หลังประกาศยึดอำนาจใหม่ ทุกคนก็รอว่า เมื่อไหร่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกมาพูด พูดเรื่องอะไร เรียกว่าเฝ้ากันหน้าจอทีวีเลยทีเดียว
3 เดือนเศษผ่านไป ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดเก่งขึ้นมาก เดี่ยวไมโครโฟนสบายๆ ได้เกือบ 2 ชั่วโมง เสียงไม่ตก ลีลาไม่ติดขัด พูดได้ในทุกปัญหา ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาพูดก็น่าสนใจทุกครั้ง
แต่ความรู้สึกของประชาชนผู้ฟังเปลี่ยนไปแล้ว แม้จะยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์นำเรื่องดีมาพูด แต่ฟังเกือบทุกวัน จนเริ่มเบื่อๆ บ้างเหมือนกันแล้ว
ช่วง 18.00 น. ทีวีรวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดรายการ เดินหน้าประเทศไทย รายการปกติงด พอเวลา 20.00 น. ทีวีรวมการเฉพาะกิจก็ถ่ายทอดพล.อ.ประยุทธ์พูดอีก ภาพยนตร์ ละครทีวี หรือรายการอื่นๆ ถูกแทรกหมด
แทบทุกวัน คนดูทีวี คนฟังวิทยุ เหมือนถูกยัดเยียดให้ต้องดูต้องฟังพล.อ.ประยุทธ์ รายการที่ติดตามประจำ ต้องถูกเบียดเวลาไป จนคนรู้สึก “ล้น” แล้วที่จะรบการร่ายยาวของพล.อ.ประยุทธ์
เห็นหน้าในจอทีวีชักจะเปลี่ยนช่องแล้ว ได้ยินเสียงจากวิทยุเริ่มกดคลื่นหนี หรือเปิดเทปเพลงฟังแทน
พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดได้น่าฟัง และประเด็นที่นำมาพูดแต่ละวันก็ไม่ซ้ำซาก แต่การพูดมากไป พูดได้ทุกวัน จนกลายเป็นความจำเจ จนเริ่มมีปฏิกิริยาในเชิงลบ
คนพูดดีพูดเก่ง ควรได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น แต่พูดมากไปอาจได้ความเบื่อรำคาญแทนก็ได้ และไม่รู้ว่าคนรอบข้าง สะกิดเตือนบ้างหรือไม่
ถ้ายังไม่มี คงต้องขออนุญาตชี้แนะ ควรลดความถี่ในการออกหน้าจอลง เพราะกระแสตอบรับไม่คึกคักเหมือนช่วงข้าวใหม่ปลามันใน คสช.แล้ว
ขออนุญาตเตือนและติงมา หวังว่าพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ตีเจตนาเป็นลบ ออกอาการโกรธกริ้ว เพราะใครที่วิพากษ์วิจารณ์เตือนสติ หรือเสนอแนะ มักจะถูกตอบโต้ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกัน
คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ติติงหรือเสนอแนะ ส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มที่ประสงค์ร้าย แต่มีเจตนาดีต่อ คสช. มีความคาดหวังกับพล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น
ทุกคนติงหรือเตือนด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากจะเห็น คสช.บรรลุเป้าหมายในการคืนความสุขให้ประชาชน อยากเห็นพล.อ.ประยุทธ์เป็นวีรบุรุษ อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่ใกล้จะคลอดเข้ามาแก้ปัญหาหมักหมมของประเทศชนิดขุดรากถอนโคนได้ เพื่อนำความสงบที่ยั่งยืนสู่สังคมไทย
คนที่รักบ้านรักเมือง ไม่ต้องการเห็นพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลว ไม่ต้องการให้การรัฐประหารเป็นความสูญเปล่า เหมือนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
เพราะถ้าการรัฐประหารครั้งนี้สูญเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ ประเทศยังตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ การทุจริตคอร์รัปชันดำเนินต่อไป ปัญหาสังคมไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาค่าครองชีพและความตกต่ำทางเศรษฐกิจฟื้นฟูไม่ได้
สุดท้ายประชาชนต้องเหนื่อยกันอีก ต้องออกมาเคลื่อนไหวกดดันเรียกร้องการแก้ปัญหา ต้องรวมพลังผลักดันการปฏิรูปทางการเมืองกันครั้งใหม่
ประชาชนเกือบทุกกลุ่มไม่อยากเหนื่อยแล้ว ไม่อยากออกมาเคลื่อนไหวสู้รบกับรัฐบาลอีกแล้ว ไม่ว่าชุดไหน และยังให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์อยู่ ยังมีความหวังนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 อยู่
อย่ามองสื่อที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาด้วยสายตาที่เป็นศัตรู อย่ามองว่า กลุ่มคนที่ออกมาขับเคลื่อนการปฏิรูปในบางด้าน โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านพลังงาน เป็นพวกก่อกวน เป็นพวกเรื่องมาก และเป็นภัยต่ออำนาจของ คสช.
