ว่าที่สมาชิก สนช.ทยอยรายงานตัววันที่ 3 ที่ปรึกษา หน.คสช.ปลื้มได้รับเลือกเป็นเกียรติตัวเต็งนั่ง ปธ. ไม่ออกความเห็น สนช.จ่อถูกยื่นตีความสถานะ เหตุไม่หลากหลายในอาชีพ ยันไม่ขัดกฎหมาย แย้มมีนายกฯ ในใจแล้ว มองสมาชิก สนช.อายุมากอาจเป็นครั้งสุดท้ายทำเพื่อชาติ เชื่อแก้ปัญหาระยะยาวได้ “กล้านรงค์” เชื่อ รบ.ชั่วคราวไม่กล้าทำไม่ดี ยังไม่ชัดเรื่องถอดถอน ด้าน “ธีรเดช” ปัดล็อบบี้นั่ง ปธ. รับ “บิ๊กตู่” เหมาะนั่งนายกฯ
วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเข้ารายงานของสมาชิกสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นวันที่ 3 คึกคักตั้งแต่ก่อนเวลา 08.30 น. โดยนายชัชวาล อภิบาลศรี อดีต ส.ว.เดินทางมารายงานตัวเป็นคนแรก ตามมาด้วย พล.ร.อ. ยุทธนา ฝักผลงาม อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้ยังมีสมาชิก สนช.จากภาคธุรกิจ ภาควิชาการ และ กองทัพ เช่น นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ประเทศไทย จำกัด, นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ประธานสภาคณาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้อำนวยการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์, พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), นายรัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม, นายกล้านรงค์ จันทิก อดีตกรรมการ ป.ป.ช., พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธาน ส.ว., นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดิน และที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นต้น
โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้ตรวจการแผ่นดิน และที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ารายงานตัวสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายพรเพชรกล่าวว่ารู้สึกปลื้มใจและเป็นเกียรติที่ได้เข้ามาทำหน้าที่ สนช. ถือเป็นงานที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติที่จะดำเนินงานตามโรดแมปในระยะที่ 2 ตามระยะเวลาของ คสช. ส่วนกรณีที่มีชื่อตนเป็นประธาน สนช.นั้นรู้สึกเป็นเกียรติ แต่จะได้เป็นประธาน สนช.หรือไม่ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน และขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม สนช. ส่วนการทำหน้าที่ สนช.ไปพร้อมกับหน้าที่ของที่ปรึกษาหัวหน้า คสช.จะมีความทับซ้อนกันหรือไม่นั้น นายพรเพชรกล่าวว่า การมาดำรงตำแหน่ง สนช.มีข้อยกเว้นตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 41 ที่ให้บุคลากร องค์กรภาคอื่นๆ มาทำหน้าที่ได้ ตนยืนยันว่าจะไม่ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ส่วนการที่นายอาศิศ พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ขอถอนตัวจากการเป็น สนช. ตามจริงแล้วไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 41 เพียงแต่นายอาศิศไม่สะดวกใจจึงขอถอนตัว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลหรือไม่ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จะมีการยื่นให้ตีความสถานะของ สนช.ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 7 ที่ระบุว่าต้องมีความหลากหลายของสาขาอาชีพ นายพรเพชรกล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน ไม่ขอก้าวล่วง มองว่าขณะนี้คุณสมบัติของ สนช.ยังไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย มีเพียง 1 คน คือ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ที่อาจขาดคุณสมบัติการเป็นสนช.
ทั้งนี้ นายพรเพชรเปิดเผยว่า ตนมีนายกรัฐมนตรีอยู่ในใจแล้ว แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นใครด้านนายกล้านรงค์ จันทิก อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะสมาชิก สนช.กล่าวภายหลังการรายงานตัว สนช. ว่าเมื่อปี 2549 ตนได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ว.กทม.ซึ่งขณะนั้นตั้งใจมาทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว แต่มีเหตุการณ์ 19 ก.ย. 49 เกิดขึ้นเสียก่อน
นายพรเพชรยังกล่าวต่อว่า การรับตำแหน่งสมาชิก สนช.ในครั้งนี้ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร และไม่ได้ดูว่าฝ่ายไหนจะเข้ามามากน้อยเพียงใด แต่คิดว่าตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง จึงจะต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด อีกทั้งตนดูอายุของสมาชิก สนช.แต่ละคนแล้วส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ อาจเป็นครั้งสุดท้ายของหลายคนที่จะมีโอกาสทำงานรับใช้ชาติบ้านเมือง คงต้องทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ต้องยอมรับว่าประเทศมีปัญหามาก ถ้าเป็นคนก็มีโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ฉะนั้นต้องรักษาด้วยยาแรง ตนเชื่อว่าการทำงานในครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ สำหรับ สนช.จะทำหน้าที่เพียงชั่วคราวจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. และมีรัฐบาลในเวลาไม่นานนัก เวลาสั้นๆ ที่มีคงจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ความรู้สึกของประชาชนตื่นตัวแล้ว โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชัน บ้านเมืองจะต้องไปในวิถีทางที่โปร่งใส รัฐบาลที่จะเข้ามาหลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรจะทุจริตลำบาก
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ก็ได้เดินทางมารายงานตัวเช่นกัน โดยกล่าวว่าสำหรับช่องทางการตรวจสอบรัฐบาลชั่วคราวนั้น สนช.สามารถตั้งกระทู้ถามและอภิปรายได้ แม้จะไม่สามารถลงมติได้ แต่ระยะนี้เป็นระยะของความโปร่งใส การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิก สนช.ทุกคนจะต้องดูแลกัน ส่วนรัฐบาลชั่วคราวคงไม่กล้าทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีใครคิดจะขายชาติ ขายแผ่นดิน ขายตระกูลของตัวเองในวาระสุดท้ายของชีวิตส่วนเรื่อง สนช.จะทำการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้หรือไม่นั้นคงจะต้องมีการปรึกษากันในที่ประชุม สนช.เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ได้เขียนเอาไว้
ขณะที่ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวภายหลังเข้ารานงานตัวเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมยืนยันว่าการนัดรับประทานอาหารกลางวันกับอดีตสมาชิกวุฒิสภาในช่วงเที่ยงพรุ่งนี้ ไม่มีนัยหรือเป็นการล็อบบี้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่เป็นเพียงการนัดพบปะพูดคุยตามปกติ แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่มีกระแสข่าวสนับสนุนให้เป็นประธาน สนช. แต่ถ้าหากมีการหากเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งก็พร้อมทำงานเช่นเดียวกับ สนช.ทุกคนที่เข้ามา และพร้อมผลักดันนโยบายตามโรดแมปของ คสช.
อย่างไรก็ตาม การทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นไปตามโรดแมปที่มีความสมบูรณ์ คือ การทำให้บ้านเมืองมีความปรองดองและสงบเรียบร้อย ส่วนกระแสข่าวสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ตนเองมองว่าทั้งผลสำรวจของประชาชนและคนในสังคมเห็นว่ามีความเหมาะสม