วานนี้ ( 17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการรับการเสนอชื่อจากองค์กรนิติบุคคล เพื่อสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระหว่างวันที่ 14 ส.ค- 2 ก.ย. โดยบรรยากาศรับการเสนอชื่อในวันที่ 4 ยังค่อนข้างเงียบเหงา ในช่วงเช้า นับแต่เปิดรับการเสนอชื่อเวลา 08.30 น. มีองค์กรนิติบุคคลเดินทางมาเสนอชื่อเพียง 5 คน ประกอบด้วย ด้านอื่นๆ หนังสือพิมพ์ไฮแลนด์นิวส์ เสนอชื่อ พ.ต.ท.ชุมพล เพ็งศิริ ข้าราชการบำนาญ ส่วนด้านการปกครองท้องถิ่น เทศบาลตำบลสวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้มาเสนอชื่อนายปราโมทย์ ไพชนม์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และนายศักดิ์ชาย พรหมโท หัวหน้าพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เสนอชื่อตนเองเข้ารับการสรรหา ขณะที่ด้านบริหารราชการแผ่นดิน สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สุวรรณนิเวศน์ เสนอชื่อ นายปรีชา วาสิงหล และด้านการบริหารราชการแผ่นดิน พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เสนอชื่อ นายสราวุฒิ สิงหกลางพล รองหัวหน้าพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย
**หลวงปู่ฯเตรียมส่งตัวแทนเข้าสรรหา
จากนั้น เวลา 11.45 น. หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีแจ้งวัฒนะ ที่มีกำหนดการเทศนาธรรมให้กับลูกศิษย์ที่อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ได้เข้ามาสอบถาม และขอเอกสารเกี่ยวกับการรับสมัครสปช. ที่สำนักงานกกต. ที่อยู่ในอาคารเดียวกัน โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้พูดคุยสอบถามนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง ถึงคุณสมบัติผู้เข้ารับการสรรหา รวมถึงวัดและมูลนิธิ ถือว่าเป็นองค์กรนิติบุคคลที่จะเสนอชื่อบุคคล ที่เข้ารับการสรรหาหรือไม่ ซึ่งนายบุณยเกียรติ ยืนยันว่า หากจดทะเบียนเป็นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก็สามารถเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาได้ องค์กรละ 2 คน
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่าไม่ได้จะเข้าสรรหาเอง แต่จะนำเอกสารทั้ง 5 ชุด ไปให้ญาติโยมที่มีภูมิความรู้อย่างถ่องแท้ 11 คน ซึ่งจะเข้าสรรหา โดยสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม เพื่อที่จะให้ วัด และมูลนิธิ เสนอชื่อ เพราะเห็นว่ามีจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศชาติ แต่เท่าที่ดูแล้วคิดว่าน่าจะเสนอชื่อในด้านที่เกี่ยวกับศีลธรรม และพลังงาน เพราะเป็นแนวทางที่เคยต่อสู้มา แต่ติดใจตรงที่คณะกรรมการสรรหา ด้านพลังงาน มีแต่อดีตกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน ซึ่งเป็นคู่กรณีกันมาก่อน ดังนั้นถ้าเราส่งคู่กรณีที่เป็นปฏิปักษ์กับ ปตท. จะโดนเขี่ยทิ้งหรือไม่
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ถามทิ้งท้ายว่า "มีเด็กฝากบ้างหรือไม่" นายบุณยเกียรติ ได้เพียงแค่หัวเราะ พร้อมกับส่ายหน้าเท่านั้น
**เสนอชื่อว่าที่สปช.4วัน แค่265 คน
ต่อมาเวลา 17.20 น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปยอดการรับเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. วันที่ 4 ว่า ตลอดทั้งวัน มีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหากำไร ยื่นเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.จำนวน 7 ด้าน 16 คน โดยเป็นการยื่นที่สำนักงานกกต.กลาง 6 คน และส่งเอกสารทางไปรษณีย์จำนวน 10 คน แบ่งเป็นด้านบริหารราชการแผ่นดิน 1 คน การปกครองส่วนท้องถิ่น 5 คน การศึกษา 4 คน พลังงาน 1 คน สื่อสารมวลชน 1 คน สังคม 2 คน และด้านอื่น ๆ 2 คน ส่วนที่เข้าเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดมี 21 คน รวมวันที่ 17ส.ค. ทั่วประเทศมีผู้เสนอชื่อ 37 คน สรุป 4 วันของการเปิดรับการเสนอชื่อ มีองค์กรนิติบุคคลที่เสนอชื่อเข้ามาจำนวน 94 คน สมัครทางจังหวัด 171 คน รวมทั้งสิ้น 265 คน ขณะนี้ยังไม่พบปัญหาและอุปสรรคใดๆ และขอให้องค์กรนิติบุคคลเร่งเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ามาโดยเร็ว เพราะขณะนี้เหลือระยะเวลาอีกเพียง 17 วัน นับจากนี้ คาดว่า ในสัปดาห์นี้ จะมีองค์กรนิติบุคคลทยอยเข้าเสนอรายชื่อเป็นจำนวนมาก
