อดีตแม่ทัพภาค 2 มาสภายื่นใบลาออก สนช.หลังพบคุณสมบัติไม่ครบ บอกไม่เสียดาย ดูก่อนนั่ง สปช.หรือไม่ พร้อมหนุน “ประยุทธ์” นายกฯ ด้าน “สมชาย” เชื่อหากสมาชิกเสนอชื่อ “พรเพชร” ประธาน “สุรชัย” อาจหลีกทาง บอกทหารพรึ่บไม่กระทบงานแน่ ขณะที่ สนช.ทยอยเข้ารายงานตัวเพิ่ม ประธานหอการค้าไทยชูเอกชนหนุน หน.คสช.
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอลาออกจากการดำรงตำแหน่ง สนช. โดยกล่าวว่าตนมายื่นหนังสือเพื่อแสดงเจตจำนงเพื่อลาออกจาก สนช.เนื่องจากขาดคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ซึ่งฐานะทหารก็ต้องมีวินัย มีกฎหมายก็ต้องทำตามกฎหมาย ส่วนจะเข้ามาเป็นสปช.หรือไม่ขอดูอีกครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีใครทาบทาม อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เป็น สนช. เพราะที่ผ่านมาตนก็ทำงานให้กับบ้านเมืองมามากแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมืองก็ยินดีจะทำ แต่สิ่งขัดใดที่ขัดกฎหมายก็จะไม่ทำ อยากให้ทุกคนให้กำลังใจ คสช.ที่พยายามเข้ามาแก้ปัญหาให้บ้านเมืองดีขึ้น
พล.อ.ธวัชชัยกล่าวว่า โดยส่วนตัวตนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นนายกฯ ในฐานะที่เป็นเคยทำงานร่วมกันและเป็นเพื่อนกัน พล.อ.ประยุทธ์ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชามาโดยตลอด
ด้านนายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา กล่าวภายหลังการเข้ารายงานตัวกับ สนช.ว่า เชื่อว่าภารกิจแรกของการประชุม สนช.หลังจากที่มีการคัดเลือกประธานและรองประธาน สนช.แล้ว วาระกฎหมายแรกที่จะต้องเร่งพิจารณาคือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ส่วนจะมีกระบวนการถอดถอนบุคคลด้วยหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ประธานในที่ประชุมจะเป็นผู้บรรจุวาระ
นายสมชายกล่าวว่า ในส่วนรายชื่อแคนดิเดตประธาน สนช. หากมีการเสนอชื่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย สนช. เชื่อว่านายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สนช.พร้อมจะหลีกทางให้ ขณะเดียวกันจะทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ ไม่แข่งขันกันเอง ยืนยันว่าอดีตสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มีการล็อบบี้เสียงเลือกนายสุรชัยเป็นประธาน สนช.แต่อย่างใด ส่วนความกังวลที่สัดส่วนของสมาชิก สนช.ส่วนใหญ่เป็นสายทหารอาจจะเกิดความไม่คล่องตัวในกระบวนการทำงานนิติบัญญัตินั้น เห็นว่า สนช.มาจากหลายภาคส่วนตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวอยู่แล้วซึ่งมีทั้งอดีตสมาชิก สนช. ฝ่ายตุลาการ คณะกรรมการกฤษฎีกา และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งจะไม่กระทบต่อการดำเนินงาน อีกทั้งโมเดลการทำงานก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจนคือ เพื่อการปฏิรูปและแก้วิกฤตความขัดแย้ง
อดีต ส.ว.สรรหากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การที่สมาชิก สนช.ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็มองว่ามีความเหมาะสม เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมาได้เห็นถึงผลงานการแก้ปัญหาบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีความรับผิดชอบ และที่สำคัญยังเป็นผู้ที่มีความพร้อมมากที่สุด
ขณะที่การรายงานตัวของ สนช.วันที่ 4 ปรากฏว่านายอาคม เติมพิทยาไพรสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นคนแรกและเป็นคนที่ 141 จากนั้น สนช.ได้ทยอยเดินทางมารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย, นายสมชาย, พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้, พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์, พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ, พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์
จากนั้นนายอิสระให้สัมภาษณ์ถึงการแนวทางในการทำงานในฐานะตัวแทนภาคเอกชนว่า วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. จะมีการหารือถึงความร่วมมือเพื่อให้ได้ข้อมูลจากทุกภาคส่วนว่าอะไรจะนำมาเสนอต่อ สนช. เพื่อที่จะสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ขณะที่ในส่วนของประธาน สนช.คงจะมีการพูดคุยใน กกร.เช่นเดียวกัน เพื่อรับฟังความเห็น โดยเป็นการมองในภาพรวม ส่วนกระแสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นนายกฯ ภาคเอกชนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์มีความตั้งใจดี 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหา ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยเราก็เห็นด้วย ตนคิดว่าน่าจะเหมาะสม