คสช.ถก 12 ช่องทีวีที่ถูกระงับออกอากาศมาหารือ พร้อมตั้งเงื่อนไขขอความร่วมมือ 3 ข้อ หากทำได้จริงส่งต่อให้หัวหน้า คสช. พิจารณา “เอเอสทีวี” พร้อมลุย เตรียมยื่นหนังสือให้พิจารณาทันที
ความคืบหน้ากรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ระงับการออกอากาศของ 12 ช่องเคเบิลทีวี ล่าสุดวานนี้ (7 ส.ค.) เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้นัดตัวแทนจาก 12 ช่องที่ถูกระงับมาหารือกับ คสช.
พล.ต.สุชาติ ผ่องพุฒิ รองเจ้ากรมการทหารสื่อสารและหัวหน้าคณะทำงานติดตามเรื่อง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เป็นตัวกลางในการนัดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ 12 สถานี หรือช่องรายการที่ถูก คสช.สั่งระงับการออกอากาศไปก่อนหน้านี้และยังไม่สามารถออกอากาศได้ให้มาหารือร่วมกันเกี่ยวกับโรดแมป ระยะที่ 2 เพื่อให้สามารถออกอากาศได้ต่อไป
ความคืบหน้าที่ได้มีการเจรจากันคือ คสช.ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ 3 ข้อ เช่น รูปแบบการเปลี่ยนประเภทรายการ ซึ่งหากทั้ง 12 สถานีปฏิบัติได้จะให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้จัดการเรื่องนี้ต่อ พร้อมส่งให้ทางหัวหน้า คสช.พิจารณาอีกครั้งเพื่อนำไปสู่การอนุญาตให้ออกอากาศได้ ส่วนระยะเวลาการดำเนินการนั้นขึ้นอยู่กับ กสทช. และผู้ประกอบการว่าจะยื่นเรื่องได้วันใด
"การหารือครั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยินดีให้ความร่วมมือกับ คสช.เป็นอย่างดี เช่น การจัดกิจกรรมปรองดอง ขณะเดียวกันยังได้มีการพูดคุยในเรื่องความเดือดร้อนของพนักงานของแต่ละสถานีโทรทัศน์แต่ละรายในช่วงที่ทางสถานีไม่ได้ออกอากาศด้วย แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงในแง่ความเดือดร้อนของรายได้"
ด้านแหล่งข่าวที่เข้าร่วมประชุมระบุว่า ครั้งนี้เป็นการนัดคุยหาทางออกร่วมกัน โดย คสช.ได้ตั้งเงื่อนไขขึ้นมา 3 ข้อคือ 1.การเปลี่ยนชื่อช่อง 2.การปรับผังรายการ และ 3.ห้ามละเมิดเนื้อหารายการ ตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ประกาศออกมาเมื่อค่ำวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
ด้าน นายประเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี กล่าวว่าในส่วนของช่อง “เอเอสทีวี” ได้มีการปรับผังรายการไว้แล้ว รวมถึงรูปแบบรายการที่พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้จะยื่นหลักฐาน เนื้อหารายการต่างๆ ให้ กสทช.พิจารณาได้เช่นเดียวกับช่องรายการอื่นๆ ที่พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ “เอเอสทีวี” ได้เคยยื่นเรื่องต่อ กสทช. โดยหวังให้พิจารณาหลังปรับผังออกอากาศใหม่หลัง คสช. ระงับการออกอากาศ โดยผังรายการใหม่ของ “เอเอสทีวี” จะไม่นำเสนอเนื้อหาข่าวสารที่ขัดต่อประกาศ คสช. โดยจะเน้นไปทางเศรษฐกิจเพื่อให้ออกอากาศได้ทันทีหลังได้รับอนุญาต รวมทั้งยังได้ยื่นขอช่องรายการเป็นบอกรับสมาชิก เนื่องจากมีพนักงานจำนวนกว่า 400 คนที่ได้รับผลกระทบ เพราะเสียรายได้จากการขายโฆษณาและสินค้าไปมากนับตั้งแต่ถูกระงับออกอากาศ
ความคืบหน้ากรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ระงับการออกอากาศของ 12 ช่องเคเบิลทีวี ล่าสุดวานนี้ (7 ส.ค.) เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้นัดตัวแทนจาก 12 ช่องที่ถูกระงับมาหารือกับ คสช.