พล.อ.ประยุทธ์ต้องการให้กลุ่มคนที่มีความรักชาติไม่น้อยกว่าใคร และเคยแสดงจุดยืนพร้อมจะพลีชีพ เพื่อไล่รัฐบาลทรราช ต้องทำตัวเป็นพลเมืองดีขนาดไหน ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว ปิดปาก ปิดไมค์ ทิ้งปากกา หยุดความเคลื่อนไหวทุกอย่าง มุดหัวอำพรางตัว เหมือนบรรดาสมุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรหรือ
พล.อ.ประยุทธ์พึงพอใจเพียงแค่ให้ทุกคนยอมสยบ แม้คนกลุ่มนั้นจะเคยพยายามทำลายบ้านทำลายเมือง เผาบ้านเผาเมือง ไล่เข่นฆ่าทหารและปลุกระดมจนประชาชนเกิดความแตกแยกเพียงเท่านั้นหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 เต็มตัวแล้ว และเป็นผู้นำประเทศที่มีอำนาจล้นฟ้าคนหนึ่ง ไม่แพ้สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร หรือยุคของพล.อ.สุจินดา คราประยูร แต่อำนาจที่เหลือล้น ไม่ใช่หลักประกันความมั่นคงของตำแหน่ง
ถ้าไม่สามารถบริหารประเทศทำให้ประชาชนเกิดความพอใจได้ ถ้าทำลายความหวังของประชาชน ถ้าแก้ปัญหาหมักหมมไม่ได้ ปฏิรูปการเมืองไม่สำเร็จ จอมพลถนอมและพล.อ.สุจินดายังอยู่ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ได้หรือ
เพราะถ้าประชาชนเกิดไม่พอใจขึ้นมา แม้แต่จอมพลถนอมและพล.อ.สุจินดายังอยู่ไม่ได้
เปลี่ยนโลกทัศน์สักนิด ปรับมุมมองเสียหน่อย อย่าตีเจตนาของผู้ปรารถนาดีเป็นผู้ประสงค์ร้าย อย่ามองกลุ่มคนที่ออกมาติติง ออกมาเสนอแนะ หรือเคลื่อนไหวเรียกร้องการปฏิรูปเป็นพวกก่อกวนไปทั้งหมด ควรแยกมิตรและศัตรูให้ถูก
วันนี้กลุ่มคนที่มีความรักชาติ ซึ่งมีจำนวนนับสิบๆ ล้านคน และเคยแสดงพลัง ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมาแล้ว ยังมองพล.อ.ประยุทธ์เป็นมิตร ยังให้โอกาสการทำงาน ยังฝากความหวังอย่างเต็มเปี่ยมในการแก้ปัญหา
แต่วันหน้า ถ้าถูกใช้อำนาจระราน ถ้าไม่เปิดใจกว้างรับฟังเสียงกันบ้าง และสุดท้ายถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ปฏิรูปอะไรก็ไม่สำเร็จ คงไม่เหลือโอกาสใดๆ ให้พล.อ.ประยุทธ์
เตือนด้วยความประสงค์ดี มิบังอาจขู่หรอกครับ
3 เดือนเศษผ่านไป ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดเก่งขึ้นมาก เดี่ยวไมโครโฟนสบายๆ ได้เกือบ 2 ชั่วโมง เสียงไม่ตก ลีลาไม่ติดขัด พูดได้ในทุกปัญหา ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาพูดก็น่าสนใจทุกครั้ง
แต่ความรู้สึกของประชาชนผู้ฟังเปลี่ยนไปแล้ว แม้จะยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์นำเรื่องดีมาพูด แต่ฟังเกือบทุกวัน จนเริ่มเบื่อๆ บ้างเหมือนกันแล้ว
ช่วง 18.00 น. ทีวีรวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดรายการ เดินหน้าประเทศไทย รายการปกติงด พอเวลา 20.00 น. ทีวีรวมการเฉพาะกิจก็ถ่ายทอดพล.อ.ประยุทธ์พูดอีก ภาพยนตร์ ละครทีวี หรือรายการอื่นๆ ถูกแทรกหมด
แทบทุกวัน คนดูทีวี คนฟังวิทยุ เหมือนถูกยัดเยียดให้ต้องดูต้องฟังพล.อ.ประยุทธ์ รายการที่ติดตามประจำ ต้องถูกเบียดเวลาไป จนคนรู้สึก “ล้น” แล้วที่จะรบการร่ายยาวของพล.อ.ประยุทธ์
