ASTVผู้จัดการรายวัน - "ไทย อิเล็คทริคซิตี้" รุกขยายฐานบุกตลาดหลอดและโคมไฟLED พร้อมทุ่มงบกว่า 10ล้านบาทจัดคาราวานสัญจรเจาะตลาดอีสานและหัวเมืองตะวันออก ตั้งธงยอดขายปีนี้โต15%
นายสุรินทร์ วรสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย อิเล็คทริคซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (จำกัด) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างครบวงจร แบรนด์HI-TEK กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฉลอง12ปีแห่งความสำเร็จ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างครบวงจรในอนาคต โดยปัจจุบันHI-TEK มีสินค้ามากกว่า800รายการ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟมหลอดไฟทุกประเภทมและในปีนี้บริษัทมีแผนเชิงรุกในการขยายตลาดของกลุ่มสินค้าLED โดยได้พัฒนาสินค้าใหม่ๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งประสิทธิภาพความสว่างการใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนทนทานและประหยัดพลังงานสู่ตลาดซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจจากตลาดสินค้าเดิมสู่สินค้าใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าใหม่และเก่า อีกทั้งยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มครัวเรือนมากขึ้น
สำหรับปีนี้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ30-40 รายการที่จะออกสู่ตลาดในปีนี้ โดยล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มLED2 กลุ่มได้แก่ ECO Series ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป เช่นหลอดLED ECO Series LED ขั้วE27 ที่มาทดแทนหลอดประหยัดไฟเบอร์5สามารถประหยัดไฟได้มากกว่า50%,หลอดLED ECO Series LED ขั้ว GU5.3 ที่มาทดแทนหลอดฮาโลเย่นสามารถประหยัดไฟได้มากกว่า90% ,LED ECO Series T8 ที่มาทดแทนหลอดประหยัดไฟนีออนสามารถประหยัดไฟได้มากกว่า50% และโคมLED ECO Series T8 ที่สามารถทดแทนโคมนีออนแบบเดิมและประหยัดพลังงานได้มากกว่า50%
ส่วนอีกกลุ่มคือHI-EFF Series ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 40,000 ชม. ประสิทธิภาพความสว่างระดับสูงกว่าสินค้าทั่วไปในท้องตลาด โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม HI-EFF Series คือกลุ่มภาคอุตสาหกรรม และกลุ่มลูกค้าครัวเรือนระดับกลางบนขึ้นไป ได้แก่ หลอด LED HI-EFF Series HI-POWER ที่มาทดแทนหลอดฮาโลเย่น สามารถประหยัดไฟได้มากกว่า 90% ,โคมดาวน์ไลท์ LED HI-EFF Series นวัตกรรมใหม่ของการส่องสว่างอย่างประหยัดพลังงานสามารถใช้แทน ดาวน์ไลท์ฮาโลเย่น และประหยัดพลังงานมากถึง 90%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นั้นบริษัทรุกทำธุรกิจในเชิงรุก โดยในครึ่งปีหลังปี2558 ได้เตรียมงบกว่า10ล้านบาทเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ HI-TEK ให้มากขึ้นรวมทั้งการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างครบวงจรเพื่อให้ถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปซึ่งมีกลุ่มที่ทำรายได้ให้บริษัทโดยมีสัดส่วนถึง60% และงานโครงการซึ่งเป็นงานระบบไฟฟ้าสว่างทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลักและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และในปีนี้บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านทางออนไลน์ในรูปแบบอี-คอมเมิร์ช เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมสัญจร “HI-TEK ROADSHOW 2015” กว่า 10 ล้านบาท เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และคืนกำไรครั้งใหญ่ให้กับลูกค้า กว่า 23 จังหวัด ทั่วทั้งภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2558 เพื่อเป็นการฉลอง ครบรอบ12 ปี ของบริษัทฯอีกด้วย
อย่างไรดีปัจจุบันผู้บริโภคในกลุ่มครัวเรือนมีความต้องการผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LED มากขึ้น ประกอบกับมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี LED มากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการรณรงค์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ LED เติบโตขึ้นจนมีสัดส่วนถึง 50% ของตลาดหลอดไฟและโคมไฟซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท
"ในช่วงไตรมาส3ปีนี้เป็นต้นไปความต้องการจะมีมากขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนภาครัฐและภาพอสังหาริมทรัย์ จากสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น และผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยกันอีกครั้งในช่วงปลายปี และด้วยบริษัทมีแบรนด์สินค้าอีก3 แบรนด์ที่เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคแล้วยังจะช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยบริษัทฯได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% ในปีนี้ "