พล.ต.สุชาติ ผ่องพุฒิ รองเจ้ากรมการทหารสื่อสารและหัวหน้าคณะทำงานติดตามเรื่อง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เป็นตัวกลางในการนัดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ 12 สถานี หรือช่องรายการที่ถูก คสช.สั่งระงับการออกอากาศไปก่อนหน้านี้และยังไม่สามารถออกอากาศได้ให้มาหารือร่วมกันเกี่ยวกับโรดแมป ระยะที่ 2 เพื่อให้สามารถออกอากาศได้ต่อไป
ความคืบหน้าที่ได้มีการเจรจากันคือ คสช.ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ 3 ข้อ เช่น รูปแบบการเปลี่ยนประเภทรายการ ซึ่งหากทั้ง 12 สถานีปฏิบัติได้จะให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้จัดการเรื่องนี้ต่อ พร้อมส่งให้ทางหัวหน้า คสช.พิจารณาอีกครั้งเพื่อนำไปสู่การอนุญาตให้ออกอากาศได้ ส่วนระยะเวลาการดำเนินการนั้นขึ้นอยู่กับ กสทช. และผู้ประกอบการว่าจะยื่นเรื่องได้วันใด
"การหารือครั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยินดีให้ความร่วมมือกับ คสช.เป็นอย่างดี เช่น การจัดกิจกรรมปรองดอง ขณะเดียวกันยังได้มีการพูดคุยในเรื่องความเดือดร้อนของพนักงานของแต่ละสถานีโทรทัศน์แต่ละรายในช่วงที่ทางสถานีไม่ได้ออกอากาศด้วย แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงในแง่ความเดือดร้อนของรายได้"
ด้านแหล่งข่าวที่เข้าร่วมประชุมระบุว่า ครั้งนี้เป็นการนัดคุยหาทางออกร่วมกัน โดย คสช.ได้ตั้งเงื่อนไขขึ้นมา 3 ข้อคือ 1.การเปลี่ยนชื่อช่อง 2.การปรับผังรายการ และ 3.ห้ามละเมิดเนื้อหารายการ ตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ประกาศออกมาเมื่อค่ำวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
ด้าน นายประเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี กล่าวว่าในส่วนของช่อง “เอเอสทีวี” ได้มีการปรับผังรายการไว้แล้ว รวมถึงรูปแบบรายการที่พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้จะยื่นหลักฐาน เนื้อหารายการต่างๆ ให้ กสทช.พิจารณาได้เช่นเดียวกับช่องรายการอื่นๆ ที่พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ “เอเอสทีวี” ได้เคยยื่นเรื่องต่อ กสทช. โดยหวังให้พิจารณาหลังปรับผังออกอากาศใหม่หลัง คสช. ระงับการออกอากาศ โดยผังรายการใหม่ของ “เอเอสทีวี” จะไม่นำเสนอเนื้อหาข่าวสารที่ขัดต่อประกาศ คสช. โดยจะเน้นไปทางเศรษฐกิจเพื่อให้ออกอากาศได้ทันทีหลังได้รับอนุญาต รวมทั้งยังได้ยื่นขอช่องรายการเป็นบอกรับสมาชิก เนื่องจากมีพนักงานจำนวนกว่า 400 คนที่ได้รับผลกระทบ เพราะเสียรายได้จากการขายโฆษณาและสินค้าไปมากนับตั้งแต่ถูกระงับออกอากาศ