ส่วนกระแสข่าวว่า ในบางจังหวัดกระบวนการสรรหาเริ่มมีความเป็นไม่ธรรม เนื่องจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าเป็น สปช.ไว้แล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ก็จะมีการสอบถามข้อเท็จจริงไปยังคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาตาม พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. หากกระทำสิ่งใดที่ผิดไปจาก พ.ร.ฎ.ที่กำหนดไว้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
**"บิ๊กป้อม"นัดถกคณะที่ปรึกษา19ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 คณะนั้น แม้ คสช. จะมีคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 13 ส.ค. แต่จนบัดนี้แต่ละคณะ ยังไม่ได้มีการนัดประชุมกันอย่างเป็นทางการเพื่อเลือกประธานคณะกรรมการแต่ละชุด เบื้องต้นมีรายงานว่าในวันที่ 19 ส.ค. นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช.ได้นัดประชุมคณะที่ปรึกษา คสช.ทั้ง 10 คน รวมถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเบอร์หนึ่งในคณะกรรมการสรรหา สปช. ทั้ง 11 คณะ และถูกคาดหมายว่าจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาของแต่ละคณะ ที่สโมสรกองทัพบก เวลาประมาณ 09.00 น. เพื่อมอบนโยบายและให้ทิศทางในการสรรหาสปช.แต่ละคณะ ซึ่งก็ได้มีการแจ้งมายังสำนักงาน กกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาให้เข้าชี้แจงความคืบหน้าของการเปิดรับการเสนอชื่อ และบรรยายสรุปถึงแผนการทำงานที่วางไว้ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน ซึ่ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขา กกต. และนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ก็จะเข้าชี้แจงด้วยตนเอง
จากนั้น หลังปิดรับการเสนอชื่อบุคคลเป็นสปช. ในวันที่ 2 ก.ย. แล้ว คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 คณะ จะมีการนัดประชุมพร้อมกันอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. ซึ่งจะมีการกำหนดวันเวลา สถานที่ที่ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อคัดเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแต่ละคณะ และแต่ละคณะจะได้มีคำสั่งแต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการสรรหาอย่างถูกต้อง ก่อนจะเริ่มดำเนินการกระบวนการสรรหา
**เกณฑ์การสรรหาสปช. ยังไม่ชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นสปช. ของคณะกรรมการสรรหานั้น พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าให้ใช้วิธีการอย่างใด แต่เพียงระบุว่า ให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละคณะ คัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช. ด้านละไม่เกิน 50 คน ก่อนส่งให้คสช. พิจารณาคัดเลือกต่อไป ดังนั้น กกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯ จึงได้เตรียมที่จะเสนอวิธีการสรรหาให้คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณา โดยจะเป็นวิธีเดียวกับที่ กกต.ใช้ในการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (กกต.จว.) คือ เมื่อสำนักงานกกต.ได้ส่งรายชื่อพร้อมผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อในแต่ละด้าน ให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 คณะแล้ว จากยอดบัญชีผู้เข้ารับการเสนอชื่อแต่ละด้านที่ส่งไป ก็จะเสนอให้กรรมการแต่ละคนไปพิจารณาคัดเลือก หรือให้เป็นคะแนนกับบุคคลที่ตนเองเห็นว่าเหมาะสมเป็น สปช. มาคนละ 50 ชื่อ แล้วเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาแต่ละคณะ ก็ให้กรรมการทั้ง 7 คน เปิดรายชื่อ หรือคะแนนของผู้เหมาะสมเป็น สปช. ที่กรรมการแต่ละคนเลือก เพื่อดูว่าผู้เหมาะสมแต่ละรายได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนเท่าใด ซึ่งอาจใช้การเรียงลำดับคะแนนก็ได้ แต่ทั้งนี้ 50 ชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเลือก ควรจะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือเป็นมติเสียงข้างมากจากคณะกรรมการสรรหา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหา ว่าจะเห็นด้วยกับวิธีการนี้หรือไม่ หรือเห็นว่ามีวิธีการอื่นที่เหมาะสมกว่า ก็สามารถดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า หากคณะกรรมการสรรหาเห็นด้วยกับวิธีการสรรหาที่ฝ่ายเลขานุการเสนอการประชุมคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช. ชองคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุดก็น่าจะประชุมรวมแล้วไม่เกิน 3 ครั้ง ก็น่าจะได้ผู้เหมาะสมเป็นสปช. ด้านละไม่เกิน 50 คนซึ่งก็จะส่งให้คสช.ทันต่อกำหนดเวลาคือ วันที่ 23 ก.ย.
