**รับรู้กันไปทั่ว หลังจาก สิงห์ทอง บัวชุม ทนายความส่วนตัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาเปิดเผยว่า ลูกชายของ ยิ่งลักษณ์ ได้ลาออกจากโรงเรียนนานาชาติที่เคยเรียนอยู่ในไทยแล้ว เพื่อเตรียมตัวไปสมัครเข้าเรียนที่ประเทศอังกฤษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยไปติดต่อสถานที่เรียนเอาไว้ในระหว่างที่เดินทางไปยุโรปไปร่วมฉลองวันเกิดพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร
โดยทนายความยังบอกว่า ลูกชายอดีตนายกฯไม่สะดวกกับการเรียนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมและกับบรรดาเพื่อนๆ ขณะเดียวกันยังยืนยันว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่ตามไปอยู่กับลูกชายที่ประเทศอังกฤษ และที่สำคัญ "ไม่หนี" ไปต่างประเทศแน่นอน เพราะเป็นคนมีสัจจะ พร้อมสู้คดี เนื่องจากเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หากผิดจริงก็ให้ "ประหารชีวิต" ได้เลย เพียงแต่ขอให้มีความเป็นธรรม ไม่ใช้กฎหมายพิเศษเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า เวลานี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในมาตรา 157 และความผิดอีกหลายมาตรา ตามกฎหมายป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยในโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดการทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐมูลค่ามหาศาล และได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และล่าสุดทางอัยการสูงสุดได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมกับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนภายใน 14 วันก่อนที่จะสรุปอีกครั้ง ว่าสั่งฟ้องหรือไม่
** การออกมาเคลื่อนไหวของทนายความ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีขึ้นในช่วงที่อัยการสูงสุด กำลังพิจารณาสำนวนสรุปสั่งฟ้องหรือไม่พอดี อีกทั้งยังเป็นช่วงเดียวกับที่ อดีต สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ คือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ออกหนังสือ "มหากาพย์โกงข้าว" ซึ่งเครือข่ายผู้สนับสนุนครอบครัวชินวัตร ออกมาโวยวาย ว่าเป็นการใส่ร้ายทางการเมือง
หากพิจารณาเฉพาะตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าเธอถูกจำกัดการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ต่างจากคนอื่น และการเดินทางออกนอกประเทศจะต้องขออนุญาตกับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสียก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม ได้ขออนุญาตเดินทางไปยุโรปและสหรัฐอเมริกา อ้างว่าเพื่อไปพักผ่อน และได้ถือโอกาสไปร่วมฉลองวันเกิดพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศฝรั่งเศส มาแล้ว ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสสำรวจและติดต่อหาโรงเรียนในประเทศอังกฤษให้กับลูกชายไปด้วย
คราวนั้นมีการจับมองว่า เธอกำลัง "จะหนี" คดีในประเทศไทยหรือไม่ มีคำถามว่าทำไม คสช. โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงได้อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศในช่วงที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ในคดีทุจริตจำนำข้าว แต่ทาง คสช. ชี้แจงว่าไม่อาจจำกัดสิทธิในการเดินทางได้ เพราะเธอยังไม่มีความผิดอีก ทั้งยังมีเงื่อนไขให้รายงานการเดินทางให้ทราบ และมีกำหนดเวลาในการเดินทางกลับ หากไม่ทำผิดเงื่อนไขดังกล่าว ก็ไม่มีปัญหา และต่อมาเธอก็เดินทางกลับมาตามกำหนด คือมาถึงไทยด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร มาส่งที่สนามบินดอนเมือง ในตอนค่ำวันที่ 10 สิงหาคม และตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไปเดินไปช็อปปิ้งในห้างแห่งหนึ่ง เจตนาก็ต้องการให้เป็นข่าวทำนองว่า "ฉันกลับมาตามสัญญาแล้วนะ" อะไรประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี การเดินทางออกไปคราวนั้นหลายคนก็เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่า