ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ไม่ใช่อาชญากรที่เข้าเรือนจำเป็นอุบัติเหตุทางธุรกิจ ระบุ 19 วันที่ถูกจองจำไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ยัน 19 วันในเรือนจำได้เรียนรู้ชีวิตคนเยอะมาก เผย “ทักษิณ” น่าจะกลับมาติดคุกบ้าง 8 ช่องสถานีดาวเทียม เข้าเซ็น MOU ร่วมกับทางสำนักงาน กสทช. ก่อนส่งเรื่องเข้าประชุมบอร์ด กสท. วาระเร่งด่วนในวันพุธ 27 สิงหาคม 2557 หลังจากนั้น ให้ดำเนินการขอใบอนุญาตฯช่องใหม่ พร้อมให้ออกอากาศได้หลังมีมติรับทราบ
เช้าวันนี้ (26 ส.ค.) นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เขียนข้อความแสดงความเห็นลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายหลังจากศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวและได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางคลองเปรมเมื่อคืน (25 ส.ค.) ที่ผ่านมาว่า
“ขอบคุณ คุณสนธิ ที่เห็นใจและเข้าใจสภาพเรือนจำประเทศไทย ในขณะที่อยู่ 19 วันก็ไม่ได้เรียกร้องหรือสร้างปัญหาใดๆ จริงๆ แล้วคุณสนธิไม่ใช่อาชญากร แต่เข้ามาเรือนจำเพราะอุบัติเหตุทางธุรกิจ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ดีใจแทนคุณสนธิที่ได้รับความเมตตาจากศาลให้ประกันตัวออกไป
เรื่องเรือนจำเป็นเรื่องที่คนไม่อยากข้องแวะ เพราะนึกว่าเป็นที่คุมขังคนไม่ดี คนที่สังคมไม่ต้องการ แต่ต้องอย่าลืมว่า คนเหล่านี้เป็นมนุษย์ เมื่อรับโทษจำคุกคือการจำกัดอิสรภาพแล้วก็ไม่ควรโดนทำโทษซ้ำสอง ให้อยู่อย่างทุกข์ทรมาน เพราะวันหนึ่งคนเหล่านี้ก็ต้องกลับมาสู่สังคมแล้วสังคมก็จะได้รับผลร้ายนั้นเอง
กรมราชทัณฑ์รับนโยบายจาก คสช.ให้ปฏิรูปงานราชทัณฑ์ ให้คัดแยกผู้ต้องขัง ให้หาทางลดจำนวนคนที่ไม่สมควรอยู่ หรือทำผิดเล็กน้อย ไม่ใช่อาชญากรโดยสันดานเพื่อให้เรือนจำมีที่ว่างพอสำหรับดูแลผู้ต้องขังรายสำคัญได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ให้ดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ตามหลักมนุษยธรรม และเมตตาธรรม ให้สวัสดิการเจ้าหน้าที่และสร้างขวัญกำลังใจแกผู้คุม รวมทั้งรักษาความศักดิ์สิทธิของอาญาแผ่นดิน คือ ปราบปรามโทรศัพท์และยาเสพติดในเรือนจำ
ผมเพิ่งเข้ามารับหน้าที่ได้ 2 เดือน แต่ก็เป็นคนเก่าที่นี่ จะพยายามทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ปัญหานี้สะสมมานานคงต้องเริ่มสะสางอย่างเป็นระบบกันเสียที เพราะคนราชทัณฑ์ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นทำข้อสอบตอนเลื่อนตำแหน่ง”
ทั้งนี้ นายสนธิเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้นโดยตัดสินให้มีความผิดรวม 17 กระทง ลงโทษกระทงละ 5 ปี รวม 85 ปี แต่ให้รับโทษสูงสุด 20 ปี ได้กล่าวถึงงานของราชทัณฑ์หลังจากที่ได้สัมผัสมา 19 วัน ว่ากรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นั้นเป็นหน่วยงานที่ถูกละเลยมากอย่างมหาศาล เพราะราชทัณฑ์คือถังขยะสุดท้ายที่สังคม ตำรวจ และรัฐบาลสร้างปัญหาขึ้นมา แล้วบอกให้สร้างคุกเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีผู้ต้องหา 2.9 แสนคน แต่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หมื่นคน ทำงานหลายหน้าที่เพื่อทำให้ผู้ต้องหาดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ติดคุกเหมือนกับผู้ต้องขัง เพราะออกนอกคุกไม่ได้
***“สนธิ” เผยอยากเห็น “ทักษิณ” กลับมาติดคุกบ้าง
วานนี้ (25 ส.ค.) หลังจากช่วงเย็นศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมกับพวกอีก 2 คน โดยให้ใช้หลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 ล้านเป็นคนละ 12 ล้านบาท หลังจากที่นายสนธิและพวกถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โดยตัดสินให้มีความผิดรวม 17 กระทง ลงโทษ กระทงละ 5 ปี รวม 85 ปี แต่ให้รับโทษสูงสุด 20 ปี