นายสุรินทร์ วรสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย อิเล็คทริคซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (จำกัด) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างครบวงจร แบรนด์HI-TEK กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฉลอง12ปีแห่งความสำเร็จ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างครบวงจรในอนาคต โดยปัจจุบันHI-TEK มีสินค้ามากกว่า800รายการ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟมหลอดไฟทุกประเภทมและในปีนี้บริษัทมีแผนเชิงรุกในการขยายตลาดของกลุ่มสินค้าLED โดยได้พัฒนาสินค้าใหม่ๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งประสิทธิภาพความสว่างการใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนทนทานและประหยัดพลังงานสู่ตลาดซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจจากตลาดสินค้าเดิมสู่สินค้าใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าใหม่และเก่า อีกทั้งยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มครัวเรือนมากขึ้น
สำหรับปีนี้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ30-40 รายการที่จะออกสู่ตลาดในปีนี้ โดยล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มLED2 กลุ่มได้แก่ ECO Series ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป เช่นหลอดLED ECO Series LED ขั้วE27 ที่มาทดแทนหลอดประหยัดไฟเบอร์5สามารถประหยัดไฟได้มากกว่า50%,หลอดLED ECO Series LED ขั้ว GU5.3 ที่มาทดแทนหลอดฮาโลเย่นสามารถประหยัดไฟได้มากกว่า90% ,LED ECO Series T8 ที่มาทดแทนหลอดประหยัดไฟนีออนสามารถประหยัดไฟได้มากกว่า50% และโคมLED ECO Series T8 ที่สามารถทดแทนโคมนีออนแบบเดิมและประหยัดพลังงานได้มากกว่า50%
ส่วนอีกกลุ่มคือHI-EFF Series ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 40,000 ชม. ประสิทธิภาพความสว่างระดับสูงกว่าสินค้าทั่วไปในท้องตลาด โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม HI-EFF Series คือกลุ่มภาคอุตสาหกรรม และกลุ่มลูกค้าครัวเรือนระดับกลางบนขึ้นไป ได้แก่ หลอด LED HI-EFF Series HI-POWER ที่มาทดแทนหลอดฮาโลเย่น สามารถประหยัดไฟได้มากกว่า 90% ,โคมดาวน์ไลท์ LED HI-EFF Series นวัตกรรมใหม่ของการส่องสว่างอย่างประหยัดพลังงานสามารถใช้แทน ดาวน์ไลท์ฮาโลเย่น และประหยัดพลังงานมากถึง 90%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นั้นบริษัทรุกทำธุรกิจในเชิงรุก โดยในครึ่งปีหลังปี2558 ได้เตรียมงบกว่า10ล้านบาทเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ HI-TEK ให้มากขึ้นรวมทั้งการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างครบวงจรเพื่อให้ถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปซึ่งมีกลุ่มที่ทำรายได้ให้บริษัทโดยมีสัดส่วนถึง60% และงานโครงการซึ่งเป็นงานระบบไฟฟ้าสว่างทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลักและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และในปีนี้บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านทางออนไลน์ในรูปแบบอี-คอมเมิร์ช เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมสัญจร “HI-TEK ROADSHOW 2015” กว่า 10 ล้านบาท เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และคืนกำไรครั้งใหญ่ให้กับลูกค้า กว่า 23 จังหวัด ทั่วทั้งภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2558 เพื่อเป็นการฉลอง ครบรอบ12 ปี ของบริษัทฯอีกด้วย
อย่างไรดีปัจจุบันผู้บริโภคในกลุ่มครัวเรือนมีความต้องการผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LED มากขึ้น ประกอบกับมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี LED มากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการรณรงค์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ LED เติบโตขึ้นจนมีสัดส่วนถึง 50% ของตลาดหลอดไฟและโคมไฟซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท
"ในช่วงไตรมาส3ปีนี้เป็นต้นไปความต้องการจะมีมากขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนภาครัฐและภาพอสังหาริมทรัย์ จากสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น และผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยกันอีกครั้งในช่วงปลายปี และด้วยบริษัทมีแบรนด์สินค้าอีก3 แบรนด์ที่เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคแล้วยังจะช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยบริษัทฯได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% ในปีนี้ "