ในที่สุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องกลับมาตามกำหนดแน่ และยังเชื่ออีกว่าเธอจะต้องขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศเข้า-ออก อีกหลายครั้ง และครั้งต่อไปก็คาดหมายกันว่า ต้องขออนุญาตเพื่อไปส่งลูกชายเข้าเรียนที่โรงเรียนในประเทศอังกฤษ ตามที่ทนายความส่วนตัวออกมาเปิดเผยนำร่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จากนั้นก็เชื่อว่าจะกลับเข้ามาตามกำหนด เพราะหากจะ"หนี" ก็ยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากตามความเป็นจริงแล้ว คดีความเท่าที่เห็นก็คือ คดีจำนำข้าว ล่าสุดทางอัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้อง ยืดเวลาไปอีก 14 วัน
หรือหากในที่สุดมีการสรุปสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจริง ก็ยังมีเวลาในการพิจารณาในศาลอีกเป็นปี ยังมีการยื้อได้อีก ยังสามารถขออนุญาตเข้าออกได้อีกหลายครั้ง อย่างน้อยเพื่อให้ "ตายใจ" แต่ที่น่าจับตาก็คือ จะหนีจริงในช่วงที่ศาลกำลังพิจารณาคดี ซึ่งคราวนี้อาจไม่ใช่ในช่วงที่ศาลใกล้ตัดสิน เพราะถึงตอนนั้น มีสายตาจับจ้องมากเกินไป โดยนำไปเปรียบเทียบกับกรณีการหนีของ ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีก่อนที่ศาลตัดสินคดีทุจริตซื้อที่ดินริมถนนรัชดาภิเษกไม่กี่วัน ซึ่งคราวนี้คงไม่ง่าย และใช้วิธีเดิมคงยาก และเสี่ยงเกินไป ดังนั้นต้องจับตาการขอเดินทางออกนอกประเทศในครั้งที่สาม หรือหากมีการส่งฟ้องไปแล้ว
เพราะถ้าสังเกตให้ดี ทนายความได้ออกตัวเปิดช่องเอาไว้แล้วว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และ"หวังว่าไม่ใช้กฎหมายพิเศษ" ความหมายก็คือ ถ้าจะหนีก็ต้องอ้างว่า ยิ่งลักษณ์ "ไม่ได้รับความเป็นธรรม" มีการใช้กฎหมายพิเศษมาจัดการกับเธอ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง อะไรประมาณนั้น
** ดังนั้นหากให้เดาทาง มั่นใจว่าการขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศครั้งต่อไป ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะขอไปส่งลูกชายเข้าเรียนที่ประเทศอังกฤษ แล้วกลับมา แต่หากเมื่อใดที่มีการส่งฟ้องศาลนั่นแหละ ให้จับตาให้ดี แต่ตอนนี้มั่นใจว่า "ยังไม่หนี" แน่นอน !!
โดยทนายความยังบอกว่า ลูกชายอดีตนายกฯไม่สะดวกกับการเรียนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมและกับบรรดาเพื่อนๆ ขณะเดียวกันยังยืนยันว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่ตามไปอยู่กับลูกชายที่ประเทศอังกฤษ และที่สำคัญ "ไม่หนี" ไปต่างประเทศแน่นอน เพราะเป็นคนมีสัจจะ พร้อมสู้คดี เนื่องจากเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หากผิดจริงก็ให้ "ประหารชีวิต" ได้เลย เพียงแต่ขอให้มีความเป็นธรรม ไม่ใช้กฎหมายพิเศษเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า เวลานี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในมาตรา 157 และความผิดอีกหลายมาตรา ตามกฎหมายป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยในโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดการทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐมูลค่ามหาศาล และได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และล่าสุดทางอัยการสูงสุดได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมกับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนภายใน 14 วันก่อนที่จะสรุปอีกครั้ง ว่าสั่งฟ้องหรือไม่