เห็นหน้าในจอทีวีชักจะเปลี่ยนช่องแล้ว ได้ยินเสียงจากวิทยุเริ่มกดคลื่นหนี หรือเปิดเทปเพลงฟังแทน
พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดได้น่าฟัง และประเด็นที่นำมาพูดแต่ละวันก็ไม่ซ้ำซาก แต่การพูดมากไป พูดได้ทุกวัน จนกลายเป็นความจำเจ จนเริ่มมีปฏิกิริยาในเชิงลบ
คนพูดดีพูดเก่ง ควรได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น แต่พูดมากไปอาจได้ความเบื่อรำคาญแทนก็ได้ และไม่รู้ว่าคนรอบข้าง สะกิดเตือนบ้างหรือไม่
ถ้ายังไม่มี คงต้องขออนุญาตชี้แนะ ควรลดความถี่ในการออกหน้าจอลง เพราะกระแสตอบรับไม่คึกคักเหมือนช่วงข้าวใหม่ปลามันใน คสช.แล้ว
ขออนุญาตเตือนและติงมา หวังว่าพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ตีเจตนาเป็นลบ ออกอาการโกรธกริ้ว เพราะใครที่วิพากษ์วิจารณ์เตือนสติ หรือเสนอแนะ มักจะถูกตอบโต้ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกัน
คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ติติงหรือเสนอแนะ ส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มที่ประสงค์ร้าย แต่มีเจตนาดีต่อ คสช. มีความคาดหวังกับพล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น
ทุกคนติงหรือเตือนด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากจะเห็น คสช.บรรลุเป้าหมายในการคืนความสุขให้ประชาชน อยากเห็นพล.อ.ประยุทธ์เป็นวีรบุรุษ อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่ใกล้จะคลอดเข้ามาแก้ปัญหาหมักหมมของประเทศชนิดขุดรากถอนโคนได้ เพื่อนำความสงบที่ยั่งยืนสู่สังคมไทย
คนที่รักบ้านรักเมือง ไม่ต้องการเห็นพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลว ไม่ต้องการให้การรัฐประหารเป็นความสูญเปล่า เหมือนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
เพราะถ้าการรัฐประหารครั้งนี้สูญเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ ประเทศยังตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ การทุจริตคอร์รัปชันดำเนินต่อไป ปัญหาสังคมไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาค่าครองชีพและความตกต่ำทางเศรษฐกิจฟื้นฟูไม่ได้
สุดท้ายประชาชนต้องเหนื่อยกันอีก ต้องออกมาเคลื่อนไหวกดดันเรียกร้องการแก้ปัญหา ต้องรวมพลังผลักดันการปฏิรูปทางการเมืองกันครั้งใหม่
ประชาชนเกือบทุกกลุ่มไม่อยากเหนื่อยแล้ว ไม่อยากออกมาเคลื่อนไหวสู้รบกับรัฐบาลอีกแล้ว ไม่ว่าชุดไหน และยังให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์อยู่ ยังมีความหวังนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 อยู่
อย่ามองสื่อที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาด้วยสายตาที่เป็นศัตรู อย่ามองว่า กลุ่มคนที่ออกมาขับเคลื่อนการปฏิรูปในบางด้าน โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านพลังงาน เป็นพวกก่อกวน เป็นพวกเรื่องมาก และเป็นภัยต่ออำนาจของ คสช.
