ASTVผู้จัดการรายวัน-แม่ทัพภาค 1 สั่งทุกกองทัพภาคประเมินสถานการณ์ ก่อนชงที่ประชุม คสช. เลิกกฎอัยการศึกศุกร์นี้ เน้นจังหวัดท่องเที่ยว และบางพื้นที่ที่ไม่มีการต่อต้าน "อดุลย์" เตรียมจัดการปัญหาอุ้มบุญ ค้ามนุษย์ เป็นเรื่องเร่งด่วน ด้านภริยานายกฯ เข้าทำเนียบประชุมเอกลักษณ์ชาติ ขณะที่รองนายกฯ ส่งคนจองห้องทำงาน "มาร์ค" เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกันราคาพืชผล แก้ปัญหาปากท้อง "ปึ้ง" ทวงสัญญาเลือกตั้ง ต.ค.58 แนะครม.โด๊ป"ถั่งเชา" เสริมความฟิต
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (3 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุทิศ สุนทร หัวหน้าคณะทำงานติดตามการเเก้ไขปัญหาจังหวัดชายเเดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้สั่งการให้แต่ละกองทัพภาค ไปประเมินสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ว่ายังมีเหตุการณ์การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการทำงานของ คสช. หรือไม่ หากไม่พบเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ก็จะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ในการประชุมคสช. วันศุกร์ที่ 5 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ จังหวัดที่จะประกาศยกเลิก จะพิจารณาพิจารณาจากจังหวัดที่ คสช. ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวก่อนหน้านี้ รวมถึงจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ อาทิ พัทยา จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.ระยอง รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
ต่อมา พล.ท.ธีรชัย ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่ผ่านๆ มา นับตั้งแต่คสช. เข้ามาบริหารบ้านเมือง ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 แต่อย่างใดเลย หากแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน และบังคับใช้กฎหมายให้มีประโยชน์ มีประสิทธิภาพที่กฎหมายปกติบังคับใช้ไม่ได้ เช่น การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ป้องกันการลักลอบบุกรุก และทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงประเด็นด้านความมั่นคง มิหนำซ้ำตนคิดว่าประชาชนทั่วไป ก็ไม่ได้วิตกกังวลใดๆเลย ต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เพราะยังคงใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระ ดังนั้น หากพื้นที่ใดไม่พบลักษณะการกระทำดังกล่าวที่ยกตัวอย่างไป ก็พร้อมจะประกาศยกเลิกได้ แต่ถ้าพื้นที่ใดยังพบการกระทำดังกล่าวอยู่ ก็ให้คง พ.ร.บ.กฎอัยการศึกไว้ก่อน
** ข้าราชการตบเท้าแสดงความยินดี"อดุลย์"
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรองหัวหน้า คสช. ฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานการประชุมติดตามแผนงานการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนการประชุม ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ น.ส.ศิระภา วาระเลิศ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.อดุลย์ ในโอกาสดำรงตำแหน่ง
นายอภินันท์กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ ได้เตรียมการทำงานของสื่อวิทยุโทรทัศน์เพื่อนำเสนอผลการทำงานในเรื่องเร่งด่วนต่างๆ ของรัฐบาลสู่ประชาชน โดยจะเน้นการทำงานเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการที่รวดเร็ว ถูกต้อง ทันสถานการณ์ และให้สามารถใช้อ้างอิงข้อมูลได้ ส่วนจะมีรายการรัฐบาลพบประชาชนเหมือนในอดีตหรือไม่นั้น คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลก่อน
วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ เพื่อหารือและเตรียมงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการค้ามนุษย์
** "อดุลย์"จ่อเร่งปัญหาอุ้มบุญ-ค้ามนุษย์
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนที่จะเข้าไปดำเนินการหลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ คือ เรื่องอุ้มบุญ และปัญหาการค้ามนุษย์ เพราะเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธื ได้เน้นย้ำและกำชับไว้แล้ว โดยเชื่อมั่นว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะสายงานเดิมอยู่ปราบปราม และจบปริญญาโทด้านพัฒนาสังคม
**“อ.น้อง”ประชุมเอกลักษณ์ชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถโตโยต้าอัลพาร์ท พร้อมด้วยผู้ติดตาม เข้ามายังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งนางนราพร เป็นหนึ่งในคณะกรรมการดังกล่าว มาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. และภายหลังการประชุมนางนราพรไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ขณะที่บรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ คนงาน จากกรมยุทธโยธาทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง และกทม. ยังคงเร่งปรับปรุงอาคารสถานที่ และภูมิทัศน์ ที่ขณะนี้ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกนารีสโมสร เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ห้องประชุม ครม. ที่ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 คนงานเร่งทาสีโต๊ะประชุม และจัดเรียงเก้าอี้ หลังติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบเครื่องเสียง รวมถึงจอมิเตอร์ขนาดใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทันการประชุมครม.นัดแรกในวันที่ 9 ก.ย.
ส่วนช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางอรชุมา ยุทธวงศ์ ภริยา นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประสานขอดูห้องทำงานของ นายยงยุทธ ซึ่งฝ่ายสถานที่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จัดเตรียมไว้ที่ชั้น 4 และเป็นชั้นเดียวกับห้องทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ขณะเดียวกัน ช่วงต้นสัปดาห์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ส่งผู้ติดตาม มาดูห้องทำงานที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องทำงานเดิมของนายวิษณุ ในสมัยเป็นรองนายกฯ รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยห้องทำงานรองนายกฯ ทั้งหมด มีการเปลี่ยนวอลเปเปอร์ ซักผ้าม่าน และซักพรมเท่านั้น
** แนะประกันราคา-แก้ปัญหาปากท้อง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคาดหวังต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า อยากให้เร่งแก้ไขเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน ซึ่งการเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสแรกของปี 58 ก็เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องเข้าใจว่ายังมีข้อจำกัด เพราะทำได้เพียงบางส่วน แต่กำลังซื้อของประชาชนและการส่งออกจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งดำเนินการส่วนนี้ด้วย ไม่ใช่ฝากความหวังไว้กับการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
"ผมเป็นห่วงเศรษฐกิจชนบท เพราะรายได้เกษตรกรทั้งข้าว และยางพาราได้รับผลกระทบมาก ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้เห็นว่าการหมุนเวียนในเศรษฐกิจชนบทเป็นอย่างไร หากไม่มีการแทรกแซงราคาเลย ก็จะกระทบคนส่วนใหญ่ของประเทศ แม้เศรษฐกิจจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์การเมืองที่สงบลงและมีความเชื่อมั่นขึ้น แต่ถ้ากำลังซื้อไม่กระเตื้อง ก็จะเป็นปัญหาย้อนกลับมา โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่จะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในกลุ่มของเกษตรกร ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการแทรกแซง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร บนหลักสมเหตุสมผล สามารถทำได้ควบคู่ไปกับกาปรับโครงสร้างระยะกลางระยะยาว แต่ถ้าทำเฉพาะปรับโครงสร้าง ก็จะไม่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะหน้า ราคาข้าวขณะนี้อยู่ที่ 5-6 พันบาทต่อตัน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อข้าวออกมาในช่วงปลายปี จึงเห็นว่า ครม.ควรจะพิจารณาเป็นเรื่องแรกๆ ว่าจะช่วยเกษตรกรอย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น ควรจะให้มีการถ่ายทอดสด และใช้เวทีนี้แถลงให้ประชาชนทราบ ส่วน สนช.จะทำหน้าที่ซักถาม ท้วงติงมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับสนช. ซึ่งหากดูการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 แล้ว ตนก็คิดว่ายังทำน้อยไป ในการทำหน้าที่ของสภา แต่ประโยชน์สำหรับสาธารณะ คือประชาชนได้รับรู้ทิศทางของรัฐบาล เป็นสัญญาประชาคมที่ประชาชนจะติดตามตรวจสอบได้
** "ปึ้ง"ทวงสัญญาเลือกตั้ง ต.ค.58
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วว่า สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนในด้านการบริหาร คือ 1. แก้ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นของต่างชาติ 2.แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ 3.ปราบปรามทุจริต คอร์รัปชัน 4.แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ 5.กวาดล้างยาเสพติด และ 6.แก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดอง ขจัดความขัดแย้ง
"วันนี้รัฐบาล และคสช. สบายใจได้ เพราะทุกพรรคการเมืองไม่เคลื่อนไหว สำคัญที่สุดคือ กติกาต้องเป็นธรรม กฎหมายต้องศักดิ์ศิทธิ์ ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม รับรองจบแน่นอน อยากให้คสช. ทำตามที่สัญญาประชาคมไว้ว่า จะใช้เวลาไม่นาน เดือนต.ค.58 จะจัดให้มีการเลือกตั้ง" นายสุรพงษ์ กล่าว
**แนะครม.โด๊ป"ถั่งเช่า"เพื่อความฟิต
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้กำลังใจ ครม.ชุดใหม่ แม้หลายคนจะไม่มีประสบการณ์เชิงบริหาร ขอเพียงให้มีความตั้งใจ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ รับรองประสบความสำเร็จแน่นอน ครม.ชุดนี้แม้อายุมาก แต่ก็ต้องทำงานแบบไม่มีวันหยุด
"ห้ามเหนื่อย ห้ามป่วย แนะนำให้กินโสม กินถั่งเช่า บำรุงเข้าไป ผมไปหาหมอจีน บอกว่ากินถั่งเช่าแล้วแข็งแรง เหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกรอบ ฮอร์โมนร่างกายทำงาน รัฐบาลชุดนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ก็เอาข้าวไปแลกถั่งเช่า เลยก็ได้" นายสุรพงษ์ กล่าว
