00 วันอังคารที่ 9 เดือน 9 ถือเป็นวันฤกษ์ดีสำหรับรัฐบาล "ประยุทธ์1" เดินเข้าทำเนียบฯ เพื่อประชุมครม.นัดแรก หลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ตามกม. ก็สมบูรณ์แล้ว แม้ว่ายังต้องรอแถลงนโยบายต่อสภา แต่เวลานี้ก็สามารถทำงานได้แล้ว แต่เอาเถอะ หากรอแถลงก่อนก็ไม่เป็นไร จะได้ครบสูตร ด้วยเหตุนี้หรือเปล่า การประชุมครม.นัดแรกวันนี้ จึงเป็นแบบ "ไม่เป็นทางการ" หรือนอกรอบ แต่ก็ประชุมซักซ้อมสั่งการได้หมดไม่มีปัญหา อาจถือโอกาสลองเครื่องไม้เครื่องมือเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ทุ่มทุนปรับปรุง ซื้อใหม่รวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท เพื่อต้อนรับนายกฯคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็แล้วกัน
00 ถ้านับจากวันที่ 22 พ.ค. มาจนถึงวันนี้ วันที่ 9 เดือน 9 ก็ต้องบอกว่า สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นวันเริ่มต้นพิสูจน์ภาวะผู้นำในฐานผู้นำฝ่ายบริหารที่ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างแท้จริง ที่ผ่านมาในฐานะผู้นำทหาร อาจจะมาแบบดุดันเด็ดขาด นั่นอาจใช้ได้ผลในบางโอกาส และกับคนบางกลุ่ม เช่นในกองทัพ แต่สำหรับพลเรือน และชาวบ้านทั่วไป ที่มีร้อยพ่อพันแม่ หลากหลายความต้องการ มันจึงไม่ง่าย และที่สำคัญจะใช้อำนาจบังคับตลอดไปไม่ได้เป็นอันขาด และพลังของประชาชนนี่แหละร้ายกาจนัก ขณะเดียวกันเมื่อมีอำนาจมาก บางคนก็ "หลง" และเสียคนมามากแล้ว ซึ่งพวกที่เป็นต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มข้าราชการและคนใกล้ชิดที่เข้ามาเกาะแขน เกาะขา คนพวกนี้ก็คือกลุ่มการเมืองที่ "เปลี่ยนสี" รับใช้ได้ตลอดเวลา ก็ต้องระวัง ไม่อยากให้คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เดินย่ำรอยเก่า เพราะคราวนี้เดิมพันสูงกว่าทุกครั้ง ถ้าพลาดหรือล้มเหลวก็ทำให้คนที่ลุ้นอยู่วงนอกพลอยผิดหวังไปด้วย เวลานี้ก็เริ่มเห็นเลาๆบ้างแล้ว ในมหาดไทย ในวงการสีกากี กลุ่มผลประโยชน์ด้านพลังงาน !!
00 คำพูดของรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ที่คาดว่าดูแลด้านกม.ของรัฐบาล ระบุว่า ต่อไปนี้ คสช.จะ "ต้อง" ลดบทบาทลง เหลือแค่ "ที่ปรึกษา" ด้านความมั่นคงภายใน และการรักษาความสงบเท่านั้น ความหมายตามมาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ก็จะลดบทบาทลงแล้วมาเพิ่มบทบาทในฐานะนายกฯ เป็นผู้นำฝ่ายบริหารใน "แบบสากล" และนี่คือข้อดี และเหตุผลว่าทำไมถึงต้องควบทั้งสองเก้าอี้ ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า ถ้าวันนี้นายกฯเป็นคนละคนกับหัวหน้าคสช. อาการ "ขบเหลี่ยมกันในเชิงอำนาจสั่งการ" ก็จะเกิดขึ้นทันที เอาเป็นว่าแค่นี้ก็น่าจะเห็นภาพกันแล้ว !!
