ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ประกอบการอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ดาวเทียมบุกยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง คสช. ขอความเป็นธรรมกลับมาออกอากาศ เผยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งๆ ที่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว พร้อมชงยุบ กสทช. ทิ้ง เหตุไม่เคยช่วยเหลือ เอาแต่อุ้มนายทุน ด้านเอเอสทีวีเดินหน้าขอกลับมาออกอากาศ หลังพนักงานเดือดร้อนหนัก ย้ำไม่ได้ทำผิดอะไร
วานนี้ (18 มิ.ย.) นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ประธานกลุ่มผู้เดือดร้อนประกอบอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พร้อมด้วยกลุ่มผู้เดือดร้อนในการประกอบอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ดาวเทียม กว่า 20 สถานี ที่ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามคำสั่งคสช.ฉบับที่ 27/2557 ได้เดินทางมาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกขอความเป็นธรรม ผ่านสำนักงานเลขานุการกองทัพบก โดย พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นผู้รับหนังสือ
นายสมบูรณ์กล่าวว่า ผู้ประกอบอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถออกอากาศได้ ส่งผลกระทบต่อผู้บอกรับเป็นสมาชิก จึงต้องมายื่นเรื่องร้องเรียน เพราะที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของ คสช. มาโดยตลอด
"กลุ่มผู้เดือดร้อนได้ไปขอขึ้นทะเบียนแบบบอกรับสมาชิกตั้งแต่เริ่มมีประกาศของ คสช. โดยผู้ประกอบการทั้งหมดอยากให้ คสช. สั่งการไปยังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขออนุญาตให้สถานีดาวเทียมออกอากาศได้ทันที แม้ กสทช. แจ้งว่าจะพิจารณาในวันที่ 23-25 มิ.ย.นี้ แต่ที่ผ่านมา กสทช. อนุญาตเพียงเครือข่ายโทรทัศน์ของบริษัทมหาชนออกอากาศได้เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นธรรม"นายสมบูรณ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีของผู้ประกอบการรายใดที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้องตามคำสั่งของ คสช. ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมาย
นายสมบูรณ์กล่าว่า ทางกลุ่มยังมีข้อเสนอถึง คสช. ขอให้ยุบ กสทช. เนื่องจากไม่สามารถให้ความช่วยเหลือ หรือมีบทบาทแก้ไขปัญหาระบบโทรคมนามคมตามค่าตอบแทนที่ได้รับ โดยเห็นว่า กสทช. ควรทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม แต่กลับไปยืนอยู่ข้างนายทุน เวลาเรียกร้องหรือต้องการปรึกษาอะไร ก็ไม่เคยออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในส่วนของเอเอสทีวีที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของ คสช. ก็ได้มีการปรับผังรายการ และได้นำเสนอผังรายการใหม่ต่อ กสทช. ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณา ทำให้จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถออกอากาศได้ นับจากที่ต้องหยุดออกอากาศตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.เป็นต้นมา ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้สื่อมวลชนของเอเอสทีวีต้องหยุดปฏิบัติงานชั่วคราว และยังส่งผลกระทบต่อสภาพทางธุรกิจของเอเอสทีวีที่มีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการโฆษณาและการขายสินค้า ทำให้สถานะการเงินของเอเอสทีวีที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงไปอีก และเพิ่มมากขึ้นโดยลำดับตามระยะเวลาที่ถูกห้ามออกอากาศ
ทั้งนี้ เอเอสทีวีจะยังคงเดินหน้า เพื่อเรียกร้องให้ คสช. และ กสทช. พิจารณาให้ทีวีดาวเทียมสามารถกลับมาออกอากาศได้อีกครั้ง เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร
วานนี้ (18 มิ.ย.) นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ประธานกลุ่มผู้เดือดร้อนประกอบอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พร้อมด้วยกลุ่มผู้เดือดร้อนในการประกอบอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ดาวเทียม กว่า 20 สถานี ที่ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามคำสั่งคสช.ฉบับที่ 27/2557 ได้เดินทางมาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกขอความเป็นธรรม ผ่านสำนักงานเลขานุการกองทัพบก โดย พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นผู้รับหนังสือ
นายสมบูรณ์กล่าวว่า ผู้ประกอบอาชีพวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถออกอากาศได้ ส่งผลกระทบต่อผู้บอกรับเป็นสมาชิก จึงต้องมายื่นเรื่องร้องเรียน เพราะที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของ คสช. มาโดยตลอด
"กลุ่มผู้เดือดร้อนได้ไปขอขึ้นทะเบียนแบบบอกรับสมาชิกตั้งแต่เริ่มมีประกาศของ คสช. โดยผู้ประกอบการทั้งหมดอยากให้ คสช. สั่งการไปยังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขออนุญาตให้สถานีดาวเทียมออกอากาศได้ทันที แม้ กสทช. แจ้งว่าจะพิจารณาในวันที่ 23-25 มิ.ย.นี้ แต่ที่ผ่านมา กสทช. อนุญาตเพียงเครือข่ายโทรทัศน์ของบริษัทมหาชนออกอากาศได้เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นธรรม"นายสมบูรณ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีของผู้ประกอบการรายใดที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้องตามคำสั่งของ คสช. ก็ต้องไปว่ากันตามกฎหมาย
นายสมบูรณ์กล่าว่า ทางกลุ่มยังมีข้อเสนอถึง คสช. ขอให้ยุบ กสทช. เนื่องจากไม่สามารถให้ความช่วยเหลือ หรือมีบทบาทแก้ไขปัญหาระบบโทรคมนามคมตามค่าตอบแทนที่ได้รับ โดยเห็นว่า กสทช. ควรทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม แต่กลับไปยืนอยู่ข้างนายทุน เวลาเรียกร้องหรือต้องการปรึกษาอะไร ก็ไม่เคยออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในส่วนของเอเอสทีวีที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของ คสช. ก็ได้มีการปรับผังรายการ และได้นำเสนอผังรายการใหม่ต่อ กสทช. ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณา ทำให้จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถออกอากาศได้ นับจากที่ต้องหยุดออกอากาศตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.เป็นต้นมา ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้สื่อมวลชนของเอเอสทีวีต้องหยุดปฏิบัติงานชั่วคราว และยังส่งผลกระทบต่อสภาพทางธุรกิจของเอเอสทีวีที่มีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการโฆษณาและการขายสินค้า ทำให้สถานะการเงินของเอเอสทีวีที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงไปอีก และเพิ่มมากขึ้นโดยลำดับตามระยะเวลาที่ถูกห้ามออกอากาศ
ทั้งนี้ เอเอสทีวีจะยังคงเดินหน้า เพื่อเรียกร้องให้ คสช. และ กสทช. พิจารณาให้ทีวีดาวเทียมสามารถกลับมาออกอากาศได้อีกครั้ง เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร