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (3 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุทิศ สุนทร หัวหน้าคณะทำงานติดตามการเเก้ไขปัญหาจังหวัดชายเเดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้สั่งการให้แต่ละกองทัพภาค ไปประเมินสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ว่ายังมีเหตุการณ์การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการทำงานของ คสช. หรือไม่ หากไม่พบเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ก็จะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ในการประชุมคสช. วันศุกร์ที่ 5 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ จังหวัดที่จะประกาศยกเลิก จะพิจารณาพิจารณาจากจังหวัดที่ คสช. ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวก่อนหน้านี้ รวมถึงจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ อาทิ พัทยา จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.ระยอง รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
ต่อมา พล.ท.ธีรชัย ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่ผ่านๆ มา นับตั้งแต่คสช. เข้ามาบริหารบ้านเมือง ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 แต่อย่างใดเลย หากแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน และบังคับใช้กฎหมายให้มีประโยชน์ มีประสิทธิภาพที่กฎหมายปกติบังคับใช้ไม่ได้ เช่น การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ป้องกันการลักลอบบุกรุก และทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงประเด็นด้านความมั่นคง มิหนำซ้ำตนคิดว่าประชาชนทั่วไป ก็ไม่ได้วิตกกังวลใดๆเลย ต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เพราะยังคงใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระ ดังนั้น หากพื้นที่ใดไม่พบลักษณะการกระทำดังกล่าวที่ยกตัวอย่างไป ก็พร้อมจะประกาศยกเลิกได้ แต่ถ้าพื้นที่ใดยังพบการกระทำดังกล่าวอยู่ ก็ให้คง พ.ร.บ.กฎอัยการศึกไว้ก่อน
** ข้าราชการตบเท้าแสดงความยินดี"อดุลย์"
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรองหัวหน้า คสช. ฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานการประชุมติดตามแผนงานการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนการประชุม ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ น.ส.ศิระภา วาระเลิศ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.อดุลย์ ในโอกาสดำรงตำแหน่ง
นายอภินันท์กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ ได้เตรียมการทำงานของสื่อวิทยุโทรทัศน์เพื่อนำเสนอผลการทำงานในเรื่องเร่งด่วนต่างๆ ของรัฐบาลสู่ประชาชน โดยจะเน้นการทำงานเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการที่รวดเร็ว ถูกต้อง ทันสถานการณ์ และให้สามารถใช้อ้างอิงข้อมูลได้ ส่วนจะมีรายการรัฐบาลพบประชาชนเหมือนในอดีตหรือไม่นั้น คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลก่อน
วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ เพื่อหารือและเตรียมงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการค้ามนุษย์
** "อดุลย์"จ่อเร่งปัญหาอุ้มบุญ-ค้ามนุษย์
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนที่จะเข้าไปดำเนินการหลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ คือ เรื่องอุ้มบุญ และปัญหาการค้ามนุษย์ เพราะเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธื ได้เน้นย้ำและกำชับไว้แล้ว โดยเชื่อมั่นว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะสายงานเดิมอยู่ปราบปราม และจบปริญญาโทด้านพัฒนาสังคม
**“อ.น้อง”ประชุมเอกลักษณ์ชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถโตโยต้าอัลพาร์ท พร้อมด้วยผู้ติดตาม เข้ามายังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งนางนราพร เป็นหนึ่งในคณะกรรมการดังกล่าว มาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. และภายหลังการประชุมนางนราพรไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ขณะที่บรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ คนงาน จากกรมยุทธโยธาทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง และกทม. ยังคงเร่งปรับปรุงอาคารสถานที่ และภูมิทัศน์ ที่ขณะนี้ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกนารีสโมสร เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ห้องประชุม ครม. ที่ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 คนงานเร่งทาสีโต๊ะประชุม และจัดเรียงเก้าอี้ หลังติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบเครื่องเสียง รวมถึงจอมิเตอร์ขนาดใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทันการประชุมครม.นัดแรกในวันที่ 9 ก.ย.
