xs
xsm
sm
md
lg

“สนช.”ตั้งแล้วก็แล้วไป ขอ“ครม.”ดีๆจะได้ไหม ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**หลังจากลุ้นกันมานาน ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าค่าตากันแล้วสำหรับ 200 อรหันต์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยุค “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ทำคลอด
ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่คาดหมายว่า บรรดาท็อปบูตร้อยแขนเข้ามากันเป็นกระบุง เช็กกันตามรายชื่อแล้ว สัดส่วนทหารมากันร้อยห้าคน ทั้งที่ยังรับราชการกันอยู่ และทั้งที่เกษียณอายุราชการไปนานแล้ว
**จนถูกแซวกันขำๆ ว่า ตกลงจะให้มาประชุม สนช. หรือประชุมสภากลาโหม กันแน่
ล้วง แคะ แกะ เกา เช็กประวัติแต่ละคน รอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า พี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ ประธานที่ปรึกษา คสช. ยังมีอิทธิพลและบารมีไม่น้อยเ พราะน้องรัก กลุ่มก๊วน เพื่อนเก่า พาเหรดกันมาแบบครบครัน เลือกเอาที่ชื่อดังๆ ก็มีในส่วนของน้องชายหัวแก้วหัวแหวนก่อน 2 คนคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตส.ว.สรรหา
ขณะเดียวกันยังมี พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ อดีต ส.ว.สรรหา นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม”หรือในราย “บิ๊กกี๋”พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษาคสช. ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการ รมว.กลาโหม สมัย “บิ๊กป้อม”นั่งแท่นสนามไชย 1 ในยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “บิ๊กหมู”พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1
นอกเหนือจากทหารแล้วยังมีแก๊ง“เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น” อย่าง กล้านรงค์ จันทิก อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เข้ามาด้วย
**เรียกว่ามากันแบบไม่ขาดตกบกพร่อง !!
ขณะที่สายกฎหมายใกล้ชิดฟากฝั่ง คสช. ก็มากันไม่น้อยหน้า โดยเฉพาะกลุ่มก๊วนของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตปรธาน สนช. ปี 49 และนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. ที่แม้ปรมาจารย์ทั้งสองคน จะไม่ได้มา แต่ก็ส่งรายชื่อซุปเปอร์คอนเนกชั่นเข้ามาประกวดเพียบ แทบล้น อาทิ คุณพรทิพย์ จาละ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายดิสทัต โหตระกิตย์ รักษาการ เลขาธิการคณะกฤษฎีกา นางสุวิมล ภูมิสิงหราช อดีตเลขาธิการวุฒิสภา สมัยนายมีชัย เป็นประธานวุฒิสภา เป็นต้น
เห็นรายชื่อออกมาถึงกับทำคนที่นั่งจ้องโทรทัศน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนนินทากันสนุกปาก เพราะสุดท้ายก็มีแต่พวกพ้องกลุ่มซี้ฝ่ายอำนาจในปัจจุบันทั้งสิ้น บางคนก็หน้าเดิม มาแล้วมาอีกจนเหม็นขี้หน้า ยิ่งดูปริมาณทหารที่เข้ามาแล้ว อยากจะตั้งฉายาให้เป็นสภาสีเขียวให้รู้แล้วรู้รอด
**ส่วนตำแหน่งประธาน สนช. พอหงายโผออกมาดู ก็ถึงบางอ้อกันแล้วดูท่าจะไม่พ้น “พรเพชร วิชิตชลชัย”ผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าคสช. คอนเนกชั่นวปอ. ของ "บิ๊กตู่" คนรู้จักกันดี จากผลงานการเขียนรัฐธรรมนูญที่ทำสะอึกสะอื้นไปทั่ว “พรเพชร”แทบจะเข้าเส้นชัยแบบนอนมา ส่วนคนอื่นๆ อย่าง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรักษาการประธานวุฒิสภา แม้จะเชี่ยวชาญงานนิติบัญญัติ แต่ก็ไม่น่าจะเบียดแซงไปนั่งบนบังลังก์ ได้
เพราะสเปกประธาน สนช. ครั้งนี้ เน้นคนไว้ใจ และเข้าใจกฎหมาย ซึ่งเทน้ำหนักไปที่นายพรเพชร มือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกันมากกว่า กระนั้นก็ตาม “พรเพชร”ที่วันนี้มีหลายตำแหน่งเหลือเกิน ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ปรึกษาหัวหน้า คสช. หากจะมาเป็นประธานสนช.ควรสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับการเมือง และสังคมไทย ด้วยการลาออกจากตำแหน่งเดิม ถ้าถ่างขาควบคนนินทาขรมไปทั้งเมืองแน่ แค่เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าคสช. ก็โดนนินทากาเลแล้ว หากยึดหลายเก้าอี้ รับรองโดนสวดยับแน่
จับจุด จับความคิด คสช. เรื่องการจัดโผ สนช.ครั้งนี้ แม้จะออกมาหน้าตาแบบสุดกึ๋น แต่สะท้อนอะไรบางอย่างได้อย่างเห็นชัด ว่ารัฐประหารหนนี้ “บิ๊กตู่” ระแวงงานจะล้มเหลวอย่างมาก และพยายามเอาบทเรียนเรื่องความผิดพลาดของ “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มาเป็นแบบครูใหญ่
โดยรอบนี้เลือกเฉพาะคนที่ไว้วางใจได้มาล้วนๆ ไม่เอาแต่คนหน้าตาดี แต่คุมไม่ได้เข้ามา ด้วยเพราะหัวหน้า คสช. ตระหนักแล้วว่าต่อให้ตั้งใครเข้ามา ถ้าคนจะด่า อย่างไรเสียมันก็ด่าจนวันยังค่ำ
การเลือกเฉพาะกลุ่มก๊วนพวกพ้อง ที่รู้หน้า รู้ใจ หวังพึ่งได้ให้สำเร็จบรรลุผลตามที่ตั้งธงเสียบธงกันเอาไว้อย่างไร ก็ชัวร์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์กว่า ฉะนั้น ใครจะด่าก็ช่างมัน ฉันไม่แคร์ สักพักเดี๋ยวก็ลืมๆ กันไปเองตามประสาไทยแท้ ถ้าคิดแบบนี้ก็แย่
ถ้าขาดการยอมรับตั้งแต่ต้น หนทางต่อไปคงไม่ราบรื่นทหารพรึ่บพรั่บ ขนาดทนาย วันชัย สอนสิริ อดีต ส.ว. ยังออกมาติติง และกังวลว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 นอกจากนี้ ยังเกิดความผิดพลาดอย่างร้ายแรงด้วยการตั้ง “พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร”มาเป็น สนช. ผิดกติกาของตัวเองที่เขียนมากับมือ น่าอายยิ่งนัก
** คสช.ควรต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ ออกมาขอโทษ ไม่ใช่ผิดแล้ว ก็แล้วกัน
การตั้ง สนช. ที่พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่า สถานการณ์ไม่ปกติ ก็ฟังไม่ขึ้น เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ก็ควรจะหาคนดูดี คนเก่ง มืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญในงานต่างๆ มาทำงานดีกว่าที่จะเอาพวกกันเองมานั่งเป็นฝักถั่ว
**แต่วันนี้ก็ต้องถือว่า ตั้งแล้วก็แล้วกัน เพียงแต่อยากฝากไปถึงการแต่งตั้ง ครม. และ สปช. ว่าให้ทำให้ดีกว่านี้ เลือกเฟ้นคนให้เหมาะสมหน่อย ที่เห็นรายชื่อแคนดิเดต ครม.บางคน และก็มีชื่ออยู่ตลอดเวลา เขาลือกันให้แซด โกงไฟแนนซ์ใหญ่จนเจ๊งคามือไปแล้ว แต่ตัวเองรวย เละขอทีเถอะ คนแบบนี้อย่าเอาเข้ามาเลย
กระนั้นก็ดี สำหรับยุคนี้ ในเมื่อตัดสินใจคุมเอง โดยส่งคนไว้ใจมาประกบในทุกๆ งาน ก็ต้องไม่ลืมว่า แม้จะหน้าตาไม่ดี แต่งานต้องออกมาดี เพื่อทดแทนกันไป โดยเฉพาะงาน สนช. ครั้งนี้มีความสำคัญไม่น้อย เพราะต้องหลังขด-หลังแข็ง พิจารณาตรากฎหมายติดดาบต่างๆ ที่ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมอุตส่าห์ไปเจียระไน เลือกเฟ้นกันมาให้เป็นกฎเหล็กในอนาคตข้างหน้าไม่นานต่อจากนี้ แถมยังต้องมีหน้าที่ประทับตรากฎหมายต่างๆ ที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 250 คน ที่ไปนั่งถกนั่งเถียงกันมาเพื่อผ่าคลอดออกเป็นกฎหมายในขั้นตอนสุดท้าย เรียกว่า เป็นด่านอรหันต์สำคัญของกระบวนการตรากฎหมายทุกฉบับเลยก็ว่าได้
**ที่สำคัญยังมีเรื่องถอดถอนบรรดานักการเมืองขี้ฉ้อด้วย !!
อีกประการหนึ่ง ที่สำคัญคือ สนช. ยุคนี้ยังทำหน้าที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทยรวมไปจนถึงการทำหน้าที่ถอดถอน นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย หากหัวหน้าคสช. เสนอญัตติเข้ามา ฉะนั้น สนช. ปี 57 จึงเป็นองคาพยพที่สำคัญเอามากๆ ทีเดียว
ไหนๆ ก็ไหนๆ ในเมื่อทุกคนต่างมองว่า สนช. ยุคปี 57 เป็นแค่สภาตรายางของคสช. ที่มีธงอยู่แล้ว และรอรับสัญญาณการดำเนินการต่างๆ จากคสช. เพราะกำเนิดและคลอดมาจากคสช. แถมหลายคนยังเป็นคนสนิทของบรรดาระดับบิ๊กในกลุ่มคนคุมบังเหียนประเทศ ก็ต้องพิสูจน์เพื่อลบคำปรามาสของคนอื่นๆ ให้ได้ ด้วยผลงานซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง
อย่าคิดว่าได้เก้าอี้มาแล้ว จะแค่นั่งยกมือ ผ่านกฎหมายไปวันๆ แต่ต้องโชว์วิสัยทัศน์ กล้าเสนอ กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าขัดใจ เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
**ไม่ใช่ “ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน”เพราะอย่างนั้น จะพากันพังทั้งหัวทั้งหาง เสียของแบบเปล่าประโยชน์
กำลังโหลดความคิดเห็น