00 พิจารณาจากบรรยากาศและกระแสสังคมรอบตัวแล้วคงไม่มีปัญหา ทำให้ สนช.ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เพราะแม้ว่าจะไม่มีกม.บังคับเอาไว้ชัดเจน หรือเปิดช่องเอาไว้ในสถานการณ์พิเศษ แต่ด้วยธรรมเนียมปฏิบัติ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความสำนึกรับผิดชอบในทางสาธารณะ สปิริต จริยธรรมต้องสูงกว่ากม. หากไม่ยื่นทำตีมึนอ้างกม.ไม่บังคับก็ได้ แต่ความเสื่อมจะเกิดขึ้น และหากเริ่มต้นด้วยความเสื่อมศรัทธา งานข้างหน้าก็สำเร็จตามเป้าหมายยาก
00 นอกจาก สนช.แล้ว นับจากนี้ไป สปช. หรือแม้แต่ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงคณะรัฐมนตรี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาอ้างว่า ไม่สมควรยื่น ก็อยากได้ยินเหมือนกันว่า "จะกล้า" แบบนั้นหรือเปล่า อย่าลืมว่าเป้าหมายของเรากำลังก้าวสู่การปฏิรูปทุกภาคส่วน ที่ชาวบ้านสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เพราะเขาประกาศว่า จะทำอย่างเต็มที่ "ขอเวลาอีกไม่นาน" นั่นก็แสดงว่า ผู้ที่อาสามาทำ ต้องมีความ"โปร่งใส" เชื่อถือได้ และที่สำคัญต้องสร้างความศรัทธาจากมหาชนให้ได้เต็มร้อยก่อน
00 แน่นอนว่าเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชาวบ้านอาจไว้ใจได้ แต่คนรอบข้างล่ะ จะไว้ใจได้ทั้งหมดหรือเปล่า ที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือการมีสำนึกสาธารณะ ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนอื่น ไม่จำเป็นต้องให้ "สะกิดเตือน" ด้วยซ้ำไป หากเราต้องการก้าวเดินไปสู่เป้าหมายสร้างความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง ก็ต้องเริ่มจากแบบนี้ก่อน และเชื่อเถอะ หากยังทำมึน หรือเมินเฉย ก็จะกลายเป็นเงื่อนไข เป็นขี้ปากของฝ่ายตรงข้ามที่ซุ่มซ่อนอยู่มาค่อนแคะ โจมตี เท่าที่เห็นก็เริ่มมีเครือข่ายระบอบทักษิณ ออกมาเหน็บแนมบ้างแล้ว แล้วมันก็คล้อยตามไม่ยากเสียด้วยซี และการที่ พอ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. ออกมาแถลงว่า ยังไม่มีการแจ้งเรื่องมาให้คสช.ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ทางที่ถูกน่าจะพูดใหม่ว่า คสช.พร้อมสำหรับการแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้ว เพียงแต่รอหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น มันน่าจะเป็นแบบนี้สวยกว่า ว่ามั๊ย !!
00 เริ่มมีการเคลื่อนไหวสำหรับการเสนอ ร่าง แก้ไขกม.เกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง จากการเปิดเผยของ สนช. สมชาย แสวงการ ที่แย้มว่า มีวงหารือกันในกลุ่มตุลาการว่าจะเสนอ ร่าง กม.ปรับปรุงแก้ไขกระบวนการพิจารณาคดีของนักการเมือง เพิ่มศาลอุทธรณ์ ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อกันข้อครหาว่ารวบรัดชี้เป็นชี้ตายเพียงชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯแค่นั้น ก็จะเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์ หรืออาจถึงศาลฎีกา หากมีการรับรองให้ฎีกาได้ แต่ต้องมีการกำหนดกรอบระยะเวลาเอาไว้ให้ชัดเจนในเรื่องอายุความ และกระบวนการในการพิจารณาคดีไม่ให้ล่าช้า
00 อย่างไรก็ดี เรื่องจะให้มีการพิจารณาคดีเพิ่มเป็นสอง หรือสามศาล จนถึงศาลฎีกาคงไม่มีใครขัดข้อง แต่สิ่งที่สังคมอยากเห็นก็คือ อย่าใช้เวลานานเกินไป อย่างช้าที่สุด "ไม่ควรเกิน1 ปี" นานกว่านี้ถือว่าล่าช้า ทำให้การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไม่เห็นผล เพราะกว่าจะเอาผิดได้ ชาวบ้านก็ลืมไปแล้ว อีกทั้งไม่ได้เป็นตัวอย่างให้เห็น อย่าลืมว่า "ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม" นั่นเอง
00 น่าจับตาก็คือ เวลานี้มีบรรดาอดีต ส.ว. ทั้งที่ประเภทจากเลือกตั้ง และสรรหา กำลังเสนอตัวเข้ามาเป็น สปช. เพื่อร่วมวงปฏิรูป แน่นอนว่าคงไม่ผิดกติกา แต่ถามว่า สมควรหรือไม่ โดยเฉพาะพวกนักการเมืองทั้งหลายแหล่ เพราะสาเหตุปัญหา และเป้าหมายของการปฏิรูปก็คือ การคัดกรองและควบคุมนักการเมือง ไม่ให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ สร้างความเดือดร้อนรำคาญอีก คนพวกนี้สมควรอยู่วงนอก คอยติดตามข่าวว่าผลสรุปออกมาอย่างไร จากนั้นหากรับได้ ก็ค่อยกระโดดเข้าไป หากเห็นว่าควบคุมกันจนกระดิกไม่ได้ รู้สึกอึดอัด ก็ให้ไปหาอาชีพอื่นทำ และน่าสนใจก็คือ พรรคภูมิใจไทย เตรียมเสนอ ชัย ชิดชอบ เป็นตัวเแทนเข้าไปรับการสรรหาในสภาปฏิรูป มันก็หัวร่อไม่ออก ร่ำให้ไม่ได้ !!
