นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. พร้อมด้วย นายวินัย รอดจ่าย ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเตรียมการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกันแถลงข่าว ความร่วมมือระหว่าง กกต.และกระทรวงศึกษาธิการ ในการกำหนดหลักสูตรการเรียนรู้ในระบอบประชาธิปไตยโดยนายภุชงค์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบแนวคิดกับกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาหลักสูตร และการส่งเสริมประชาธิปไตย และหน้าที่พลเมืองให้นำมาสู่การเรียนการสอน ซึ่งเรื่องนี้กกต.และกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมมือกัน ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยมีการจัดทำคู่มือการเรียนการสอน ในวิชาหน้าที่พลเมืองใน 4 ช่วงชั้น เพื่อให้ครูสอนหลักประชาธิปไตยให้กับนักเรียน เมื่อคสช. มีแนวคิดดังกล่าว จึงนำไปสู่การปรับปรุงเนื้อหา และหลักสูตรให้สอดคล้องกับสถานการปัจจุบันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จะมีการลงนามร่วมกันเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย โดยจะเน้นย้ำใน 4 ช่วงชั้น และจะมีการนำหลักสูตรลูกเสืออาสาพัฒนาประชาธิปไตยของ กกต. บรรจุไว้ในหลักสูตรลูกเสือสามัญชั้นสูงของโรงเรียนทั่วประเทศด้วย
"หลักสูตรนี้ เราไม่ได้เน้นให้เด็กท่องจำ แต่จะเน้นการปฏิบัติ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เข้าใจในหลักการประชาธิปไตย โดยต้องเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน ของตนเองและผู้อื่น อาทิ กิจกรรม “ฉันพูดเธอฟัง”ที่จะให้เด็กผลักกันพูดแล้วให้อีกคนฟัง เพื่อสรุปใจความสำคัญ เป็นการสอนให้เด็กเคารพสิทธิในการพูด และการฟังของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม“ป.ปลาตากลม”ที่จะจำลองตู้ปลา เพื่อให้เป็นกรอบสังคมประชาธิปไตย ที่เปรียบปลาเป็นคนที่มีเชื่อชาติศาสนา และความคิดที่แตกต่างกัน แต่ยังสามารถอยู่ในสังคมเดียวกันได้ โดยที่ไม่มีความแตกแยก ทั้งหมดนี้ คือความพยายามของ กกต. เพื่อสร้างต้นกล้าประชาธิปไตยให้กับเด็กๆ ถ้าเรารดน้ำ ใส่ปุ๋ย ที่ดีเขาจะเป็นต้นกล้าที่เข้มแข็งแต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีได้หรือไม่"
ด้านนายวินัย กล่าวว่า คสช.ได้เน้นมอบนโยบายแก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ปรับปรุงหลักสูตรในวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ซึ่งในส่วนของวิชาประวัติศาสตร์ เราได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว แต่ในส่วนของหน้าที่พลเมือง เราได้ประสานกับกกต. เพิ่มเนื้อหา เน้นในเรื่องของ ความรักชาติ ยึดมั่นศาสนา เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การปรองดอง ความสนามฉัน ความมีวินัย และการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับกกต. ที่ดำเนินการในเรื่องนี้ อีกทั้งจะมีการให้เจ้าหน้าที่ของกกต. ไปอบรมครูผู้สอนใน 4 จุด คือ กทม. และ จ.พระนครศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จะมีการลงนามร่วมกันเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย โดยจะเน้นย้ำใน 4 ช่วงชั้น และจะมีการนำหลักสูตรลูกเสืออาสาพัฒนาประชาธิปไตยของ กกต. บรรจุไว้ในหลักสูตรลูกเสือสามัญชั้นสูงของโรงเรียนทั่วประเทศด้วย
"หลักสูตรนี้ เราไม่ได้เน้นให้เด็กท่องจำ แต่จะเน้นการปฏิบัติ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เข้าใจในหลักการประชาธิปไตย โดยต้องเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน ของตนเองและผู้อื่น อาทิ กิจกรรม “ฉันพูดเธอฟัง”ที่จะให้เด็กผลักกันพูดแล้วให้อีกคนฟัง เพื่อสรุปใจความสำคัญ เป็นการสอนให้เด็กเคารพสิทธิในการพูด และการฟังของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม“ป.ปลาตากลม”ที่จะจำลองตู้ปลา เพื่อให้เป็นกรอบสังคมประชาธิปไตย ที่เปรียบปลาเป็นคนที่มีเชื่อชาติศาสนา และความคิดที่แตกต่างกัน แต่ยังสามารถอยู่ในสังคมเดียวกันได้ โดยที่ไม่มีความแตกแยก ทั้งหมดนี้ คือความพยายามของ กกต. เพื่อสร้างต้นกล้าประชาธิปไตยให้กับเด็กๆ ถ้าเรารดน้ำ ใส่ปุ๋ย ที่ดีเขาจะเป็นต้นกล้าที่เข้มแข็งแต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีได้หรือไม่"
ด้านนายวินัย กล่าวว่า คสช.ได้เน้นมอบนโยบายแก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ปรับปรุงหลักสูตรในวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ซึ่งในส่วนของวิชาประวัติศาสตร์ เราได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว แต่ในส่วนของหน้าที่พลเมือง เราได้ประสานกับกกต. เพิ่มเนื้อหา เน้นในเรื่องของ ความรักชาติ ยึดมั่นศาสนา เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การปรองดอง ความสนามฉัน ความมีวินัย และการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับกกต. ที่ดำเนินการในเรื่องนี้ อีกทั้งจะมีการให้เจ้าหน้าที่ของกกต. ไปอบรมครูผู้สอนใน 4 จุด คือ กทม. และ จ.พระนครศรีอยุธยา