**อัด"วิษณุ"ออกกติกาเลือกสปช.เพี้ยน
นางรัชดาภร แก้วสนิท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรับสมัคร สปช.ว่า เดือนที่แล้ว ตนและสมาชิกสตรีในนาม “ขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปประเทศ”มีการรณรงค์สมาชิกกว่า 60 องค์กรทั่วประเทศ ให้ส่งสตรีในพื้นที่ต่างๆ ร่วมคัดสรรในแต่ละจังหวัด เพื่อเข้าสู่การคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา สปช. อีกทอดหนึ่ง โดยตั้งเป้าให้ได้สัดส่วนสตรีเข้าไปทำหน้าที่ 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก แต่ขณะนี้คงหมดหวัง เพราะการคัดเลือกในระดับท้องถิ่น ค่อนข้างใช้วิธีการทาบทามมากกว่าการคัดสรรอย่างเป็นธรรม หนำซ้ำพอเข้ามาในกทม.ได้แล้ว ก็ต้องให้คสช.เป็นผู้ตัดสินใจเลือกอีก พูดง่ายๆ คือมองไม่เห็นกระบวนการคัดสรรที่เป็นรูปธรรมว่า ทุกคนก็มีโอกาสได้รับเลือก
"วิธีที่กำลังทำ จะกลายเป็นประชาชนไม่มีที่ยืน และตัวแทนในการแสดงความเห็น เรื่องนี้มองว่า คสช.เพี้ยน ก็เพราะมี นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคสช.เป็นคนทำให้เพี้ยน โดยธรรมชาติ นายวิษณุ เป็นคนไม่เคารพและเห็นหัวประชาชนตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงทำกติกามาแบบนี้ อีกทั้งในช่วงเวลา 14 ต.ค.16 เขานี่ล่ะ เป็นคนออกมาจัดรายการสนทนาปัญหาบ้านเมือง ด่านักศึกษา ด่าประชาชนตลอดเวลา จึงไม่สงสัยว่า เหตุใดจึงมีวิธีการคัดเลือกเช่นนี้ออกมา ซึ่งวันนี้ไม่ได้ออกมาพูดในนามประชาธิปัตย์ หรือในนามนักการเมือง แต่มาในนามประชาชนคนหนึ่ง อีกทั้งส่วนตัวไม่เห็นด้วย ที่นักการ เมืองจะเข้าไปมีบาทบาทใน สปช. เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง" นางรัชดาภรณ์กล่าว.