00 คงต้องชี้แจงให้เคลียร์เหมือนกันถึงความจำเป็น มีเหตุผลเพียงพอหรือเปล่า แม้ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว และทุกอย่างกำลังเสร็จเรียบร้อยกำลังจะใช้งานอยู่แล้ว กับการใช้งบประมาณกว่าสามร้อยล้านบาท ในการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลครั้งใหม่ เพื่อรองรับรัฐบาลใหม่ ล่าสุดมีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.- สตง. เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณ ว่าโปร่งใสตามขั้นตอนและความจำเป็นหรือไม่ ขัดกับหลักความพอเพียงตามที่ นายกฯประยุทธ์ ได้ประกาศไว้หรือไม่ แล้วของเก่าที่รื้อออกไป ทั้งคอมฯ ไมโครโฟนชุดเก่า เอาไปไหน เรื่องแบบนี้อีกมุมหนึ่งก็ต้องชี้แจงเหมือนกัน และคนที่รับผิดชอบ ตอบคำถามให้เป็นเรื่องเป็นราวก็หนีไม่พ้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ มล.ปนัดดา ดิศกุล ที่เป็นหัวเรือใหญ่ควบคุมการซ่อมแซมปรับปรุงนั่นแหละ ก็นี่แหละในบทบาทการเมือง ก็เป็นแบบนี้แหละ !!
00 ที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่งก็คือในวันที่ 11 ก.ย. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะพิจารณา ร่าง ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ในหมวดถอดถอน ซึ่งต้องลุ้นกันว่า ครอบคลุมไปถึงใครได้บ้าง หลังจากไม่มีการระบุอบ่างชัดเจนใน รธน.ชั่วคราว พ.ศ. 2557 แต่คนที่ลุ้นหนักจนเก็บอาการไม่อยู่เห็นจะเป็น นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีแก้ไขรธน. เรื่องที่มา ส.ว. เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้า สนช. ลงมติเห็นชอบให้เดินหน้าถอดถอนได้ ก็ซวยแน่ รวมไปถึง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนฯ ในข้อหาเดียวกัน รวมไปถึง "น้องสาวของลูกพี่" คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโครงการรับจำนำข้าว และส่งมาให้วุฒิสภาถอดถอน แต่เกิด คสช.เสียก่อน เรื่องจึงคาราคาซัง แต่ถ้า สนช. กำหนดข้อบังคับให้ถอดถอนได้ ก็ถือว่า "ซวยยกเข่ง" มีผลถึงอนาคตทางการเมืองที่อาจถูกตัดสิทธิ์ "ใบแดง" ตลอดชีวิต !!
00 ถ้านับจากวันที่ 22 พ.ค. มาจนถึงวันนี้ วันที่ 9 เดือน 9 ก็ต้องบอกว่า สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นวันเริ่มต้นพิสูจน์ภาวะผู้นำในฐานผู้นำฝ่ายบริหารที่ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างแท้จริง ที่ผ่านมาในฐานะผู้นำทหาร อาจจะมาแบบดุดันเด็ดขาด นั่นอาจใช้ได้ผลในบางโอกาส และกับคนบางกลุ่ม เช่นในกองทัพ แต่สำหรับพลเรือน และชาวบ้านทั่วไป ที่มีร้อยพ่อพันแม่ หลากหลายความต้องการ มันจึงไม่ง่าย และที่สำคัญจะใช้อำนาจบังคับตลอดไปไม่ได้เป็นอันขาด และพลังของประชาชนนี่แหละร้ายกาจนัก ขณะเดียวกันเมื่อมีอำนาจมาก บางคนก็ "หลง" และเสียคนมามากแล้ว ซึ่งพวกที่เป็นต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มข้าราชการและคนใกล้ชิดที่เข้ามาเกาะแขน เกาะขา คนพวกนี้ก็คือกลุ่มการเมืองที่ "เปลี่ยนสี" รับใช้ได้ตลอดเวลา ก็ต้องระวัง ไม่อยากให้คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เดินย่ำรอยเก่า เพราะคราวนี้เดิมพันสูงกว่าทุกครั้ง ถ้าพลาดหรือล้มเหลวก็ทำให้คนที่ลุ้นอยู่วงนอกพลอยผิดหวังไปด้วย เวลานี้ก็เริ่มเห็นเลาๆบ้างแล้ว ในมหาดไทย ในวงการสีกากี กลุ่มผลประโยชน์ด้านพลังงาน !!