** การออกมาเคลื่อนไหวของทนายความ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีขึ้นในช่วงที่อัยการสูงสุด กำลังพิจารณาสำนวนสรุปสั่งฟ้องหรือไม่พอดี อีกทั้งยังเป็นช่วงเดียวกับที่ อดีต สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ คือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ออกหนังสือ "มหากาพย์โกงข้าว" ซึ่งเครือข่ายผู้สนับสนุนครอบครัวชินวัตร ออกมาโวยวาย ว่าเป็นการใส่ร้ายทางการเมือง
หากพิจารณาเฉพาะตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าเธอถูกจำกัดการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ต่างจากคนอื่น และการเดินทางออกนอกประเทศจะต้องขออนุญาตกับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสียก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม ได้ขออนุญาตเดินทางไปยุโรปและสหรัฐอเมริกา อ้างว่าเพื่อไปพักผ่อน และได้ถือโอกาสไปร่วมฉลองวันเกิดพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศฝรั่งเศส มาแล้ว ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสสำรวจและติดต่อหาโรงเรียนในประเทศอังกฤษให้กับลูกชายไปด้วย
คราวนั้นมีการจับมองว่า เธอกำลัง "จะหนี" คดีในประเทศไทยหรือไม่ มีคำถามว่าทำไม คสช. โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงได้อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศในช่วงที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ในคดีทุจริตจำนำข้าว แต่ทาง คสช. ชี้แจงว่าไม่อาจจำกัดสิทธิในการเดินทางได้ เพราะเธอยังไม่มีความผิดอีก ทั้งยังมีเงื่อนไขให้รายงานการเดินทางให้ทราบ และมีกำหนดเวลาในการเดินทางกลับ หากไม่ทำผิดเงื่อนไขดังกล่าว ก็ไม่มีปัญหา และต่อมาเธอก็เดินทางกลับมาตามกำหนด คือมาถึงไทยด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร มาส่งที่สนามบินดอนเมือง ในตอนค่ำวันที่ 10 สิงหาคม และตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไปเดินไปช็อปปิ้งในห้างแห่งหนึ่ง เจตนาก็ต้องการให้เป็นข่าวทำนองว่า "ฉันกลับมาตามสัญญาแล้วนะ" อะไรประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี การเดินทางออกไปคราวนั้นหลายคนก็เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่า ในที่สุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องกลับมาตามกำหนดแน่ และยังเชื่ออีกว่าเธอจะต้องขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศเข้า-ออก อีกหลายครั้ง และครั้งต่อไปก็คาดหมายกันว่า ต้องขออนุญาตเพื่อไปส่งลูกชายเข้าเรียนที่โรงเรียนในประเทศอังกฤษ ตามที่ทนายความส่วนตัวออกมาเปิดเผยนำร่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จากนั้นก็เชื่อว่าจะกลับเข้ามาตามกำหนด เพราะหากจะ"หนี" ก็ยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากตามความเป็นจริงแล้ว คดีความเท่าที่เห็นก็คือ คดีจำนำข้าว ล่าสุดทางอัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้อง ยืดเวลาไปอีก 14 วัน
หรือหากในที่สุดมีการสรุปสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจริง ก็ยังมีเวลาในการพิจารณาในศาลอีกเป็นปี ยังมีการยื้อได้อีก ยังสามารถขออนุญาตเข้าออกได้อีกหลายครั้ง อย่างน้อยเพื่อให้ "ตายใจ" แต่ที่น่าจับตาก็คือ จะหนีจริงในช่วงที่ศาลกำลังพิจารณาคดี ซึ่งคราวนี้อาจไม่ใช่ในช่วงที่ศาลใกล้ตัดสิน เพราะถึงตอนนั้น มีสายตาจับจ้องมากเกินไป โดยนำไปเปรียบเทียบกับกรณีการหนีของ ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีก่อนที่ศาลตัดสินคดีทุจริตซื้อที่ดินริมถนนรัชดาภิเษกไม่กี่วัน ซึ่งคราวนี้คงไม่ง่าย และใช้วิธีเดิมคงยาก และเสี่ยงเกินไป ดังนั้นต้องจับตาการขอเดินทางออกนอกประเทศในครั้งที่สาม หรือหากมีการส่งฟ้องไปแล้ว
เพราะถ้าสังเกตให้ดี ทนายความได้ออกตัวเปิดช่องเอาไว้แล้วว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และ"หวังว่าไม่ใช้กฎหมายพิเศษ" ความหมายก็คือ ถ้าจะหนีก็ต้องอ้างว่า ยิ่งลักษณ์ "ไม่ได้รับความเป็นธรรม" มีการใช้กฎหมายพิเศษมาจัดการกับเธอ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง อะไรประมาณนั้น
** ดังนั้นหากให้เดาทาง มั่นใจว่าการขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศครั้งต่อไป ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะขอไปส่งลูกชายเข้าเรียนที่ประเทศอังกฤษ แล้วกลับมา แต่หากเมื่อใดที่มีการส่งฟ้องศาลนั่นแหละ ให้จับตาให้ดี แต่ตอนนี้มั่นใจว่า "ยังไม่หนี" แน่นอน !!