00 นอกจาก สนช.แล้ว นับจากนี้ไป สปช. หรือแม้แต่ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงคณะรัฐมนตรี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาอ้างว่า ไม่สมควรยื่น ก็อยากได้ยินเหมือนกันว่า "จะกล้า" แบบนั้นหรือเปล่า อย่าลืมว่าเป้าหมายของเรากำลังก้าวสู่การปฏิรูปทุกภาคส่วน ที่ชาวบ้านสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เพราะเขาประกาศว่า จะทำอย่างเต็มที่ "ขอเวลาอีกไม่นาน" นั่นก็แสดงว่า ผู้ที่อาสามาทำ ต้องมีความ"โปร่งใส" เชื่อถือได้ และที่สำคัญต้องสร้างความศรัทธาจากมหาชนให้ได้เต็มร้อยก่อน
00 แน่นอนว่าเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชาวบ้านอาจไว้ใจได้ แต่คนรอบข้างล่ะ จะไว้ใจได้ทั้งหมดหรือเปล่า ที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือการมีสำนึกสาธารณะ ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนอื่น ไม่จำเป็นต้องให้ "สะกิดเตือน" ด้วยซ้ำไป หากเราต้องการก้าวเดินไปสู่เป้าหมายสร้างความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง ก็ต้องเริ่มจากแบบนี้ก่อน และเชื่อเถอะ หากยังทำมึน หรือเมินเฉย ก็จะกลายเป็นเงื่อนไข เป็นขี้ปากของฝ่ายตรงข้ามที่ซุ่มซ่อนอยู่มาค่อนแคะ โจมตี เท่าที่เห็นก็เริ่มมีเครือข่ายระบอบทักษิณ ออกมาเหน็บแนมบ้างแล้ว แล้วมันก็คล้อยตามไม่ยากเสียด้วยซี และการที่ พอ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. ออกมาแถลงว่า ยังไม่มีการแจ้งเรื่องมาให้คสช.ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ทางที่ถูกน่าจะพูดใหม่ว่า คสช.พร้อมสำหรับการแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้ว เพียงแต่รอหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น มันน่าจะเป็นแบบนี้สวยกว่า ว่ามั๊ย !!
00 เริ่มมีการเคลื่อนไหวสำหรับการเสนอ ร่าง แก้ไขกม.เกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง จากการเปิดเผยของ สนช. สมชาย แสวงการ ที่แย้มว่า มีวงหารือกันในกลุ่มตุลาการว่าจะเสนอ ร่าง กม.ปรับปรุงแก้ไขกระบวนการพิจารณาคดีของนักการเมือง เพิ่มศาลอุทธรณ์ ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อกันข้อครหาว่ารวบรัดชี้เป็นชี้ตายเพียงชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯแค่นั้น ก็จะเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์ หรืออาจถึงศาลฎีกา หากมีการรับรองให้ฎีกาได้ แต่ต้องมีการกำหนดกรอบระยะเวลาเอาไว้ให้ชัดเจนในเรื่องอายุความ และกระบวนการในการพิจารณาคดีไม่ให้ล่าช้า
00 อย่างไรก็ดี เรื่องจะให้มีการพิจารณาคดีเพิ่มเป็นสอง หรือสามศาล จนถึงศาลฎีกาคงไม่มีใครขัดข้อง แต่สิ่งที่สังคมอยากเห็นก็คือ อย่าใช้เวลานานเกินไป อย่างช้าที่สุด "ไม่ควรเกิน1 ปี" นานกว่านี้ถือว่าล่าช้า ทำให้การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไม่เห็นผล เพราะกว่าจะเอาผิดได้ ชาวบ้านก็ลืมไปแล้ว อีกทั้งไม่ได้เป็นตัวอย่างให้เห็น อย่าลืมว่า "ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม" นั่นเอง
00 น่าจับตาก็คือ เวลานี้มีบรรดาอดีต ส.ว. ทั้งที่ประเภทจากเลือกตั้ง และสรรหา กำลังเสนอตัวเข้ามาเป็น สปช. เพื่อร่วมวงปฏิรูป แน่นอนว่าคงไม่ผิดกติกา แต่ถามว่า สมควรหรือไม่ โดยเฉพาะพวกนักการเมืองทั้งหลายแหล่ เพราะสาเหตุปัญหา และเป้าหมายของการปฏิรูปก็คือ การคัดกรองและควบคุมนักการเมือง ไม่ให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ สร้างความเดือดร้อนรำคาญอีก คนพวกนี้สมควรอยู่วงนอก คอยติดตามข่าวว่าผลสรุปออกมาอย่างไร จากนั้นหากรับได้ ก็ค่อยกระโดดเข้าไป หากเห็นว่าควบคุมกันจนกระดิกไม่ได้ รู้สึกอึดอัด ก็ให้ไปหาอาชีพอื่นทำ และน่าสนใจก็คือ พรรคภูมิใจไทย เตรียมเสนอ ชัย ชิดชอบ เป็นตัวเแทนเข้าไปรับการสรรหาในสภาปฏิรูป มันก็หัวร่อไม่ออก ร่ำให้ไม่ได้ !!