**ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดระเบียบสังคมในหลากหลายรูปแบบจนเป็นที่ชื่นชมของประชาชนส่วนใหญ่ ปฏิบัติการทวงผืนป่าคืนก็นับได้ว่าสร้างความพึงพอใจให้กับผู้คนไม่น้อย
เนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า ก็คือการทำลายสิ่งแวดล้อมอันเป็นสาเหตุของภัยพิบัติที่ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม หรือกระทั่งภัยแล้ง ก็ล้วนมาจากการแผ้ววถาง ทำลายความสมดุลทางธรรมชาติทั้งสิ้น และเมื่อทหารเข้ามาจัดการอย่างจริงจัง ต่อเนื่องจึงเกิดการตื่นตัวอย่างกว้างขวาง
โดยรายล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพ ภาคที่ 2 บุกเข้าตรวจพื้นที่บ้านหรู 18 แปลง บริเวณชะง่อนผา เขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ดินของศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี แต่ปัจจุบันโดนบุกรุกไปมากถึง 330 ไร่
รายงานความคืบหน้าแจ้งว่า ขณะนี้บรรดาข้าราชการที่มีรายชื่อครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านหรู และที่ดินดังกล่าวกำลังร้อนตัวอย่างหนัก เพราะท่าทีของทหารยังคงเดินหน้าอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.สมหมาย บุษบา เสนาธิการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 และคณะทำงานด้านกฎหมายของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ภาค 2 เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบการบุกรุกอย่างชัดเจน เนื่องจากลักษณะกายภาพที่ดินมีความสูงชันกว่า 35 องศา ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ แต่มีการร่วมมือระหว่างนายทุน เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง จนสามารถออกเอกสารสิทธิ์ นค.3 ได้
**ข่าวแจ้งด้วยว่า มีรายชื่อ นายเสฎวุฒิ เพ็งดิษฐ์ น้องชาย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ทำการรังวัดที่ดินทั้ง 18 แปลง รวม 330 ไร่ พร้อมกับออกโฉนดให้แก่ชาวบ้าน เป็นเอกสารแสดงการทำประโยชน์นิคมสร้างตนเอง (นค.3) เมื่อปี 2554 ซึ่งต่อมาในปัจจุบัน ตกเป็นของข้าราชการระดับสูงหลายคน
อาทิเช่น ที่ดินเปล่าแปลงบนสุดเป็นของ พล.ต.ท.“จ” บ้านหลังที่ 1 มีสระว่ายน้ำเป็นของ พล.ต.ต.“ช” หลังที่ 2 เป็นของอดีตนายตำรวจระดับสูงของ ภาค 7 ยศ พล.ต.ท. บ้านหลังที่ 3 ของคุณแดง ภรรยา พล.ต.ต. บ้านหลังที่ 4 ของข้าราชการอัยการ บ้านหลังที่ 5 ของข้าราชการอัยการ หลังที่ 6 ของนายตำรวจระดับพล.ต.ท. บ้านหลังที่ 7 เป็นของนายตำรวจระดับ พล.ต.ท. และ หลังที่ 8 เป็นของนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.
**ส่วนใหญ่นายตำรวจทั้งหมดเป็น“นรต.รุ่น 36”
สำหรับที่ดินดังกล่าวนั้น รายงานแจ้งว่า ก่อนมาถึงมือข้าราชการชุดนี้มี “ป๋าชื่น”นักธุรกิจแวดวงอาบ อบ นวด และอื่นๆ ที่หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายเป็นนายทุนคนสำคัญ ด้วยมีความสนิทสนมกับข้าราชการระดับสูง ในหน่วยงานที่สามารถชี้เป็นชี้ตายกับใครก็ได้ มีอักษรย่อ “ธ”จากนั้นก็มองหาที่ดินแปลงสวยๆ เพื่ออยู่อาศัยเอง และขายให้แก่บุคคลระดับสูงในแวดวงที่คุ้นเคย จึงเป็นที่มาของรายชื่อผู้ครอบครองในปัจจุบัน ซึ่งล้วนเคยมีอำนาจ เคยเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา ในกรุงเทพมหานคร