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. กลุ่มญาติของนายสนธิ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ รวมถึงพนักงานในสื่อเครือเอเอสทีวี เดินทางมาถึงบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม บางเขน โดยบรรยากาศบริเวณหน้าเรือนจำมีญาติสนิทของนายสนธิทยอยเดินทางมารอรับอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลมายังเรือนจำคลองเปรม เพื่อดำเนินการปล่อยตัว ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ทำการปล่อยตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นของญาติและบรรดาคนสนิท โดยนายสนธิอยู่ในชุดเสื้อโปโลสีขาว กางเกงผ้าร่มสีดำ เมื่อก้าวเท้าออกมาจากเรือนจำ ได้มีบรรดาแฟนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวร้องแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้าน ซึ่งนายสนธิได้โผกอดญาติสนิทที่เดินทางมารับตัวอย่างอบอุ่น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง นายสนธิกล่าวว่า คุณมาถามได้ยังไงความรู้สึก คุณตลกหรือเปล่า ความรู้สึกก็ต้องดีใจสิที่ได้กลับบ้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทิศทางของเอเอสทีวีจะเป็นอย่างไรเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ออกอากาศได้ตามปกติ นายสนธิกล่าวต่อว่า ไม่ทราบต้องถามคนที่ทำเอเอสทีวี และคงไม่มีแผนอะไร ข้อชี้แจงสั้นๆ และจะไม่พูดอีกแล้ว ตนมีความสุขดีอยู่ในเรือนจำ ตนแค่เปลี่ยนที่นอนเฉยๆ เจ้าหน้าที่ในเรือนจำทกคนดูแลตนเป็นอย่างดี ทุกคนห่วงอยู่อย่างเดียวว่าจะมีการว่าจ้างใครมาทำร้ายตนหรือเปล่า ขณะอยู่ในเรือนจำเมื่อลงมาจากตึกก็จะมีคนมานั่งคุยด้วย เพราะเกรงว่าจะมีคนรับงานให้คนมาทำร้ายตน เนื่องจากบุคคลที่อยู่ข้างในก็ร้อยพ่อพันแม่
นายสนธิกล่าวต่อว่า การเข้าไปครั้งนี้ตนได้เห็นข้อเท็จจริงหลายอย่าง จากที่อยู่ 19 วัน ได้เรียนรู้ชีวิตคนเยอะมาก เรียนรู้ว่าปัญหาไม่ใช่แก้ที่คุก ต้องแก้ที่ต้นน้ำอย่างรัฐบาล อย่างตำรวจ ถ้าไม่กระทำแบบเหวี่ยงแห่ ผู้ต้องหาก็จะไม่เยอะขณะนี้ ทนายความบางคนได้รับค่าจ้างแค่พันบาท ให้มาว่าความ ก็สั่งให้ลูกความรับสารภาพไปเพื่อที่คดีจะได้จบแล้วก็ได้เงินไป โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะงั้นแล้วความยุติธรรมชั้นต้นยังไม่มี สิ่งที่ที่ได้รู้ต่อมาคือ คุกเหมือนขณะที่เมื่อ คนสร้างปัญหาขึ้นมา ตำรวจสร้างปัญหาขึ้นมา รัฐบาลสร้างปัญหาขึ้นมา ก็จะจับคนมาไว้ในคุก แล้วบอกให้สร้างคุกเพิ่ม ผู้ต้องหา 290,000 คน เจ้าหน้าที่ 10,000 กว่าคน ทำงานทุกอย่าง เงินเดือนต่ำ เบี้ยเลี้ยงน้อยชีวิตส่วนตัวไม่มีเลยต่อเข้าเวรตลอดเวลา ตนคุยทุกเรื่องจนรู้ว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์คือการตกนรก ในชีวิตเหมือนตน ต่างที่ตอน 3 โมงครึ่งตนขึ้นตึก แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ยังเดินไปไหนมาได้ได้ เพราะงั้นตนอยากให้รู้ว่ากรมราชทัณฑ์ เป็นหน่วยงานที่ถูกละเลยมาก เมื่อเทียบกับที่อื่น ซึ่งตนคุยกับผู้คุมขังคนอื่นพบว่าโดนคดีใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ผู้คุมขังจึงถามตนว่าโดนคดีอะไร ตนตอบว่าโดนคดีเอาอีกบริษัทมาค้ำให้อีกบริษัท เขาก็บอกว่าคดีมันเล็กน้อยมากพี่เข้ามาได้อย่างไร เมื่อให้สัมภาษณ์จบนายสนธิได้ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่มาจอดรอรับออกไปทันที่ท่ามกลางความยินดีของผู้ที่มารอรับ
