ASTVผู้จัดการรายวัน - “แลมป์ตั้น” เจ้าตลาดหลอดไฟแตกไลน์ธุรกิจอสังหาฯ ตั้ง”แลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้” ทุ่ม 1,000 ล้านบาทผุดคอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะ ไบรท์” บนถ.พระราม 2 คาดแล้วเสร็จ ก.ย. 58 หากประสบความสำเร็จเดินหน้ารุกโครงการที่ 2 ต่อ พร้อมลุยธุรกิจจัดสรร เผยมีแลนด์แบงก์แล้ว 2 แปลงย่านพระราม 2 ด้านธุรกิจหลอดไฟปีนี้ทรงตัวยอดขาย 1,000 ล้านบาท
นายกฤษฏา ไชยสงวนมิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลมป์ตั้น ไลท์ติ้ง 2001 จำกัด และผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ไบรท์ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านหลอดไฟและอุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสว่างมากว่า 30 ปี ปัจจุบันมียอดขายปีละ 1,000 ล้านบาท และยังคงพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องโดย
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการขยายการเติบโตของกลุ่มบริษัท จึงขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยก่อตั้งบริษัทแลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท เริ่มพัฒนาโครงการแรกคอมมูนิตี้มอลล์แรกภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไบรท์” ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จบริษัทเตรียมลงทุนเปิดเดอะไบรท์ต่อ รวมถึงแผนลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินสะสมำว้แล้ว 2 แปลงขนาดแปลงละ 20 ไร่ รวมถึงมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีกด้วย
โครงการเดอะ ไบรท์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10 ไร่ บนถนนพระราม 2 ฝั่งขากออก ห่างจากทางลงทางด่วนเฉลิมมหานคร 1.5 กิโลเมตร พื้นที่พัฒนาประมาณ 17,000 ตารางเมตร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น แบ่งเป็นส่วนของร้านอาหาร 50% การธนาคารและการบริการ 20% ร้านความงาม 10% และอื่นๆ 20% รวมถึงอาคารจอดรถ 8 ชั้นรองรับรถได้กว่า 500 คัน เชื่อมต่อกับตัวมอลล์ทุกชั้น รวมถึงการลงทุนกว่า 10 ล้านบาทกับการทำระบบจัดแสดงแสงสีภาพเคลื่อนไหวแบบสามมิติลงบนอาคารสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจและสวยงาม
ล่าสุด บริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด (Foodland) ใต้เซ็นสัญญาเปิดสาขาภายในโครงการบนพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร และสกูซี่พิชช่า นอกจากนี้ยังได้จัดโชว์รูมแลมป์ตั้น บนพื้นที่ 800 ตร.ม. เพื่อแสดงสินค้าทั้งหมดรวมถึงโคมไฟ ซึ่งทำการตลาดไปยังโครงการที่อยู่อาศัยโดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเข้าโครงการเพิ่มเป็น 20% จากที่ผ่านมามีเพียง 10% เท่านั้น
นางสาวอวัศยา ไชยสงวนมิตต์ ประธานบริษัท แลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากที่เกิดและทำงานอยู่บนย่านพระราม 2 มาตลอดทำให้ทราบถึงการพัฒนาของเมือง ทราบถึงไลฟ์สไตล์ของคนในย่านนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสถานที่พบปะสังสรรค์ หรือคุยงานกับลูกค้า ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่ง จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาไลฟ์สไตล์มอลล์เดอะ ไบรท์ขึ้น
“ถนนพระราม 2 เป็นถนนสายหลักที่มีความสำคัญมากมีการเชื่อมต่อระบบการคมนาคมสู่ถนนสายหลักหลากหลายเส้นทาง ประกอบกับช่วงปลายปี 2558 คาดว่ารถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีม่วงก่อสร้างแล้วเสร็จซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีโครงการที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม หมู่บ้านและทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยม รวมถึงมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลชั้นนำและหน่วยงานราชการ ส่งผลให้ผู้คนเข้าอยู่อาศัยมากขึ้นเรื่อยๆ” ”นางสาวอวัศยา กล่าว
จากผลการศึกษาและวิจัยในเชิงลึก พบว่า ประชากรในเขตทั้ง 4 คือ เขตบางขุนเทียน เขตจอมทอง เขตบางแค และเขตภาษีเจริญ มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 500,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงานและมีกำลังซื้อสูงด้วยยอดซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 1,950 บาทต่อครั้งต่อคน จากงานวิจัยตลาดพบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการสถานที่พบปะสังสรรค์ที่ทันสมัย และตอบโจทย์ซิตี้ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ไกลจากที่พักอาศัย
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจหลอดไฟ ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายที่ทรงตัวคือประมาณ 1,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดส่งออกชะลอตัว อย่างไรก็ตามตลาดในประเทศปรับตัวดีขึ้นทำให้ทดแทนตลาดต่างประเทศได้ ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมหลอดไฟและโคมไฟประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโคมไฟ 10,000 ล้านบาท และหลอด 10,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นตลาดหลอดแอลอีดีประมาณ 20-25% ซึ่งแนวโน้มในอนาคตตลาดแอลอีดีจะกินส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 50% ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะประชาชนรับรู้แล้วว่าประหยัดไฟ รวมถึงราคาถูกลงมากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น จากเดิมที่หลอดละกว่า 1,000 บาท เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตและการแข่งขัน ซึ่งเชื่อว่าราคาจะไม่ปรับลดลงไปกว่านี้อีกแล้ว.
