ASTV ผู้จัดการรายวัน – บมจ.เอสพีวีไอ มั่นใจรักษาอัตราการเติบโตทั้งปีได้ไม่ต่ำกว่า 15% มั่นใจยอดขาย Q3 ทะลุเป้าจากการทำตลาดผู้ประกอบการ SME นิสิต นักศึกษา ประกอบกับมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดช่วงปลายปีอย่างต่อเนื่อง
นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI มั่นใจสามารถผลักดันยอดขายให้สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ไม่ต่ำกว่า 10-15% เทียบสัดส่วนที่เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 1,300 ล้านบาท แม้ว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว มีกำไรลดลง โดยในไตรมาสที่ 1/57 ลดลงประมาณ 3 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2/57 ลดลลประมาณ 1.67 ล้านบาท จากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าของประชาชนทั่วไป
"ลูกค้าที่ใช้แบรนด์สินค้าแอปเปิ้ลส่วนใหญ่จะรู้ว่า แอบเปิ้ลจะมีโปรโมชั่นสินค้าในช่วงของปลายไตรมาสที่ 2 นั่นจะหมายถึงว่า ในไตรมาสที่ 3 จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมา ลูกค้าจึงรอซื้อสินค้าใหม่ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าววอลุ่มหนาแน่” นายไตรสรณ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส พี วี ไอ กล่าวถึงกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงครึ่งปีที่เหลือ ว่า ไตรมาส 3-4 สินค้าแอปเปิ้ลจะนำออกตลาดจะเอื้อประโยชน์ในทำการตลาดของบริษัทฯ เป็นอย่างมากเพราะเป็นสินค้าที่สามารถประยุกต์ให้เข้ากับลักษระการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม หรือ SME และยังสามารถเจาะกลุ่มสถาบันการศึกษาที่ต้องการสร้างศูนย์การเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา
“สินค้าแอปเปิ้ล มีความได้เปรียบในเรื่องช่วงว่างของปัญหาที่พบได้น้อยกว่าสินค้าแบรนด์อื่น ซึ่งยอดเฉลี่ยของผู้ที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้ารวมทุกสาขาต่อวันกว่า 10,000 คน โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีความหลากหลายทั้งเป็นผู้ใช้ส่วนตัว ผู้ใช้ที่เป็นผู้ประกอบการร้านค้า SME ซึ่งบริษัทได้พยายามที่จะประยุกต์ตัวสินค้าของแอปเปิ้ลให้เข้ากับการใช้งานของแต่ละบุคคลเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจากแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่จำนวนมาก โดยกลุ่มลูกค้า SME มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรและสถาบันการศึกษาที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการศึกษา ทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนมากขึ้น และทำให้ครูสามารถพัฒนาศักยภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่ได้รวมถึงประหยัดเวลาในการสอน ทำให้ช่องว่างระหว่างครูและนักเรียนลดน้อยลง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับทั้งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งเพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน” นายไตรสรณ์ กล่าว
ในส่วนของการปรับปรุงสาขาเก่าและขยายสาขาใหม่ นายไตรสรณ์ กล่าวว่า บริษัทฯ พึงเปิดสาขาใหม่ 2 สาขาคือที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาเชียงราย และ สาขาเทสโก้ โลตัส มหาชัย และกำลังพิจาณาสถานที่ที่เหมาะสมโดยคาดว่าจะเปิดใหม่อีก 3 สาขา โดยใช้เงินลงทุนในการบริหารสาขาใหม่อยู่ที่ 2-3 ล้านบาทต่อสาขาขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่เช่า และแนวโน้มในอนาคตปี 2558 บริษัทคาดว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบของร้านให้มีขนาดที่เล็กลง แต่กระจายสัดส่วนของสาขาเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการเช่าพื้นที่และค่าตอบแทนพนักงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าตอบแทนใหม่
นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI มั่นใจสามารถผลักดันยอดขายให้สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ไม่ต่ำกว่า 10-15% เทียบสัดส่วนที่เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 1,300 ล้านบาท แม้ว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว มีกำไรลดลง โดยในไตรมาสที่ 1/57 ลดลงประมาณ 3 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2/57 ลดลลประมาณ 1.67 ล้านบาท จากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าของประชาชนทั่วไป
"ลูกค้าที่ใช้แบรนด์สินค้าแอปเปิ้ลส่วนใหญ่จะรู้ว่า แอบเปิ้ลจะมีโปรโมชั่นสินค้าในช่วงของปลายไตรมาสที่ 2 นั่นจะหมายถึงว่า ในไตรมาสที่ 3 จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมา ลูกค้าจึงรอซื้อสินค้าใหม่ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าววอลุ่มหนาแน่” นายไตรสรณ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส พี วี ไอ กล่าวถึงกลยุทธ์ทางการตลาดในช่วงครึ่งปีที่เหลือ ว่า ไตรมาส 3-4 สินค้าแอปเปิ้ลจะนำออกตลาดจะเอื้อประโยชน์ในทำการตลาดของบริษัทฯ เป็นอย่างมากเพราะเป็นสินค้าที่สามารถประยุกต์ให้เข้ากับลักษระการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม หรือ SME และยังสามารถเจาะกลุ่มสถาบันการศึกษาที่ต้องการสร้างศูนย์การเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา
“สินค้าแอปเปิ้ล มีความได้เปรียบในเรื่องช่วงว่างของปัญหาที่พบได้น้อยกว่าสินค้าแบรนด์อื่น ซึ่งยอดเฉลี่ยของผู้ที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้ารวมทุกสาขาต่อวันกว่า 10,000 คน โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีความหลากหลายทั้งเป็นผู้ใช้ส่วนตัว ผู้ใช้ที่เป็นผู้ประกอบการร้านค้า SME ซึ่งบริษัทได้พยายามที่จะประยุกต์ตัวสินค้าของแอปเปิ้ลให้เข้ากับการใช้งานของแต่ละบุคคลเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจากแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่จำนวนมาก โดยกลุ่มลูกค้า SME มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรและสถาบันการศึกษาที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการศึกษา ทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนมากขึ้น และทำให้ครูสามารถพัฒนาศักยภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่ได้รวมถึงประหยัดเวลาในการสอน ทำให้ช่องว่างระหว่างครูและนักเรียนลดน้อยลง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับทั้งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งเพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน” นายไตรสรณ์ กล่าว
ในส่วนของการปรับปรุงสาขาเก่าและขยายสาขาใหม่ นายไตรสรณ์ กล่าวว่า บริษัทฯ พึงเปิดสาขาใหม่ 2 สาขาคือที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาเชียงราย และ สาขาเทสโก้ โลตัส มหาชัย และกำลังพิจาณาสถานที่ที่เหมาะสมโดยคาดว่าจะเปิดใหม่อีก 3 สาขา โดยใช้เงินลงทุนในการบริหารสาขาใหม่อยู่ที่ 2-3 ล้านบาทต่อสาขาขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่เช่า และแนวโน้มในอนาคตปี 2558 บริษัทคาดว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบของร้านให้มีขนาดที่เล็กลง แต่กระจายสัดส่วนของสาขาเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการเช่าพื้นที่และค่าตอบแทนพนักงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าตอบแทนใหม่