ระหว่างเดินทางกลับที่พัก นายสนธิได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการเพิ่มเติมว่า หลังจากใช้ชีวิตในคุก 19 วัน ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษผู้หลบหนีคำพิพากษาจำคุกจากศาลฎีกาเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งบอกมาตลอดว่าอยากกลับมาประเทศไทย เดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อติดคุกบ้าง
***ช่องสถานีดาวเทียมเข้าเซ็น MOU
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (mou) ในการประชุม “แนวทางปฏิบัติตามประกาศ คสช.” ประกอบไปด้วย 1.สถานี News 1 จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี 2.สถานีฟ้าวันใหม่ จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย 3.สถานี People channel จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวี 4.สถานี บุญนิยม จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี 5.สถานี Peace TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี 6.สถานี Five TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 7. สถานี พี ชาแนล จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีแอนด์พี และ 8. สถานี DNC TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีเอ็นเอ็น
ส่วนอีก 4 สถานีที่ยังไม่เข้ามาเซ็น MOU ประกอบไปด้วย 1. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล 2..สถานีดาวเทียมฮอตทีวี 3. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเร็สคิ้ว และ 4. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ (คปท.)
หลังจากลงนามเสร็จแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. จะส่งเรื่องเข้าประชุมนัดพิเศษของบอร์ด กสท. ในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2557 เมื่อมีมติรับทราบในช่วงเช้า และทางสำนักงานแจ้งแก่ทางสถานีทุกช่องที่เซ็น mou ก็สามารถออกอากาศได้ทันที แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการยกเลิกใบอนุญาตบริการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกช่องเดิม และขอใบอนุญาตใหม่ที่จะให้ระยะเวลาในการออกอากาศ 1 ปี
เช้าวันนี้ (26 ส.ค.) นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เขียนข้อความแสดงความเห็นลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายหลังจากศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวและได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางคลองเปรมเมื่อคืน (25 ส.ค.) ที่ผ่านมาว่า
“ขอบคุณ คุณสนธิ ที่เห็นใจและเข้าใจสภาพเรือนจำประเทศไทย ในขณะที่อยู่ 19 วันก็ไม่ได้เรียกร้องหรือสร้างปัญหาใดๆ จริงๆ แล้วคุณสนธิไม่ใช่อาชญากร แต่เข้ามาเรือนจำเพราะอุบัติเหตุทางธุรกิจ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ดีใจแทนคุณสนธิที่ได้รับความเมตตาจากศาลให้ประกันตัวออกไป
เรื่องเรือนจำเป็นเรื่องที่คนไม่อยากข้องแวะ เพราะนึกว่าเป็นที่คุมขังคนไม่ดี คนที่สังคมไม่ต้องการ แต่ต้องอย่าลืมว่า คนเหล่านี้เป็นมนุษย์ เมื่อรับโทษจำคุกคือการจำกัดอิสรภาพแล้วก็ไม่ควรโดนทำโทษซ้ำสอง ให้อยู่อย่างทุกข์ทรมาน เพราะวันหนึ่งคนเหล่านี้ก็ต้องกลับมาสู่สังคมแล้วสังคมก็จะได้รับผลร้ายนั้นเอง
กรมราชทัณฑ์รับนโยบายจาก คสช.ให้ปฏิรูปงานราชทัณฑ์ ให้คัดแยกผู้ต้องขัง ให้หาทางลดจำนวนคนที่ไม่สมควรอยู่ หรือทำผิดเล็กน้อย ไม่ใช่อาชญากรโดยสันดานเพื่อให้เรือนจำมีที่ว่างพอสำหรับดูแลผู้ต้องขังรายสำคัญได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ให้ดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ตามหลักมนุษยธรรม และเมตตาธรรม ให้สวัสดิการเจ้าหน้าที่และสร้างขวัญกำลังใจแกผู้คุม รวมทั้งรักษาความศักดิ์สิทธิของอาญาแผ่นดิน คือ ปราบปรามโทรศัพท์และยาเสพติดในเรือนจำ
