xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

น้ำลดตอผุด “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เอี่ยวฮุบที่ทหาร ชะง่อนผาปากช่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธาริต เพ็งดิษฐ์
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรียกว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามามาแทรก เสียแล้ว สำหรับอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ชื่อ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เพราะนอกจากจะถูกเด้งเข้ากรุหมดอำนาจวาสนา ในตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษเฉพาะรายตามคำสั่ง คสช. ที่ 77/2557 ) ยังปรากฏชื่อของนายธาริตและนายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ผู้เป็นน้องชาย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการฮุบที่ดินบริเวณชะง่อนผา เขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ดินของศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี จำนวนถึง 330 ไร่

นายธาริตมีเอี่ยวในฐานะที่ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ภูเก็ต-พังงาน เวเวอร์ลี่ฮอลล์ จำกัด ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทดังกล่าวเป็นเจ้าของ บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด ที่เกี่ยวพันกับการถูกกล่าวหาว่าถือครองที่ดินบริเวณดังกล่าว

ขณะที่นายเสฏฐวุฒิผู้เป็นน้องชาย มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในฐานะที่เป็นผู้ทำการรังวัดที่ดินทั้ง 18 แปลง รวม 330 ไร่ พร้อมกับออกโฉนดให้ชาวบ้าน เป็นเอกสารสิทธิแสดงการทำประโยชน์นิคมสร้างตนเอง(นค.3) ก่อนที่จะถูกเล่นแร่แปรธาตุตกเป็นของข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นายพลตำรวจระดับสูง” หลายต่อหลายคน

แน่นอน ผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็คือ “ทหาร” จากกองทัพภาคที่ 2 ที่มีชื่อว่า “พ.อ.สมหมาย บุษบา” เสนาธิการกองยุทธการ กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2

พ.อ.สมหมายเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบและพิจารณาสภาพทางกายภาพของที่ดินพบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน 35% จึงไม่สามารถให้ราษฎรครอบครองเข้าทำประโยชน์ได้ แต่มีการรวมมือกันระหว่างนายทุน เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่ของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทั้ง 330 ไร่ มีการออกโฉนดที่ดินรวม 18 แปลง ซึ่งเริ่มจากออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์นิคมสร้างตนเองหรือ น.ค.3 ให้ชาวบ้านเมื่อปี 2545 ก่อนที่จะมีการนำไปขอออกโฉนดเมื่อปี 2550 โดยชาวบ้านที่มีชื่อใน น.ค.3 จำนวน 12 คน ได้มอบอำนาจให้นายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ น้องชายของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้นำรังวัด และนำชี้ในการออกโฉนดที่ดินทุกแปลง มีการทำเพียงคนเดียว กระทั่งล่าสุด ตกไปอยู่ในการครอบครองของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อัยการ และอาจารย์มหาวิทยาลัย

คำถามที่ตามมาก็คือ ใครคือเจ้าของที่ดินทั้ง 18 แปลง ซึ่งกลายสภาพมาเป็นบ้าน 8 หลัง?

จากการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากผู้ที่ดูแลบ้านพบข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

บ้านหลังที่ 1 เป็นของ พล.ต.ต. นายหนึ่งใน บช.น.
บ้านหลังที่ 2 เป็นของ อดีตนายตำรวจระดับสูงภาค 7 ยศ พล.ต.ท.
บ้านหลังที่ 3 เป็นของ คุณนายแดง คาดว่าเป็นภรรยาของ พล.ต.ต.นายหนึ่ง
บ้านหลังที่ 4 เป็นของข้าราชการ คาดว่าเป็นอัยการ
บ้านหลังที่ 5 เป็นของอัยการคนหนึ่ง
บ้านหลังที่ 6 เป็นของ พล.ต.ท. นายหนึ่ง
บ้านหลังที่ 7 เป็นของ พล.ต.ท. นายหนึ่ง
บ้านหลังที่ 8 เป็นของ พล.ต.ต. นายหนึ่ง

นั่นคือรายละเอียดในเอกสารด่วนที่สุด ซึ่งถูกส่งให้ พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบกองทัพภาคที่ 2 โดยเป็นรายงานที่บันทึกเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2557 หลังพ.อ.สมหมาย ได้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีการบุกรุกปลูกอาคารขนาดใหญ่ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 8 หลัง และนายเสวก อรรถกิจวิโรจน์ ผู้ดูแลพื้นที่ให้การข้อมูลข้างต้น

กล่าวสำหรับนายธาริตนั้น สำนักข่าวอิศราได้ตรวจสอบและพบว่า นายธาริตถือหุ้นในบริษัท ภูเก็ต-พังงา เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท พังงา วัลเล่ จำกัด) จริง โดยบริษัทนี้จดทะเบียนวันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 ทุนครั้งแรก 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ให้เช่า การขาย การซื้อและการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 4 ถนนพระราม 9 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร มีนายบุญธรรม บุญเทพประทาน นายไวษิษฐ์ บุญเทพประทาน นางชัญญา กาญจนวรดิลก นางภัทรา ศิริกาญจนโกวิท นางสาวลีภัทร ศิริกาญจนโกวิท รวมกันถือหุ้น

ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.51 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 60 ล้านบาท นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เข้ามาถือหุ้นลำดับ 14 จำนวน 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาท โดยมีนายบุญธรรม บุญเทพประทาน ถือหุ้นใหญ่ 100,000 หุ้น และบุคคลอื่นรวม 20 คนรวม 600,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ต่อมาบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นหลายครั้ง นายธาริตยังคงถือหุ้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ นายบุญธรรม บุญเทพประทาน เป็นเจ้าของธุรกิจอย่างน้อย 8 บริษัท อาทิ บริษัท นูรุ คริสตัล จำกัด (สถานบริการ อาบอบนวด) บริษัท โคลอนเซ่ จำกัด (สถานบริการ อาบอบนวด ที่ตั้งเลขที่ 821 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร) บริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ ฮิลส์ จำกัด บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด บริษัท ไนท์ คอมเพล็กซ์ จำกัด (สถานบริการ อาบอบนวด)เป็นต้น

ในเบื้องแรก นายธาริตปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการถือหุ้น โดยขอเวลาไปตรวจสอบข้อมูล และกล่าวว่า “ผมคงต้องขอเวลาไปตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะเรื่องมันนานมาก และก็ยังงงอยู่ว่าเข้าไปถือหุ้นได้อย่างไร แต่เงินมันก็มีจำนวนไม่มาก

ทว่า หลังจากนั้น ไม่นานนักนายธาริตก็เปิดปากชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด

“ผมได้รับคำชักชวนให้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าว มีคนแนะนำให้รู้จักกับทางบริษัท และเห็นว่าช่วงนั้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพังงา มันบูมมาก จะทำสนามกอล์ฟกัน ก็เลยอยากจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย ซึ่งใช้เงินนิดหน่อยประมาณ 2.5 แสนบาท แต่หลังจากที่เข้าไปลงทุนได้ไม่นาน ประมาณ 3-4 เดือน ก็ขายหุ้นคืนให้บริษัทไป ได้กำไรมานิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งผมมีหลักฐานยืนยันได้”

แต่ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อสำนักข่าวอิศราตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นก็มิได้เป็นไปตามที่นายาริตกล่าวอ้างว่าได้ขายหุ้นคืนให้บริษัทไปแล้ว เพราะยังคงปรากฏชื่อของนายธาริตเรื่อยมากจนถึงปัจจุบัน

ภายหลังจาก นายไวษิษฐ์ บุญเทพประทาน ได้ก่อตั้งบริษัท พังงา วัลเล่ จำกัด เมื่อ วันที่ 19 พ.ย.2550 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ณวันที่ 27 พ.ย.50 มีผู้ถือหุ้น 7 คน แบ่งเป็น 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่มีชื่อของนายธาริต

ต่อมา วันที่ 4 ก.พ.51 บริษัท พังงา วัลเล่ จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ภูเก็ต-พังงา เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด) ได้เพิ่มทุนเป็น 60 ล้านบาท นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เข้ามาถือหุ้นลำดับ 14 จำนวน 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาท โดยบริษัทได้ยื่นเอกสารการเพิ่มทุนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยแนบใบสำคัญการรับชำระเงินค่าหุ้นของบริษัท พังงา วัลเล่ จำกัด ในรายของนายธาริต ระบุว่า

“บริษัท พังงา วัลเล จำกัด ได้รับชำระเงินค่าหุ้นเป็นเงิน 250,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) จากนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เพื่อชำระค่าหุ้น จำนวน 2,500 หุ้น จากการเพิ่มทุนของบริษัท พังงา วัลเล่ จำกัด โดยชำระเป็นเงินสด 250,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ลงชื่อ นายบุญธรรม บุญเทพประทาน กรรมการ ผู้รับเงิน”

จากนั้นเมื่อวันที่ 28 เม.ย.51 บริษัทได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ฉบับ ณ วันที่ 28 เม.ย.51 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุผู้ถือหุ้น 7 คน รวม 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ( รายชื่อเดียวกับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ฉบับวันที่ 27 พ.ย.50) ซึ่งไม่ปรากฏมีชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ร่วมเป็นผู้ถือหุ้น

ทว่า ในการนำส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 21 เมษายน 2552 ระบุมีทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 600,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท มีผู้ถือหุ้น 20 คน นายธาริต ยังปรากฏชื่อถือหุ้นในลำดับ 14

ต่อมาวันที่ 7 ธ.ค.53 บริษัทดังกล่าวมีผู้ถือหุ้นเหลือ 7 คน ยังคงมีชื่อนายธาริต เป็น 1 ใน 7 ผู้ถือหุ้น

กระทั่ง บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ฉบับวันที่ 30 เม.ย.56 ยังคงมีชื่อของนายธาริตเป็นผู้ถือหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนบิ๊กตำรวจที่ตกเป็นข่าวนั้น มีปรากฏตัวออกมาชี้แจง 1 ราย คือ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยระบุว่า จากกระแสข่าวดังกล่าวอาจทำให้สังคมเข้าใจว่า พล.ต.ท.จ.เป็นตนเอง เพราะ นรต.36 ที่เป็น พล.ต.ท. และชื่อ “จ.” มีตนเพียงคนเดียว

แต่ก็ยอมรับว่า เมื่อปี 2549 ได้ซื้อที่ดินในบริเวณนั้นจริงอย่างถูกต้องโดยเป็นที่ดินจัดสรรตามโครงการนิคมสร้างตนเอง แต่พอปี 2550 ก็ได้ขายออกไป โดยที่ไม่ได้ก่อสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ บนที่ดิน จึงข้อปฏิเสธว่าปัจจุบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

เอาเป็นว่า หนังเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ เป็นแน่แท้ เพราะทหารคงไม่ยุติเรื่องง่ายๆ แม้นายตำรวจที่ปรากฏรายชื่อดังกล่าวจะอยู่ในขั้วเดียวกับ “กลุ่มอำนาจใหม่” ก็ตาม


ทหารขณะเข้าตรวจสอบพื้นที่
กำลังโหลดความคิดเห็น