พล.อ.ประยุทธ์ต้องการให้กลุ่มคนที่มีความรักชาติไม่น้อยกว่าใคร และเคยแสดงจุดยืนพร้อมจะพลีชีพ เพื่อไล่รัฐบาลทรราช ต้องทำตัวเป็นพลเมืองดีขนาดไหน ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัว ปิดปาก ปิดไมค์ ทิ้งปากกา หยุดความเคลื่อนไหวทุกอย่าง มุดหัวอำพรางตัว เหมือนบรรดาสมุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรหรือ
พล.อ.ประยุทธ์พึงพอใจเพียงแค่ให้ทุกคนยอมสยบ แม้คนกลุ่มนั้นจะเคยพยายามทำลายบ้านทำลายเมือง เผาบ้านเผาเมือง ไล่เข่นฆ่าทหารและปลุกระดมจนประชาชนเกิดความแตกแยกเพียงเท่านั้นหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 เต็มตัวแล้ว และเป็นผู้นำประเทศที่มีอำนาจล้นฟ้าคนหนึ่ง ไม่แพ้สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร หรือยุคของพล.อ.สุจินดา คราประยูร แต่อำนาจที่เหลือล้น ไม่ใช่หลักประกันความมั่นคงของตำแหน่ง
ถ้าไม่สามารถบริหารประเทศทำให้ประชาชนเกิดความพอใจได้ ถ้าทำลายความหวังของประชาชน ถ้าแก้ปัญหาหมักหมมไม่ได้ ปฏิรูปการเมืองไม่สำเร็จ จอมพลถนอมและพล.อ.สุจินดายังอยู่ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ได้หรือ
เพราะถ้าประชาชนเกิดไม่พอใจขึ้นมา แม้แต่จอมพลถนอมและพล.อ.สุจินดายังอยู่ไม่ได้
เปลี่ยนโลกทัศน์สักนิด ปรับมุมมองเสียหน่อย อย่าตีเจตนาของผู้ปรารถนาดีเป็นผู้ประสงค์ร้าย อย่ามองกลุ่มคนที่ออกมาติติง ออกมาเสนอแนะ หรือเคลื่อนไหวเรียกร้องการปฏิรูปเป็นพวกก่อกวนไปทั้งหมด ควรแยกมิตรและศัตรูให้ถูก
วันนี้กลุ่มคนที่มีความรักชาติ ซึ่งมีจำนวนนับสิบๆ ล้านคน และเคยแสดงพลัง ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมาแล้ว ยังมองพล.อ.ประยุทธ์เป็นมิตร ยังให้โอกาสการทำงาน ยังฝากความหวังอย่างเต็มเปี่ยมในการแก้ปัญหา
แต่วันหน้า ถ้าถูกใช้อำนาจระราน ถ้าไม่เปิดใจกว้างรับฟังเสียงกันบ้าง และสุดท้ายถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ปฏิรูปอะไรก็ไม่สำเร็จ คงไม่เหลือโอกาสใดๆ ให้พล.อ.ประยุทธ์
เตือนด้วยความประสงค์ดี มิบังอาจขู่หรอกครับ