ผมเพิ่งเข้ามารับหน้าที่ได้ 2 เดือน แต่ก็เป็นคนเก่าที่นี่ จะพยายามทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ปัญหานี้สะสมมานานคงต้องเริ่มสะสางอย่างเป็นระบบกันเสียที เพราะคนราชทัณฑ์ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นทำข้อสอบตอนเลื่อนตำแหน่ง”
ทั้งนี้ นายสนธิเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้นโดยตัดสินให้มีความผิดรวม 17 กระทง ลงโทษกระทงละ 5 ปี รวม 85 ปี แต่ให้รับโทษสูงสุด 20 ปี ได้กล่าวถึงงานของราชทัณฑ์หลังจากที่ได้สัมผัสมา 19 วัน ว่ากรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นั้นเป็นหน่วยงานที่ถูกละเลยมากอย่างมหาศาล เพราะราชทัณฑ์คือถังขยะสุดท้ายที่สังคม ตำรวจ และรัฐบาลสร้างปัญหาขึ้นมา แล้วบอกให้สร้างคุกเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีผู้ต้องหา 2.9 แสนคน แต่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หมื่นคน ทำงานหลายหน้าที่เพื่อทำให้ผู้ต้องหาดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ติดคุกเหมือนกับผู้ต้องขัง เพราะออกนอกคุกไม่ได้
***“สนธิ” เผยอยากเห็น “ทักษิณ” กลับมาติดคุกบ้าง
วานนี้ (25 ส.ค.) หลังจากช่วงเย็นศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมกับพวกอีก 2 คน โดยให้ใช้หลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 ล้านเป็นคนละ 12 ล้านบาท หลังจากที่นายสนธิและพวกถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลอาญา รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โดยตัดสินให้มีความผิดรวม 17 กระทง ลงโทษ กระทงละ 5 ปี รวม 85 ปี แต่ให้รับโทษสูงสุด 20 ปี
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. กลุ่มญาติของนายสนธิ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ รวมถึงพนักงานในสื่อเครือเอเอสทีวี เดินทางมาถึงบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม บางเขน โดยบรรยากาศบริเวณหน้าเรือนจำมีญาติสนิทของนายสนธิทยอยเดินทางมารอรับอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลมายังเรือนจำคลองเปรม เพื่อดำเนินการปล่อยตัว ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ทำการปล่อยตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นของญาติและบรรดาคนสนิท โดยนายสนธิอยู่ในชุดเสื้อโปโลสีขาว กางเกงผ้าร่มสีดำ เมื่อก้าวเท้าออกมาจากเรือนจำ ได้มีบรรดาแฟนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวร้องแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้าน ซึ่งนายสนธิได้โผกอดญาติสนิทที่เดินทางมารับตัวอย่างอบอุ่น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง นายสนธิกล่าวว่า คุณมาถามได้ยังไงความรู้สึก คุณตลกหรือเปล่า ความรู้สึกก็ต้องดีใจสิที่ได้กลับบ้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทิศทางของเอเอสทีวีจะเป็นอย่างไรเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ออกอากาศได้ตามปกติ นายสนธิกล่าวต่อว่า ไม่ทราบต้องถามคนที่ทำเอเอสทีวี และคงไม่มีแผนอะไร ข้อชี้แจงสั้นๆ และจะไม่พูดอีกแล้ว ตนมีความสุขดีอยู่ในเรือนจำ ตนแค่เปลี่ยนที่นอนเฉยๆ เจ้าหน้าที่ในเรือนจำทกคนดูแลตนเป็นอย่างดี ทุกคนห่วงอยู่อย่างเดียวว่าจะมีการว่าจ้างใครมาทำร้ายตนหรือเปล่า ขณะอยู่ในเรือนจำเมื่อลงมาจากตึกก็จะมีคนมานั่งคุยด้วย เพราะเกรงว่าจะมีคนรับงานให้คนมาทำร้ายตน เนื่องจากบุคคลที่อยู่ข้างในก็ร้อยพ่อพันแม่