00 คำพูดของรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ที่คาดว่าดูแลด้านกม.ของรัฐบาล ระบุว่า ต่อไปนี้ คสช.จะ "ต้อง" ลดบทบาทลง เหลือแค่ "ที่ปรึกษา" ด้านความมั่นคงภายใน และการรักษาความสงบเท่านั้น ความหมายตามมาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ก็จะลดบทบาทลงแล้วมาเพิ่มบทบาทในฐานะนายกฯ เป็นผู้นำฝ่ายบริหารใน "แบบสากล" และนี่คือข้อดี และเหตุผลว่าทำไมถึงต้องควบทั้งสองเก้าอี้ ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า ถ้าวันนี้นายกฯเป็นคนละคนกับหัวหน้าคสช. อาการ "ขบเหลี่ยมกันในเชิงอำนาจสั่งการ" ก็จะเกิดขึ้นทันที เอาเป็นว่าแค่นี้ก็น่าจะเห็นภาพกันแล้ว !!
00 คงต้องชี้แจงให้เคลียร์เหมือนกันถึงความจำเป็น มีเหตุผลเพียงพอหรือเปล่า แม้ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว และทุกอย่างกำลังเสร็จเรียบร้อยกำลังจะใช้งานอยู่แล้ว กับการใช้งบประมาณกว่าสามร้อยล้านบาท ในการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลครั้งใหม่ เพื่อรองรับรัฐบาลใหม่ ล่าสุดมีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.- สตง. เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณ ว่าโปร่งใสตามขั้นตอนและความจำเป็นหรือไม่ ขัดกับหลักความพอเพียงตามที่ นายกฯประยุทธ์ ได้ประกาศไว้หรือไม่ แล้วของเก่าที่รื้อออกไป ทั้งคอมฯ ไมโครโฟนชุดเก่า เอาไปไหน เรื่องแบบนี้อีกมุมหนึ่งก็ต้องชี้แจงเหมือนกัน และคนที่รับผิดชอบ ตอบคำถามให้เป็นเรื่องเป็นราวก็หนีไม่พ้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ มล.ปนัดดา ดิศกุล ที่เป็นหัวเรือใหญ่ควบคุมการซ่อมแซมปรับปรุงนั่นแหละ ก็นี่แหละในบทบาทการเมือง ก็เป็นแบบนี้แหละ !!
00 ที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่งก็คือในวันที่ 11 ก.ย. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะพิจารณา ร่าง ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ในหมวดถอดถอน ซึ่งต้องลุ้นกันว่า ครอบคลุมไปถึงใครได้บ้าง หลังจากไม่มีการระบุอบ่างชัดเจนใน รธน.ชั่วคราว พ.ศ. 2557 แต่คนที่ลุ้นหนักจนเก็บอาการไม่อยู่เห็นจะเป็น นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีแก้ไขรธน. เรื่องที่มา ส.ว. เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้า สนช. ลงมติเห็นชอบให้เดินหน้าถอดถอนได้ ก็ซวยแน่ รวมไปถึง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนฯ ในข้อหาเดียวกัน รวมไปถึง "น้องสาวของลูกพี่" คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีโครงการรับจำนำข้าว และส่งมาให้วุฒิสภาถอดถอน แต่เกิด คสช.เสียก่อน เรื่องจึงคาราคาซัง แต่ถ้า สนช. กำหนดข้อบังคับให้ถอดถอนได้ ก็ถือว่า "ซวยยกเข่ง" มีผลถึงอนาคตทางการเมืองที่อาจถูกตัดสิทธิ์ "ใบแดง" ตลอดชีวิต !!