นายกฤษฏา ไชยสงวนมิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลมป์ตั้น ไลท์ติ้ง 2001 จำกัด และผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ไบรท์ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านหลอดไฟและอุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสว่างมากว่า 30 ปี ปัจจุบันมียอดขายปีละ 1,000 ล้านบาท และยังคงพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องโดย
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการขยายการเติบโตของกลุ่มบริษัท จึงขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยก่อตั้งบริษัทแลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท เริ่มพัฒนาโครงการแรกคอมมูนิตี้มอลล์แรกภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไบรท์” ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จบริษัทเตรียมลงทุนเปิดเดอะไบรท์ต่อ รวมถึงแผนลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินสะสมำว้แล้ว 2 แปลงขนาดแปลงละ 20 ไร่ รวมถึงมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีกด้วย
โครงการเดอะ ไบรท์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10 ไร่ บนถนนพระราม 2 ฝั่งขากออก ห่างจากทางลงทางด่วนเฉลิมมหานคร 1.5 กิโลเมตร พื้นที่พัฒนาประมาณ 17,000 ตารางเมตร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น แบ่งเป็นส่วนของร้านอาหาร 50% การธนาคารและการบริการ 20% ร้านความงาม 10% และอื่นๆ 20% รวมถึงอาคารจอดรถ 8 ชั้นรองรับรถได้กว่า 500 คัน เชื่อมต่อกับตัวมอลล์ทุกชั้น รวมถึงการลงทุนกว่า 10 ล้านบาทกับการทำระบบจัดแสดงแสงสีภาพเคลื่อนไหวแบบสามมิติลงบนอาคารสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจและสวยงาม
ล่าสุด บริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด (Foodland) ใต้เซ็นสัญญาเปิดสาขาภายในโครงการบนพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร และสกูซี่พิชช่า นอกจากนี้ยังได้จัดโชว์รูมแลมป์ตั้น บนพื้นที่ 800 ตร.ม. เพื่อแสดงสินค้าทั้งหมดรวมถึงโคมไฟ ซึ่งทำการตลาดไปยังโครงการที่อยู่อาศัยโดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเข้าโครงการเพิ่มเป็น 20% จากที่ผ่านมามีเพียง 10% เท่านั้น
นางสาวอวัศยา ไชยสงวนมิตต์ ประธานบริษัท แลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากที่เกิดและทำงานอยู่บนย่านพระราม 2 มาตลอดทำให้ทราบถึงการพัฒนาของเมือง ทราบถึงไลฟ์สไตล์ของคนในย่านนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสถานที่พบปะสังสรรค์ หรือคุยงานกับลูกค้า ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่ง จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาไลฟ์สไตล์มอลล์เดอะ ไบรท์ขึ้น
“ถนนพระราม 2 เป็นถนนสายหลักที่มีความสำคัญมากมีการเชื่อมต่อระบบการคมนาคมสู่ถนนสายหลักหลากหลายเส้นทาง ประกอบกับช่วงปลายปี 2558 คาดว่ารถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีม่วงก่อสร้างแล้วเสร็จซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีโครงการที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม หมู่บ้านและทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยม รวมถึงมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลชั้นนำและหน่วยงานราชการ ส่งผลให้ผู้คนเข้าอยู่อาศัยมากขึ้นเรื่อยๆ” ”นางสาวอวัศยา กล่าว
จากผลการศึกษาและวิจัยในเชิงลึก พบว่า ประชากรในเขตทั้ง 4 คือ เขตบางขุนเทียน เขตจอมทอง เขตบางแค และเขตภาษีเจริญ มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 500,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงานและมีกำลังซื้อสูงด้วยยอดซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 1,950 บาทต่อครั้งต่อคน จากงานวิจัยตลาดพบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการสถานที่พบปะสังสรรค์ที่ทันสมัย และตอบโจทย์ซิตี้ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ไกลจากที่พักอาศัย
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจหลอดไฟ ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายที่ทรงตัวคือประมาณ 1,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดส่งออกชะลอตัว อย่างไรก็ตามตลาดในประเทศปรับตัวดีขึ้นทำให้ทดแทนตลาดต่างประเทศได้ ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมหลอดไฟและโคมไฟประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโคมไฟ 10,000 ล้านบาท และหลอด 10,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นตลาดหลอดแอลอีดีประมาณ 20-25% ซึ่งแนวโน้มในอนาคตตลาดแอลอีดีจะกินส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 50% ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะประชาชนรับรู้แล้วว่าประหยัดไฟ รวมถึงราคาถูกลงมากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น จากเดิมที่หลอดละกว่า 1,000 บาท เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตและการแข่งขัน ซึ่งเชื่อว่าราคาจะไม่ปรับลดลงไปกว่านี้อีกแล้ว.