ASTVผู้จัดการรายวัน - ปูนซิเมนต์ไทย อัดงบลงทุนอีก 3,190 ล้านบาท ลงทุนธุรกิจซิเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ตามแผนผู้นำอย่างยั่งยืนในอาเซียน ส่วนหุ้นไทยปิดบวก 3.72 จุด อยู่ที่ 1,565.35 ขานรับตั้งครม.ใหม่ คาดวันนี้แกว่งขึ้น กรอบ 1,560-1,580 จุด
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทว่าบอร์ดอนุมัติโครงการลงทุนในธุรกิจซิเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและการลงทุนในสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนในอาเซียนของ SCC ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 3,190 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นการการขยายการลงทุนธุรกิจปูนสาเร็จรูป (Mortar) ซึ่ง เอสซีจี จะขยายกาลังการผลิต Mortar 2 ล้านตันต่อปี เป็นเงินลงทุนรวมประมาณ 2,800 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดขอนแก่นและลาปาง คาดว่าจะเริ่มดาเนินการผลิตได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559
"ตลาดของ Mortar กำลังเติบโตและความต้องการใช้ปูนชนิดนี้ในตลาดพบว่าทีเพิ่มขึ้นและเชื่อว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะการก่อสร้างของภาครัฐที่อยู่ในช่วงของการขยายงานและหลายโครงการเดินหน้าหลังจากมีรัฐบาลที่ชัดเจน"
ทั้งนี้ Mortar เป็นปูนสำเร็จรูปที่เป็นสินค้า HVA ใช้สาหรับงานก่ออิฐและงานฉาบผนัง มีคุณสมบัติที่ดีคือมีคุณภาพสม่าเสมอ สะดวกต่อการใช้งาน และเหมาะกับการใช้ในงานก่อ-ฉาบอิฐมวลเบาการร่วมทุนธุรกิจค้าปลีก
นอกจากนี้ ยังจะใช้ลงทุนในวัสดุก่อสร้างในอาเซียน ซึ่ง เอสซีจีจะเข้าร่วมทุนในสัดส่วน ร้อยละ 50:50 กับบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ จากัด (มหาชน) หรือ Global เพื่อจัดตั้งบริษัทโกลบอลเฮ้าส์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยเป็นเงินลงทุนในส่วนของเอสซีจีประมาณ 200 ล้านบาท
สำหรับการร่วมทุนดังกล่าวเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในรูปแบบคลังสินค้าในอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเอสซีจีในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอาเซียนซึ่งมีศักยภาพสูงในอนาคต โดยอาศัยความเป็นผู้นาตลาดและเครือข่ายธุรกิจในอาเซียนของเอสซีจีประกอบกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจดังกล่าวของ Global การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และเอสซีจีจะลงทุนประมาณ 190 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตของสินค้า HVA โดยการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ 20 ในบริษัท Lysando AG ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจ R&D ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Life Sciences) โดยเงินลงทุนที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณด้าน R&D ในปี 2557 ทั้งหมด 4,000 ล้านบาทของเอสซีจี
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน
***หุ้นไทยปิดบวกขานรับตั้งครม.ใหม่
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 1,565.35 จุด เพิ่มขึ้น 3.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,185.91 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,571.74 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,565.08 จุดส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 367 หลักทรัพย์ ลดลง 386 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 214 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี จำกด(มหาชน)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดี ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยรับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก หลังจากที่มีคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ชัดเจนแล้ว คาดหวังว่าภาครัฐจะมีมาตรการต่าง ๆ มาเดินหน้าเศรษฐกิจ ระยะต่อไปคงจะมีความชัดเจนในนโยบายราคาก๊าซและน้ำมัน หากชัดเจนก็น่าจะเป็นผลดีต่อทิศทางการปรับตัวของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนต่อไปในเรื่องยางพารา และ ข้าว เป็นต้น
ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศสัปดาห์นี้รอดูตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและการจ้างงานนอภภาคเกษตร รวมถึงติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ช่วงปลายสัปดาห์นี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยนอกประเทศเวลานี้โดยทั่วไปยังอยู่ในโทนบวก
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น ขานรับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปก็เดินหน้าทำงาน ซึ่งรอดูการประชุมครม.นัดแรกว่าจะมีอะไรออกมาหรือไม่ อย่างเช่นมาตรการลดหย่อนภาษีในส่วนของการท่องเที่ยว เป็นต้น
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกันเป็นส่วนใหญ่ โดยสถานการณ์ภายนอกประเทศไม่ได้เลวร้ายอะไร ในส่วนของสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งตอนนี้ก็ให้เวลารัสเซียในการถอนทหารออกไป ไม่งั้นก็จะมีการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ในวันพฤหัสนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)เกิดขึ้น ซึ่งต่างก็คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีหรือไม่
