เทรนด์ไอทีมาแรงดันหุ้น SPVI เปิดเทรดวันแรกที่ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ +155.56% จากราคาขาย IPO ที่ 0.90 บาท/หุ้น ผู้บริหารเผยหลังเข้า mai คาดรายได้โตไม่น้อยกว่า 15% ทุกปี หลังรายได้ 9 เดือนแรกปีนี้ทะลุ 1.7 พันล้าน คาดสิ้นปีแตะ 2.3 พันล้าน ฟุ้งขนาดเศรษฐกิจขาลงยังมีกำไร ปีหน้าสหรัฐฯ ฟื้นตัวแนวโน้มบริษัทอาจโตแบบก้าวกระโดด
นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส พี วี ไอ หรือ SPVI กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทได้เข้าระดมทุน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% ทุกปี ซึ่งใน 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าไอทีแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท โดยคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้กว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสำหรับการขายปลีกและศูนย์บริการ รวมทั้งปรับปรุงพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่ สินค้าที่เป็นแบรนด์แอปเปิล เป็นสินค้าไอทีที่ครองตลาดผู้ใช้ในประเทศส่วนใหญ่ขณะนี้ และมีอัตราการเติบโตที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ในระดับสถาบันการศึกษา และองค์กรทั้งเล็กกลางใหญ่ และหน่วยงานราชการ โดยนอกเหนือจากที่บริษัทจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple แล้ว บริษัทมองว่ามาร์จิ้นของ SPVi ที่มีอยู่น้อย จึงจะเน้นขายสินค้าหลากหลายประเภทที่เกี่ยวเนื่องกับอุปกรณ์ที่เป็น Non Apple ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า และมีโซลูชันต่างๆ ของตลาดรองรับ ทั้งในส่วนของไลฟ์สไตล์ และคอร์ปอเรตเพิ่มจากที่มีอยู่เดิม
“ขณะเดียวกัน แนวโน้มสถานการณ์ตลาดสินค้าไอทีในปีหน้าภาพรวมมองว่าน่าจะมีกำไรที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวและจะผลักดันให้ประเทศต่างๆ เริ่มฟื้นตัวตามไปด้วย และอาจจะเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยบริษัทฯ จะเน้นขยายกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์ และคอร์ปอเรตเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อยอีก 2-3% จากเดิมที่บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าในกลุ่ม รีเทล 80% และ เอ็นเตอร์ไพรส์ และคอร์ปอเรต ประมาณ 20% และเตรียมที่จะทำตลาดกลุ่มสถาบันการศึกษาที่มีความต้องการในการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีมากขึ้น ขณะที่ถึงแม้ว่าปีนี้บริษัทจะมีมาร์จิ้นที่น้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอัตราค่าครองชีพต่อครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังคงมีกำไรจากการขาย ซึ่งหากหักค่าใช้จ่ายหลักที่บริษัทต้องจ่ายคือ ค่าเช่าพื้นที่ขายในห้าง และค่าเงินเดือนพนักงานบริษัทยังคงมีรายได้ที่เป็นส่วนของกำไรอยู่”
ทั้งนี้ SPVI มีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 290 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 110 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 104.5 ล้านหุ้น และกรรมการ และพนักงานของบริษัท 5.5 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 11-13 ธันวาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 0.9 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 99 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรกหลัง IPO ได้แก่ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 29.00% กลุ่มวรญาณโกศล ถือหุ้น 24.12% น.ส.พัชรา เกียรตินันทวิมล ถือหุ้น 2.90% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท (P/E Ratio) ที่ 14.02 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2555-30 กันยายน 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล