้องออกมาในแนวนี้อยู่แล้ว และในทางข้อเท็จจริงพวกต่างชาติมันก็ไม่ได้เออออห่อหมกไปกับคนพวกนี้สักเท่าไหร่หรอก อาจมีบ้างที่เล่นด้วยช่วยกระพือ และคนที่ติดตามก็ย่อมรู้ทันว่า พวกมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ มันก็ใช้องค์กรสิทธิมนุษยชนบังหน้า เพื่อหาทางเข้ามาแทรกแซง แส่เข้ามาในประเทศอื่น เพื่อข่มขู่บังคับให้ยอมทำตามผลประโยชน์ของมัน เหมือนกับที่ผ่านมาเคยสมประโยชน์กับระบอบทักษิณ มาวันนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ในตอนแรกก็เต้นแร้งเต้นกา แต่พอเริ่มมั่นใจว่า ผลประโยชน์ของตัวเองไม่กระทบกระเทือน ก็เริ่มหันมาญาติดีแบบเดิม เนี่ย สันดานพวกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ ตราบใดที่ คสช. ยังไม่มีท่าทีไปคุกคามแตะต้อง
00 อย่างไรก็ดี ใช่ว่า คสช. จะไม่รู้ทัน เพราะหากนำมาประมวลสถานการณ์แบบเชื่อมโยง กับเหตุการณ์ในชายแดนใต้ ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายพยายามก่อกวน สร้างสถานการณ์ ทำให้เป็นเรื่องการ "ข่มเหงรังแก" ใช้อาวุธทำร้าย เพื่อให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง ก่อนหน้านี้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยกำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ให้ระมัดระวัง ต้องยืนยันว่าเป็น "เรื่องภายใน" ดังนั้นกรณีของเครือข่ายคนเสื้อแดงดังกล่าว ที่ไปโวยวายข้างนอก อ้างว่าถูกทารุณ ทางหนึ่งก็เพื่อใช้สำหรับเป็นเหตุผลในการขอลี้ภัยเพื่อย้ายไปตั้งรกรากในต่างแดนเท่านั้น และที่ผ่านมา โฆษกกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ก็ได้ออกมาชี้แจงจนครบถ้วนแล้ว !!
00 อีกด้านหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ คนเสื้อแดงพวกนี้ ล้วนมีประวัติเคลื่อนไหวในทาง"ล้มเจ้า" เกือบทั้งสิ้น แม้ว่าที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร จะออกมายืนยันผ่านการ์ดวันเกิดครบ 65 ปี เมื่อปลายเดือน ก.ค. ว่า"จงรักภักดี" แต่ก็นั่นแหละ คนรอบตัวล้วนมีพฤติกรรมล้มเจ้า ทั้ง จักรภพ-จารุพงศ์ ล่าสุดที่เพิ่งถูกออกหมายจับไปก็คือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รวมไปถึงรายของ กริชสุดา คุณะแสน นี่ก็ใช่ มันถึงต้องเตือนให้ระวัง อย่าตกหลุมพวก "ลงทุนน้อย" แต่หวังผลสูงพวกนี้ให้ดี
00 สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คราวนี้ถึงอย่างไรก็ต้องชมว่า หลักการถูกต้อง กับท่าทีของป.ช.ป. ที่ไม่ส่งตัวแทนเข้าไปเกี่ยวข้องใน สปช.ให้เหตุผลว่า เพราะฝ่ายการเมือง นักการเมืองมีส่วนได้เสีย อาจมีเรื่อง "ขัดกันผลประโยชน์" ขออยู่วงนอก คอยเสนอแนะแบบสร้างสรรค์ดีกว่า ก็ถูกต้อง พรรคการเมืองก็เช่นเดียวกัน น่าจะเป็นแบบนั้นด้วย หรือแม้แต่ คสช. ข้าราชการทั้งหลาย ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งให้ชาวบ้าน องค์กรภาคประชาชน เข้าไปให้ความเห็น ออกแบบ แล้วสรุปออกมาจะดีกว่า !!
00 น่าเป็นห่วงก็คือ แนวทางปฏิรูปจะผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปตำรวจ ก็จะออกมาในลักษณะ "แบบตำรวจ" เพราะล่าสุด ทางรักษาราชการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่ผันตัวเองไปเป็น สนช. อีกเก้าอี้หนึ่ง ยืนยันว่า จะเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจ หากเป็นแบบน้นจริง มันก็ยุ่ง และไม่มีทางเป็นไปตามความต้องการให้เป็น "ตำรวจของประชาชนอย่างแน่นอน" หรือแม้แต่การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้มากขึ้นแบบลดอำนาจส่วนภูมิภาค ที่ควบคุมโดยส่วนกลางลง ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะแม้แต่ มล.ปนัดดา ดิศกุล คนที่เติบโตมาจากสาย มหาดไทย ยังเคยคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าฯ และการกระจายอำนาจแบบหัวชนฝาเลย สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า กลัวมหาดไทย ถูกลดบทบาทเท่านั้น !!
00 สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และ จักรภพ เพ็ญแข เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบออกมาตั้งกลุ่มเรียกชื่อเสียสวยหรู ว่า กลุ่มเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่อ้างก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ได้รับเรื่องและเตรียมเข้ามาสอบสวนการกดขี่และละเมิดสิทธิประชาชนในไทยแล้ว
00 แม้ว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เหนือความคาดหมาย ว่ามันต้องออกมาในแนวนี้อยู่แล้ว และในทางข้อเท็จจริงพวกต่างชาติมันก็ไม่ได้เออออห่อหมกไปกับคนพวกนี้สักเท่าไหร่หรอก อาจมีบ้างที่เล่นด้วยช่วยกระพือ และคนที่ติดตามก็ย่อมรู้ทันว่า พวกมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ มันก็ใช้องค์กรสิทธิมนุษยชนบังหน้า เพื่อหาทางเข้ามาแทรกแซง แส่เข้ามาในประเทศอื่น เพื่อข่มขู่บังคับให้ยอมทำตามผลประโยชน์ของมัน เหมือนกับที่ผ่านมาเคยสมประโยชน์กับระบอบทักษิณ มาวันนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ในตอนแรกก็เต้นแร้งเต้นกา แต่พอเริ่มมั่นใจว่า ผลประโยชน์ของตัวเองไม่กระทบกระเทือน ก็เริ่มหันมาญาติดีแบบเดิม เนี่ย สันดานพวกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ ตราบใดที่ คสช. ยังไม่มีท่าทีไปคุกคามแตะต้อง
00 อย่างไรก็ดี ใช่ว่า คสช. จะไม่รู้ทัน เพราะหากนำมาประมวลสถานการณ์แบบเชื่อมโยง กับเหตุการณ์ในชายแดนใต้ ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายพยายามก่อกวน สร้างสถานการณ์ ทำให้เป็นเรื่องการ "ข่มเหงรังแก" ใช้อาวุธทำร้าย เพื่อให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง ก่อนหน้านี้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยกำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ให้ระมัดระวัง ต้องยืนยันว่าเป็น "เรื่องภายใน" ดังนั้นกรณีของเครือข่ายคนเสื้อแดงดังกล่าว ที่ไปโวยวายข้างนอก อ้างว่าถูกทารุณ ทางหนึ่งก็เพื่อใช้สำหรับเป็นเหตุผลในการขอลี้ภัยเพื่อย้ายไปตั้งรกรากในต่างแดนเท่านั้น และที่ผ่านมา โฆษกกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ก็ได้ออกมาชี้แจงจนครบถ้วนแล้ว !!
00 อีกด้านหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ คนเสื้อแดงพวกนี้ ล้วนมีประวัติเคลื่อนไหวในทาง"ล้มเจ้า" เกือบทั้งสิ้น แม้ว่าที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร จะออกมายืนยันผ่านการ์ดวันเกิดครบ 65 ปี เมื่อปลายเดือน ก.ค. ว่า"จงรักภักดี" แต่ก็นั่นแหละ คนรอบตัวล้วนมีพฤติกรรมล้มเจ้า ทั้ง จักรภพ-จารุพงศ์ ล่าสุดที่เพิ่งถูกออกหมายจับไปก็คือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รวมไปถึงรายของ กริชสุดา คุณะแสน นี่ก็ใช่ มันถึงต้องเตือนให้ระวัง อย่าตกหลุมพวก "ลงทุนน้อย" แต่หวังผลสูงพวกนี้ให้ดี
00 สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คราวนี้ถึงอย่างไรก็ต้องชมว่า หลักการถูกต้อง กับท่าทีของป.ช.ป. ที่ไม่ส่งตัวแทนเข้าไปเกี่ยวข้องใน สปช.ให้เหตุผลว่า เพราะฝ่ายการเมือง นักการเมืองมีส่วนได้เสีย อาจมีเรื่อง "ขัดกันผลประโยชน์" ขออยู่วงนอก คอยเสนอแนะแบบสร้างสรรค์ดีกว่า ก็ถูกต้อง พรรคการเมืองก็เช่นเดียวกัน น่าจะเป็นแบบนั้นด้วย หรือแม้แต่ คสช. ข้าราชการทั้งหลาย ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งให้ชาวบ้าน องค์กรภาคประชาชน เข้าไปให้ความเห็น ออกแบบ แล้วสรุปออกมาจะดีกว่า !!
00 น่าเป็นห่วงก็คือ แนวทางปฏิรูปจะผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปตำรวจ ก็จะออกมาในลักษณะ "แบบตำรวจ" เพราะล่าสุด ทางรักษาราชการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่ผันตัวเองไปเป็น สนช. อีกเก้าอี้หนึ่ง ยืนยันว่า จะเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจ หากเป็นแบบน้นจริง มันก็ยุ่ง และไม่มีทางเป็นไปตามความต้องการให้เป็น "ตำรวจของประชาชนอย่างแน่นอน" หรือแม้แต่การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้มากขึ้นแบบลดอำนาจส่วนภูมิภาค ที่ควบคุมโดยส่วนกลางลง ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะแม้แต่ มล.ปนัดดา ดิศกุล คนที่เติบโตมาจากสาย มหาดไทย ยังเคยคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าฯ และการกระจายอำนาจแบบหัวชนฝาเลย สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า กลัวมหาดไทย ถูกลดบทบาทเท่านั้น !!