นายสนธิกล่าวต่อว่า การเข้าไปครั้งนี้ตนได้เห็นข้อเท็จจริงหลายอย่าง จากที่อยู่ 19 วัน ได้เรียนรู้ชีวิตคนเยอะมาก เรียนรู้ว่าปัญหาไม่ใช่แก้ที่คุก ต้องแก้ที่ต้นน้ำอย่างรัฐบาล อย่างตำรวจ ถ้าไม่กระทำแบบเหวี่ยงแห่ ผู้ต้องหาก็จะไม่เยอะขณะนี้ ทนายความบางคนได้รับค่าจ้างแค่พันบาท ให้มาว่าความ ก็สั่งให้ลูกความรับสารภาพไปเพื่อที่คดีจะได้จบแล้วก็ได้เงินไป โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะงั้นแล้วความยุติธรรมชั้นต้นยังไม่มี สิ่งที่ที่ได้รู้ต่อมาคือ คุกเหมือนขณะที่เมื่อ คนสร้างปัญหาขึ้นมา ตำรวจสร้างปัญหาขึ้นมา รัฐบาลสร้างปัญหาขึ้นมา ก็จะจับคนมาไว้ในคุก แล้วบอกให้สร้างคุกเพิ่ม ผู้ต้องหา 290,000 คน เจ้าหน้าที่ 10,000 กว่าคน ทำงานทุกอย่าง เงินเดือนต่ำ เบี้ยเลี้ยงน้อยชีวิตส่วนตัวไม่มีเลยต่อเข้าเวรตลอดเวลา ตนคุยทุกเรื่องจนรู้ว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์คือการตกนรก ในชีวิตเหมือนตน ต่างที่ตอน 3 โมงครึ่งตนขึ้นตึก แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ยังเดินไปไหนมาได้ได้ เพราะงั้นตนอยากให้รู้ว่ากรมราชทัณฑ์ เป็นหน่วยงานที่ถูกละเลยมาก เมื่อเทียบกับที่อื่น ซึ่งตนคุยกับผู้คุมขังคนอื่นพบว่าโดนคดีใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ผู้คุมขังจึงถามตนว่าโดนคดีอะไร ตนตอบว่าโดนคดีเอาอีกบริษัทมาค้ำให้อีกบริษัท เขาก็บอกว่าคดีมันเล็กน้อยมากพี่เข้ามาได้อย่างไร เมื่อให้สัมภาษณ์จบนายสนธิได้ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่มาจอดรอรับออกไปทันที่ท่ามกลางความยินดีของผู้ที่มารอรับ
ระหว่างเดินทางกลับที่พัก นายสนธิได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการเพิ่มเติมว่า หลังจากใช้ชีวิตในคุก 19 วัน ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษผู้หลบหนีคำพิพากษาจำคุกจากศาลฎีกาเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งบอกมาตลอดว่าอยากกลับมาประเทศไทย เดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อติดคุกบ้าง
***ช่องสถานีดาวเทียมเข้าเซ็น MOU
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (mou) ในการประชุม “แนวทางปฏิบัติตามประกาศ คสช.” ประกอบไปด้วย 1.สถานี News 1 จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี 2.สถานีฟ้าวันใหม่ จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย 3.สถานี People channel จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวี 4.สถานี บุญนิยม จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี 5.สถานี Peace TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี 6.สถานี Five TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 7. สถานี พี ชาแนล จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีแอนด์พี และ 8. สถานี DNC TV จากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีเอ็นเอ็น
ส่วนอีก 4 สถานีที่ยังไม่เข้ามาเซ็น MOU ประกอบไปด้วย 1. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟร์แชนแนล 2..สถานีดาวเทียมฮอตทีวี 3. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเร็สคิ้ว และ 4. สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ (คปท.)
หลังจากลงนามเสร็จแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. จะส่งเรื่องเข้าประชุมนัดพิเศษของบอร์ด กสท. ในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2557 เมื่อมีมติรับทราบในช่วงเช้า และทางสำนักงานแจ้งแก่ทางสถานีทุกช่องที่เซ็น mou ก็สามารถออกอากาศได้ทันที แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการยกเลิกใบอนุญาตบริการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่แบบบอกรับสมาชิกช่องเดิม และขอใบอนุญาตใหม่ที่จะให้ระยะเวลาในการออกอากาศ 1 ปี