ส่วนช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางอรชุมา ยุทธวงศ์ ภริยา นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประสานขอดูห้องทำงานของ นายยงยุทธ ซึ่งฝ่ายสถานที่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จัดเตรียมไว้ที่ชั้น 4 และเป็นชั้นเดียวกับห้องทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ขณะเดียวกัน ช่วงต้นสัปดาห์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ส่งผู้ติดตาม มาดูห้องทำงานที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องทำงานเดิมของนายวิษณุ ในสมัยเป็นรองนายกฯ รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยห้องทำงานรองนายกฯ ทั้งหมด มีการเปลี่ยนวอลเปเปอร์ ซักผ้าม่าน และซักพรมเท่านั้น
** แนะประกันราคา-แก้ปัญหาปากท้อง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคาดหวังต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า อยากให้เร่งแก้ไขเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน ซึ่งการเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสแรกของปี 58 ก็เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องเข้าใจว่ายังมีข้อจำกัด เพราะทำได้เพียงบางส่วน แต่กำลังซื้อของประชาชนและการส่งออกจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งดำเนินการส่วนนี้ด้วย ไม่ใช่ฝากความหวังไว้กับการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
"ผมเป็นห่วงเศรษฐกิจชนบท เพราะรายได้เกษตรกรทั้งข้าว และยางพาราได้รับผลกระทบมาก ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้เห็นว่าการหมุนเวียนในเศรษฐกิจชนบทเป็นอย่างไร หากไม่มีการแทรกแซงราคาเลย ก็จะกระทบคนส่วนใหญ่ของประเทศ แม้เศรษฐกิจจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์การเมืองที่สงบลงและมีความเชื่อมั่นขึ้น แต่ถ้ากำลังซื้อไม่กระเตื้อง ก็จะเป็นปัญหาย้อนกลับมา โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่จะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในกลุ่มของเกษตรกร ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการแทรกแซง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร บนหลักสมเหตุสมผล สามารถทำได้ควบคู่ไปกับกาปรับโครงสร้างระยะกลางระยะยาว แต่ถ้าทำเฉพาะปรับโครงสร้าง ก็จะไม่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะหน้า ราคาข้าวขณะนี้อยู่ที่ 5-6 พันบาทต่อตัน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อข้าวออกมาในช่วงปลายปี จึงเห็นว่า ครม.ควรจะพิจารณาเป็นเรื่องแรกๆ ว่าจะช่วยเกษตรกรอย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น ควรจะให้มีการถ่ายทอดสด และใช้เวทีนี้แถลงให้ประชาชนทราบ ส่วน สนช.จะทำหน้าที่ซักถาม ท้วงติงมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับสนช. ซึ่งหากดูการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 แล้ว ตนก็คิดว่ายังทำน้อยไป ในการทำหน้าที่ของสภา แต่ประโยชน์สำหรับสาธารณะ คือประชาชนได้รับรู้ทิศทางของรัฐบาล เป็นสัญญาประชาคมที่ประชาชนจะติดตามตรวจสอบได้
** "ปึ้ง"ทวงสัญญาเลือกตั้ง ต.ค.58
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วว่า สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนในด้านการบริหาร คือ 1. แก้ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นของต่างชาติ 2.แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ 3.ปราบปรามทุจริต คอร์รัปชัน 4.แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ 5.กวาดล้างยาเสพติด และ 6.แก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดอง ขจัดความขัดแย้ง
"วันนี้รัฐบาล และคสช. สบายใจได้ เพราะทุกพรรคการเมืองไม่เคลื่อนไหว สำคัญที่สุดคือ กติกาต้องเป็นธรรม กฎหมายต้องศักดิ์ศิทธิ์ ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม รับรองจบแน่นอน อยากให้คสช. ทำตามที่สัญญาประชาคมไว้ว่า จะใช้เวลาไม่นาน เดือนต.ค.58 จะจัดให้มีการเลือกตั้ง" นายสุรพงษ์ กล่าว
**แนะครม.โด๊ป"ถั่งเช่า"เพื่อความฟิต
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้กำลังใจ ครม.ชุดใหม่ แม้หลายคนจะไม่มีประสบการณ์เชิงบริหาร ขอเพียงให้มีความตั้งใจ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ รับรองประสบความสำเร็จแน่นอน ครม.ชุดนี้แม้อายุมาก แต่ก็ต้องทำงานแบบไม่มีวันหยุด
"ห้ามเหนื่อย ห้ามป่วย แนะนำให้กินโสม กินถั่งเช่า บำรุงเข้าไป ผมไปหาหมอจีน บอกว่ากินถั่งเช่าแล้วแข็งแรง เหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกรอบ ฮอร์โมนร่างกายทำงาน รัฐบาลชุดนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ก็เอาข้าวไปแลกถั่งเช่า เลยก็ได้" นายสุรพงษ์ กล่าว