วานนี้ (21 ส.ค.) เมื่อเวลา 18.40 น. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวภายหลังประชุมด่วนกรณีพบผู้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอีโบลา ร่วมกับ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดี คร. ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อไวรัส ตัวแทนกรมการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ผู้ต้องสอบสวนโรคดังกล่าวเป็นหญิงไทย อายุ 48 ปี ซึ่งเดินทางกลับมาจากการทำงานที่ประเทศไลบีเรีย เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เปลี่ยนเครื่องที่เคนย่าในวันที่ 19 ส.ค. ระหว่างนั้นมีอาการปวดศีรษะ จึงได้กินยาแก้ไข้ และเดินทางต่อกลับมาถึงไทยในวันที่ 20 ส.ค. ผ่านการรายงานตัวที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามระบบไม่พบว่ามีไข้ จึงได้รับคำแนะนำการปฏิบัติตัว พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกรณีเกิดอาการผิดปกติ แต่ระหว่างทางเกิดอาการไข้และมีผื่นขึ้น ญาติจึงพาไปตรวจที่ รพ.เอกชน แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นลมพิษ จึงเดินทางเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งในช่วงบ่ายของวันที่ 21 ส.ค. แต่ยังมีความกังวลใจ จึงโทรศัพท์แจ้งสายด่วน คร. 1422 จึงเข้าสอบสวนโรคและรับตัวมายังห้องแยกโรคตามระบบ ของสถาบันบำราศนราดูร เพื่อเฝ้าระวัง แต่ผลการตรวจเบื้องต้นยังปกติ ไม่มีไข้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นโรคอีโบลา แต่ตามมาตรฐานการเฝ้าระวัง จึงได้จัดให้เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างสอบสวนโรค ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยว่าป่วย แต่จะเฝ้าระวังการมีไข้ถึงเมื่อไรนั้น จะให้คณะทำงานวินิจฉัยยืนยัน ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน เป็นทีมยืนยันว่าจะเลิกเฝ้าระวังเมื่อใด
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า คณะทำงานฯ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและด้านการแพทย์ จะให้คำแนะนำในการวินิจฉัยรักษาผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยทุกราย โดยจะพิจารณาข้อมูลทั้งด้านผลการตรวจทางคลินิก ผลการสอบสวนด้านระบาดวิทยาและผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ และในวันที่ 22 ส.ค. นี้ จะมีการจัดอบรมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
“นอกจากนี้ จะติดตามผู้ใกล้ชิดอีก 13 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันจำวน 3 ราย ญาติผู้ใกล้ชิด และพนักงานในโรงแรมที่หญิงรายดังกล่าวเข้าพัก ซึ่งกระบวนการทั้งหมด เป็นมาตรฐานการเฝ้าระวังโรค ไม่อยากให้ประชาชนแตกตื่นหรือเข้าใจผิด ซึ่งการเปิดเผยถือเป็นการทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบเฝ้าระวัง ขอแนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข ไม่ควรเชื่อข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อโซเซียลมีเดียโดยยังไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และอาจทำให้ตื่นตระหนกในวงกว้าง ไม่ส่งผลดีต่อประเทศ โดยทีมโฆษกของกระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดเป็นประจำทุกวัน” ปลัด สธ กล่าว
นพ.ศุภมิตร ชุณสุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คร. กล่าวว่า ความจริงแล้วหญิงรายดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องเข้ากระบวนการด้วยซ้ำ เพราะไม่มีอาการไข้ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ของโรค แต่เพื่อความสบายใจและทำให้มาตรการเฝ้าระวังเข้มงวด จึงได้รับตัวหญิงรายดังกล่าวมาทำการติดตาม สอบสวนโรคอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ได้ตรวจสอบไม่พบว่ามีไข้ ส่วนผื่นที่ขึ้นตามตัวเกิดได้หลายสาเหตุ เบื้องต้นผลการตรวจของ รพ.เอกชน เป็นเพียงลมพิษ นอกจากนี้ จากการสอบสวนประวัตก็ไม่พบประวัติสัมผัสกับคนที่มีอาการไข้ ที่ประเทศไลบีเรีย ตามมาตรฐานแม้หญิงรายดังกล่าว ไม่ได้ป่วยด้วยโรคอีโบลา แต่ สธ.จะมีการตรวจเชื้อเพื่อยืนยันโรคตามหลักมาตรฐานด้วย