**เรียกว่าครบวงจรที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน
**และจากการที่มีรายชื่อ พล.ต.ท. "จ." รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่นไปเกี่ยวพันด้วย ต้องยิ่งจับตาการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพล ที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ ว่าจะส่งผลกระทบ หรือบรรดานายพลกลุ่มนี้ จะหาทางออกกันอย่างไร
**เนื่องจากอยู่ในขั้วเดียวกับ “ศูนย์อำนาจ”เสียด้วย
เนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า ก็คือการทำลายสิ่งแวดล้อมอันเป็นสาเหตุของภัยพิบัติที่ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม หรือกระทั่งภัยแล้ง ก็ล้วนมาจากการแผ้ววถาง ทำลายความสมดุลทางธรรมชาติทั้งสิ้น และเมื่อทหารเข้ามาจัดการอย่างจริงจัง ต่อเนื่องจึงเกิดการตื่นตัวอย่างกว้างขวาง
โดยรายล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพ ภาคที่ 2 บุกเข้าตรวจพื้นที่บ้านหรู 18 แปลง บริเวณชะง่อนผา เขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ดินของศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี แต่ปัจจุบันโดนบุกรุกไปมากถึง 330 ไร่
รายงานความคืบหน้าแจ้งว่า ขณะนี้บรรดาข้าราชการที่มีรายชื่อครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านหรู และที่ดินดังกล่าวกำลังร้อนตัวอย่างหนัก เพราะท่าทีของทหารยังคงเดินหน้าอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.สมหมาย บุษบา เสนาธิการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 และคณะทำงานด้านกฎหมายของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ภาค 2 เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบการบุกรุกอย่างชัดเจน เนื่องจากลักษณะกายภาพที่ดินมีความสูงชันกว่า 35 องศา ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ แต่มีการร่วมมือระหว่างนายทุน เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง จนสามารถออกเอกสารสิทธิ์ นค.3 ได้
**ข่าวแจ้งด้วยว่า มีรายชื่อ นายเสฎวุฒิ เพ็งดิษฐ์ น้องชาย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ทำการรังวัดที่ดินทั้ง 18 แปลง รวม 330 ไร่ พร้อมกับออกโฉนดให้แก่ชาวบ้าน เป็นเอกสารแสดงการทำประโยชน์นิคมสร้างตนเอง (นค.3) เมื่อปี 2554 ซึ่งต่อมาในปัจจุบัน ตกเป็นของข้าราชการระดับสูงหลายคน
อาทิเช่น ที่ดินเปล่าแปลงบนสุดเป็นของ พล.ต.ท.“จ” บ้านหลังที่ 1 มีสระว่ายน้ำเป็นของ พล.ต.ต.“ช” หลังที่ 2 เป็นของอดีตนายตำรวจระดับสูงของ ภาค 7 ยศ พล.ต.ท. บ้านหลังที่ 3 ของคุณแดง ภรรยา พล.ต.ต. บ้านหลังที่ 4 ของข้าราชการอัยการ บ้านหลังที่ 5 ของข้าราชการอัยการ หลังที่ 6 ของนายตำรวจระดับพล.ต.ท. บ้านหลังที่ 7 เป็นของนายตำรวจระดับ พล.ต.ท. และ หลังที่ 8 เป็นของนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.
**ส่วนใหญ่นายตำรวจทั้งหมดเป็น“นรต.รุ่น 36”
สำหรับที่ดินดังกล่าวนั้น รายงานแจ้งว่า ก่อนมาถึงมือข้าราชการชุดนี้มี “ป๋าชื่น”นักธุรกิจแวดวงอาบ อบ นวด และอื่นๆ ที่หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายเป็นนายทุนคนสำคัญ ด้วยมีความสนิทสนมกับข้าราชการระดับสูง ในหน่วยงานที่สามารถชี้เป็นชี้ตายกับใครก็ได้ มีอักษรย่อ “ธ”จากนั้นก็มองหาที่ดินแปลงสวยๆ เพื่ออยู่อาศัยเอง และขายให้แก่บุคคลระดับสูงในแวดวงที่คุ้นเคย จึงเป็นที่มาของรายชื่อผู้ครอบครองในปัจจุบัน ซึ่งล้วนเคยมีอำนาจ เคยเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา ในกรุงเทพมหานคร
**เรียกว่าครบวงจรที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน
**และจากการที่มีรายชื่อ พล.ต.ท. "จ." รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่นไปเกี่ยวพันด้วย ต้องยิ่งจับตาการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพล ที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ ว่าจะส่งผลกระทบ หรือบรรดานายพลกลุ่มนี้ จะหาทางออกกันอย่างไร
**เนื่องจากอยู่ในขั้วเดียวกับ “ศูนย์อำนาจ”เสียด้วย