**ชพน.ส่ง"บิ๊กเยิ้ม" ชิงสปช.ตามคาด
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ตามที่พรรคชาติพัฒนา ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการปฏิรูปประเทศ และพร้อมที่จะนำเสนอข้อเสนอ และแนวคิดในการปฎิรูปประเทศนั้น นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ได้เสนอชื่อ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เป็นตัวแทนของ พรรคชาติพัฒนา เพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. ทั้งนี้ พล.อ.ธวัชชัย อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ และเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เป็นนายทหารผู้มีความจงรักภักดี ปฏิบัติหน้าที่ตลอดอายุราชการ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานในหน้าที่อยู่พื้นที่ภาคอีสานมาโดยตลอด มีประสบการณ์ ด้านการรักษาความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างดี มีส่วนร่วมในการเจรจารักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวเขตชายแดนภาคอีสาน กับประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนในภาคอีสานตอดเวลาการรับราชการในกองทัพภาคที่ 2 จึงเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ที่เหมาะสมในการจะเข้าไปทำหน้าที่ในสภาปฏิรูป เพื่อนำเสนอแนวทางในการปฏิรูป และแก้ไขปัญหาต่างๆของสังคมไทย เพื่อให้ประเทศชาติกลับมาสู่ความสงบเรียบร้อย และก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจต่อไป
**หลวงปู่ฯเตรียมส่งตัวแทนเข้าสรรหา
จากนั้น เวลา 11.45 น. หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีแจ้งวัฒนะ ที่มีกำหนดการเทศนาธรรมให้กับลูกศิษย์ที่อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ได้เข้ามาสอบถาม และขอเอกสารเกี่ยวกับการรับสมัครสปช. ที่สำนักงานกกต. ที่อยู่ในอาคารเดียวกัน โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้พูดคุยสอบถามนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง ถึงคุณสมบัติผู้เข้ารับการสรรหา รวมถึงวัดและมูลนิธิ ถือว่าเป็นองค์กรนิติบุคคลที่จะเสนอชื่อบุคคล ที่เข้ารับการสรรหาหรือไม่ ซึ่งนายบุณยเกียรติ ยืนยันว่า หากจดทะเบียนเป็นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก็สามารถเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาได้ องค์กรละ 2 คน
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่าไม่ได้จะเข้าสรรหาเอง แต่จะนำเอกสารทั้ง 5 ชุด ไปให้ญาติโยมที่มีภูมิความรู้อย่างถ่องแท้ 11 คน ซึ่งจะเข้าสรรหา โดยสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม เพื่อที่จะให้ วัด และมูลนิธิ เสนอชื่อ เพราะเห็นว่ามีจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศชาติ แต่เท่าที่ดูแล้วคิดว่าน่าจะเสนอชื่อในด้านที่เกี่ยวกับศีลธรรม และพลังงาน เพราะเป็นแนวทางที่เคยต่อสู้มา แต่ติดใจตรงที่คณะกรรมการสรรหา ด้านพลังงาน มีแต่อดีตกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน ซึ่งเป็นคู่กรณีกันมาก่อน ดังนั้นถ้าเราส่งคู่กรณีที่เป็นปฏิปักษ์กับ ปตท. จะโดนเขี่ยทิ้งหรือไม่
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ถามทิ้งท้ายว่า "มีเด็กฝากบ้างหรือไม่" นายบุณยเกียรติ ได้เพียงแค่หัวเราะ พร้อมกับส่ายหน้าเท่านั้น
**เสนอชื่อว่าที่สปช.4วัน แค่265 คน
ต่อมาเวลา 17.20 น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปยอดการรับเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. วันที่ 4 ว่า ตลอดทั้งวัน มีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหากำไร ยื่นเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.จำนวน 7 ด้าน 16 คน โดยเป็นการยื่นที่สำนักงานกกต.กลาง 6 คน และส่งเอกสารทางไปรษณีย์จำนวน 10 คน แบ่งเป็นด้านบริหารราชการแผ่นดิน 1 คน การปกครองส่วนท้องถิ่น 5 คน การศึกษา 4 คน พลังงาน 1 คน สื่อสารมวลชน 1 คน สังคม 2 คน และด้านอื่น ๆ 2 คน ส่วนที่เข้าเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดมี 21 คน รวมวันที่ 17ส.ค. ทั่วประเทศมีผู้เสนอชื่อ 37 คน สรุป 4 วันของการเปิดรับการเสนอชื่อ มีองค์กรนิติบุคคลที่เสนอชื่อเข้ามาจำนวน 94 คน สมัครทางจังหวัด 171 คน รวมทั้งสิ้น 265 คน ขณะนี้ยังไม่พบปัญหาและอุปสรรคใดๆ และขอให้องค์กรนิติบุคคลเร่งเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ามาโดยเร็ว เพราะขณะนี้เหลือระยะเวลาอีกเพียง 17 วัน นับจากนี้ คาดว่า ในสัปดาห์นี้ จะมีองค์กรนิติบุคคลทยอยเข้าเสนอรายชื่อเป็นจำนวนมาก
ส่วนกระแสข่าวว่า ในบางจังหวัดกระบวนการสรรหาเริ่มมีความเป็นไม่ธรรม เนื่องจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าเป็น สปช.ไว้แล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ก็จะมีการสอบถามข้อเท็จจริงไปยังคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาตาม พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. หากกระทำสิ่งใดที่ผิดไปจาก พ.ร.ฎ.ที่กำหนดไว้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
**"บิ๊กป้อม"นัดถกคณะที่ปรึกษา19ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 คณะนั้น แม้ คสช. จะมีคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 13 ส.ค. แต่จนบัดนี้แต่ละคณะ ยังไม่ได้มีการนัดประชุมกันอย่างเป็นทางการเพื่อเลือกประธานคณะกรรมการแต่ละชุด เบื้องต้นมีรายงานว่าในวันที่ 19 ส.ค. นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช.ได้นัดประชุมคณะที่ปรึกษา คสช.ทั้ง 10 คน รวมถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเบอร์หนึ่งในคณะกรรมการสรรหา สปช. ทั้ง 11 คณะ และถูกคาดหมายว่าจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาของแต่ละคณะ ที่สโมสรกองทัพบก เวลาประมาณ 09.00 น. เพื่อมอบนโยบายและให้ทิศทางในการสรรหาสปช.แต่ละคณะ ซึ่งก็ได้มีการแจ้งมายังสำนักงาน กกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาให้เข้าชี้แจงความคืบหน้าของการเปิดรับการเสนอชื่อ และบรรยายสรุปถึงแผนการทำงานที่วางไว้ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน ซึ่ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขา กกต. และนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ก็จะเข้าชี้แจงด้วยตนเอง
จากนั้น หลังปิดรับการเสนอชื่อบุคคลเป็นสปช. ในวันที่ 2 ก.ย. แล้ว คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 คณะ จะมีการนัดประชุมพร้อมกันอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. ซึ่งจะมีการกำหนดวันเวลา สถานที่ที่ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อคัดเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแต่ละคณะ และแต่ละคณะจะได้มีคำสั่งแต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการสรรหาอย่างถูกต้อง ก่อนจะเริ่มดำเนินการกระบวนการสรรหา
**เกณฑ์การสรรหาสปช. ยังไม่ชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นสปช. ของคณะกรรมการสรรหานั้น พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าให้ใช้วิธีการอย่างใด แต่เพียงระบุว่า ให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละคณะ คัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช. ด้านละไม่เกิน 50 คน ก่อนส่งให้คสช. พิจารณาคัดเลือกต่อไป ดังนั้น กกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯ จึงได้เตรียมที่จะเสนอวิธีการสรรหาให้คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณา โดยจะเป็นวิธีเดียวกับที่ กกต.ใช้ในการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (กกต.จว.) คือ เมื่อสำนักงานกกต.ได้ส่งรายชื่อพร้อมผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อในแต่ละด้าน ให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 คณะแล้ว จากยอดบัญชีผู้เข้ารับการเสนอชื่อแต่ละด้านที่ส่งไป ก็จะเสนอให้กรรมการแต่ละคนไปพิจารณาคัดเลือก หรือให้เป็นคะแนนกับบุคคลที่ตนเองเห็นว่าเหมาะสมเป็น สปช. มาคนละ 50 ชื่อ แล้วเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาแต่ละคณะ ก็ให้กรรมการทั้ง 7 คน เปิดรายชื่อ หรือคะแนนของผู้เหมาะสมเป็น สปช. ที่กรรมการแต่ละคนเลือก เพื่อดูว่าผู้เหมาะสมแต่ละรายได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนเท่าใด ซึ่งอาจใช้การเรียงลำดับคะแนนก็ได้ แต่ทั้งนี้ 50 ชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเลือก ควรจะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือเป็นมติเสียงข้างมากจากคณะกรรมการสรรหา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหา ว่าจะเห็นด้วยกับวิธีการนี้หรือไม่ หรือเห็นว่ามีวิธีการอื่นที่เหมาะสมกว่า ก็สามารถดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า หากคณะกรรมการสรรหาเห็นด้วยกับวิธีการสรรหาที่ฝ่ายเลขานุการเสนอการประชุมคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช. ชองคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุดก็น่าจะประชุมรวมแล้วไม่เกิน 3 ครั้ง ก็น่าจะได้ผู้เหมาะสมเป็นสปช. ด้านละไม่เกิน 50 คนซึ่งก็จะส่งให้คสช.ทันต่อกำหนดเวลาคือ วันที่ 23 ก.ย.