ส่วนแนวโน้มตลาดทุนวันนี้คาดว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวขึ้นได้อยู่แต่ในกรอบที่แคบเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด แนวต้าน 1,580 จุด
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทว่าบอร์ดอนุมัติโครงการลงทุนในธุรกิจซิเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและการลงทุนในสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนในอาเซียนของ SCC ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 3,190 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นการการขยายการลงทุนธุรกิจปูนสาเร็จรูป (Mortar) ซึ่ง เอสซีจี จะขยายกาลังการผลิต Mortar 2 ล้านตันต่อปี เป็นเงินลงทุนรวมประมาณ 2,800 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดขอนแก่นและลาปาง คาดว่าจะเริ่มดาเนินการผลิตได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559
"ตลาดของ Mortar กำลังเติบโตและความต้องการใช้ปูนชนิดนี้ในตลาดพบว่าทีเพิ่มขึ้นและเชื่อว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะการก่อสร้างของภาครัฐที่อยู่ในช่วงของการขยายงานและหลายโครงการเดินหน้าหลังจากมีรัฐบาลที่ชัดเจน"
ทั้งนี้ Mortar เป็นปูนสำเร็จรูปที่เป็นสินค้า HVA ใช้สาหรับงานก่ออิฐและงานฉาบผนัง มีคุณสมบัติที่ดีคือมีคุณภาพสม่าเสมอ สะดวกต่อการใช้งาน และเหมาะกับการใช้ในงานก่อ-ฉาบอิฐมวลเบาการร่วมทุนธุรกิจค้าปลีก
นอกจากนี้ ยังจะใช้ลงทุนในวัสดุก่อสร้างในอาเซียน ซึ่ง เอสซีจีจะเข้าร่วมทุนในสัดส่วน ร้อยละ 50:50 กับบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ จากัด (มหาชน) หรือ Global เพื่อจัดตั้งบริษัทโกลบอลเฮ้าส์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยเป็นเงินลงทุนในส่วนของเอสซีจีประมาณ 200 ล้านบาท
สำหรับการร่วมทุนดังกล่าวเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในรูปแบบคลังสินค้าในอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเอสซีจีในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอาเซียนซึ่งมีศักยภาพสูงในอนาคต โดยอาศัยความเป็นผู้นาตลาดและเครือข่ายธุรกิจในอาเซียนของเอสซีจีประกอบกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจดังกล่าวของ Global การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และเอสซีจีจะลงทุนประมาณ 190 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตของสินค้า HVA โดยการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ 20 ในบริษัท Lysando AG ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจ R&D ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Life Sciences) โดยเงินลงทุนที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณด้าน R&D ในปี 2557 ทั้งหมด 4,000 ล้านบาทของเอสซีจี
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน
***หุ้นไทยปิดบวกขานรับตั้งครม.ใหม่
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 1,565.35 จุด เพิ่มขึ้น 3.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,185.91 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,571.74 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,565.08 จุดส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 367 หลักทรัพย์ ลดลง 386 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 214 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี จำกด(มหาชน)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดี ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยรับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก หลังจากที่มีคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ชัดเจนแล้ว คาดหวังว่าภาครัฐจะมีมาตรการต่าง ๆ มาเดินหน้าเศรษฐกิจ ระยะต่อไปคงจะมีความชัดเจนในนโยบายราคาก๊าซและน้ำมัน หากชัดเจนก็น่าจะเป็นผลดีต่อทิศทางการปรับตัวของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนต่อไปในเรื่องยางพารา และ ข้าว เป็นต้น
ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศสัปดาห์นี้รอดูตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและการจ้างงานนอภภาคเกษตร รวมถึงติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ช่วงปลายสัปดาห์นี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยนอกประเทศเวลานี้โดยทั่วไปยังอยู่ในโทนบวก
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น ขานรับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปก็เดินหน้าทำงาน ซึ่งรอดูการประชุมครม.นัดแรกว่าจะมีอะไรออกมาหรือไม่ อย่างเช่นมาตรการลดหย่อนภาษีในส่วนของการท่องเที่ยว เป็นต้น
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกันเป็นส่วนใหญ่ โดยสถานการณ์ภายนอกประเทศไม่ได้เลวร้ายอะไร ในส่วนของสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งตอนนี้ก็ให้เวลารัสเซียในการถอนทหารออกไป ไม่งั้นก็จะมีการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ในวันพฤหัสนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)เกิดขึ้น ซึ่งต่างก็คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีหรือไม่
ส่วนแนวโน้มตลาดทุนวันนี้คาดว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวขึ้นได้อยู่แต่ในกรอบที่แคบเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด แนวต้าน 1,580 จุด