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า สำหรับตามมาตรฐานการเฝ้าระวังโรค จะต้องติดตามในระหว่าง 2-21 วัน ส่วนหญิงรายดังกล่าวจะต้องให้ทีมแพทย์ทำการติดตามอาการใกล้ชิด หากใน 24 ชั่วโมง ไม่พบไข้สูงเฉียบพลัน คณะแพทย์ก็จะสรุปอีกครั้งว่า จะต้องเฝ้าระวังอาการในโรงพยาบาลต่อหรือไม่ สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดที่ต้องติดตามขณะนี้ทราบชื่อทุกคน และได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตาม เพื่อดูว่ามีไข้หรือไม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ในระหว่าง 21 วัน นี้ หญิงรายดังกล่าว อาจมีไข้จากสาเหตุอื่นก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด
ด้าน นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สำหรับชุดตรวจเชื้ออีโบล่า ทั้ง 300 ชุด ที่มีการสั่งจากประเทศเยอรมัน จีน ญี่ปุ่น ขณะนี้ชุดตรวจจำนวน 100 ชุด จากประเทศเยอรมัน ซึ่งถือว่ามีความแม่นยำที่สุด จะมาถึงไทยในวันจันทร์ อังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งจะสามารถใช้เพื่อตรวจหากรณีมีเคสต้องสงสัยได้เลย
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า คณะทำงานฯ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและด้านการแพทย์ จะให้คำแนะนำในการวินิจฉัยรักษาผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยทุกราย โดยจะพิจารณาข้อมูลทั้งด้านผลการตรวจทางคลินิก ผลการสอบสวนด้านระบาดวิทยาและผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ และในวันที่ 22 ส.ค. นี้ จะมีการจัดอบรมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
“นอกจากนี้ จะติดตามผู้ใกล้ชิดอีก 13 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันจำวน 3 ราย ญาติผู้ใกล้ชิด และพนักงานในโรงแรมที่หญิงรายดังกล่าวเข้าพัก ซึ่งกระบวนการทั้งหมด เป็นมาตรฐานการเฝ้าระวังโรค ไม่อยากให้ประชาชนแตกตื่นหรือเข้าใจผิด ซึ่งการเปิดเผยถือเป็นการทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบเฝ้าระวัง ขอแนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข ไม่ควรเชื่อข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อโซเซียลมีเดียโดยยังไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และอาจทำให้ตื่นตระหนกในวงกว้าง ไม่ส่งผลดีต่อประเทศ โดยทีมโฆษกของกระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดเป็นประจำทุกวัน” ปลัด สธ กล่าว
นพ.ศุภมิตร ชุณสุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คร. กล่าวว่า ความจริงแล้วหญิงรายดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องเข้ากระบวนการด้วยซ้ำ เพราะไม่มีอาการไข้ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ของโรค แต่เพื่อความสบายใจและทำให้มาตรการเฝ้าระวังเข้มงวด จึงได้รับตัวหญิงรายดังกล่าวมาทำการติดตาม สอบสวนโรคอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ได้ตรวจสอบไม่พบว่ามีไข้ ส่วนผื่นที่ขึ้นตามตัวเกิดได้หลายสาเหตุ เบื้องต้นผลการตรวจของ รพ.เอกชน เป็นเพียงลมพิษ นอกจากนี้ จากการสอบสวนประวัตก็ไม่พบประวัติสัมผัสกับคนที่มีอาการไข้ ที่ประเทศไลบีเรีย ตามมาตรฐานแม้หญิงรายดังกล่าว ไม่ได้ป่วยด้วยโรคอีโบลา แต่ สธ.จะมีการตรวจเชื้อเพื่อยืนยันโรคตามหลักมาตรฐานด้วย
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า สำหรับตามมาตรฐานการเฝ้าระวังโรค จะต้องติดตามในระหว่าง 2-21 วัน ส่วนหญิงรายดังกล่าวจะต้องให้ทีมแพทย์ทำการติดตามอาการใกล้ชิด หากใน 24 ชั่วโมง ไม่พบไข้สูงเฉียบพลัน คณะแพทย์ก็จะสรุปอีกครั้งว่า จะต้องเฝ้าระวังอาการในโรงพยาบาลต่อหรือไม่ สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดที่ต้องติดตามขณะนี้ทราบชื่อทุกคน และได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตาม เพื่อดูว่ามีไข้หรือไม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ในระหว่าง 21 วัน นี้ หญิงรายดังกล่าว อาจมีไข้จากสาเหตุอื่นก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด
ด้าน นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สำหรับชุดตรวจเชื้ออีโบล่า ทั้ง 300 ชุด ที่มีการสั่งจากประเทศเยอรมัน จีน ญี่ปุ่น ขณะนี้ชุดตรวจจำนวน 100 ชุด จากประเทศเยอรมัน ซึ่งถือว่ามีความแม่นยำที่สุด จะมาถึงไทยในวันจันทร์ อังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งจะสามารถใช้เพื่อตรวจหากรณีมีเคสต้องสงสัยได้เลย