**อัด"วิษณุ"ออกกติกาเลือกสปช.เพี้ยน
นางรัชดาภร แก้วสนิท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรับสมัคร สปช.ว่า เดือนที่แล้ว ตนและสมาชิกสตรีในนาม “ขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปประเทศ”มีการรณรงค์สมาชิกกว่า 60 องค์กรทั่วประเทศ ให้ส่งสตรีในพื้นที่ต่างๆ ร่วมคัดสรรในแต่ละจังหวัด เพื่อเข้าสู่การคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา สปช. อีกทอดหนึ่ง โดยตั้งเป้าให้ได้สัดส่วนสตรีเข้าไปทำหน้าที่ 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก แต่ขณะนี้คงหมดหวัง เพราะการคัดเลือกในระดับท้องถิ่น ค่อนข้างใช้วิธีการทาบทามมากกว่าการคัดสรรอย่างเป็นธรรม หนำซ้ำพอเข้ามาในกทม.ได้แล้ว ก็ต้องให้คสช.เป็นผู้ตัดสินใจเลือกอีก พูดง่ายๆ คือมองไม่เห็นกระบวนการคัดสรรที่เป็นรูปธรรมว่า ทุกคนก็มีโอกาสได้รับเลือก
"วิธีที่กำลังทำ จะกลายเป็นประชาชนไม่มีที่ยืน และตัวแทนในการแสดงความเห็น เรื่องนี้มองว่า คสช.เพี้ยน ก็เพราะมี นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคสช.เป็นคนทำให้เพี้ยน โดยธรรมชาติ นายวิษณุ เป็นคนไม่เคารพและเห็นหัวประชาชนตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงทำกติกามาแบบนี้ อีกทั้งในช่วงเวลา 14 ต.ค.16 เขานี่ล่ะ เป็นคนออกมาจัดรายการสนทนาปัญหาบ้านเมือง ด่านักศึกษา ด่าประชาชนตลอดเวลา จึงไม่สงสัยว่า เหตุใดจึงมีวิธีการคัดเลือกเช่นนี้ออกมา ซึ่งวันนี้ไม่ได้ออกมาพูดในนามประชาธิปัตย์ หรือในนามนักการเมือง แต่มาในนามประชาชนคนหนึ่ง อีกทั้งส่วนตัวไม่เห็นด้วย ที่นักการ เมืองจะเข้าไปมีบาทบาทใน สปช. เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง" นางรัชดาภรณ์กล่าว.
**ชพน.ส่ง"บิ๊กเยิ้ม" ชิงสปช.ตามคาด
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ตามที่พรรคชาติพัฒนา ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการปฏิรูปประเทศ และพร้อมที่จะนำเสนอข้อเสนอ และแนวคิดในการปฎิรูปประเทศนั้น นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ได้เสนอชื่อ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เป็นตัวแทนของ พรรคชาติพัฒนา เพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. ทั้งนี้ พล.อ.ธวัชชัย อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ และเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เป็นนายทหารผู้มีความจงรักภักดี ปฏิบัติหน้าที่ตลอดอายุราชการ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานในหน้าที่อยู่พื้นที่ภาคอีสานมาโดยตลอด มีประสบการณ์ ด้านการรักษาความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างดี มีส่วนร่วมในการเจรจารักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวเขตชายแดนภาคอีสาน กับประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนในภาคอีสานตอดเวลาการรับราชการในกองทัพภาคที่ 2 จึงเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ที่เหมาะสมในการจะเข้าไปทำหน้าที่ในสภาปฏิรูป เพื่อนำเสนอแนวทางในการปฏิรูป และแก้ไขปัญหาต่างๆของสังคมไทย เพื่อให้ประเทศชาติกลับมาสู่ความสงบเรียบร้อย และก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจต่อไป