ASTVผู้จัดการรายวัน-บิ๊ก NOBLE สงสัยไอ้โม้งคนไทยใช้ ESTEEMED บริษัทจดทะเบียนใน British Virgin Island แถมจ้างบริษัทนอมินีในสิงค์โปร์ดำเนินการให้ แอบดอดซื้อหุ้น NOBLE แตะ 24% โร่ยื่นก.ล.ต.- ก.พาณิชย์ตรวจสอบที่มา ลั่นเหตุขอเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้นไม่เกี่ยวป้องกันการเทคโอเวอร์ ยันไม่มีทางทำได้เหตุกลุ่มตนถือหุ้นกว่า 48% เผยครึ่งปีหลังเดินหน้าลุยอสังหาฯเต็มสูบ เตรียมเปิด 3 โครงการใหญ่มูลค่า 6-7 พันล้านบาท
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มาหชน)(NOBLE) เปิดเผยถึงกรณีมีความเคลื่อนไหวด้านการเข้าซื้อหุ้นของ NOBLE ว่า ในช่วงที่มาผ่านมามีผู้ถือหุ้นบางกลุ่มเข้ามาซื้อหุ้นของ NOBLE ในลักษณะที่ผิดว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และการบริหารจัดการของผู้บริหารตลอดจนความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ จึงได้มีการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกลุ่มทุนที่เข้ามาซื้อดังกล่าว
จากการตรวจสอบจึงพบว่า ESTEEMED NETWORKS GROUP LIMITED ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น NOBLE ถึง 6 ครั้งภายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน (ประมาณ 6 เดือน) ซึ่งกลุ่ม ESTEEMED เป็นบริษัทที่จดทะเบียนก่อตั้งใน British Virgin Island (BVI) และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (กลต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ESTEEMED ได้ให้บริษัท ABN AMRO NOMINEES SINGAPORE PTE LTD บริหารซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ โดยมีบริษัท Vistra ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างเป็นนอมีนีทำการซื้อหุ้น NOBLE
โดยปัจจุบัน ABN AMRO NOMINEES SINGAPORE PTE LTD มีสัดส่วนการถือหุ้น NOBLE อยู่ที่ 24.06% อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยตัวตน มีการรายงานการถือหุ้นที่ผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงการทำคำเสนอซื้อหุ้น (Tender Offer) การมีลักษณะร่วมกัน (Acting in Concert) เพื่อครอบงำกิจการ และท้าทายอำนาจรัฐ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กฎหมายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีผลกระทบต่อตลาดทุน บริษัท และผู้ถือหุ้น
ที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้มีการตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของ ESTEEMED หลังจากที่บริษัทถูก ABN AMRO ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพ่งกรุงเทพใต้ข้อหาละเมิดและขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 57 ในเรื่องของการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 200 ล้านหุ้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีข้อสรุปให้เพิกถอนเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปแล้ว ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้ซึ่งบริษัทยังไม่ได้มีการสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเป็นพิเศษ
"การเพิ่มทุนเป็นเรื่องที่เราไม่ได้มีการเตรียมตัวขึ้นมาก่อน ผู้ถือหุ้นในที่ประชุมเสนอวาระขึ้นมาเอง และมีการรับรอง 46% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด และเห็นชอบ 90% ผู้ถือหุ้นเขาอยากให้เราไปลด D/E ให้ต่ำลง เพราะปัจจุบันนี้อยู่สูงมากเกือบ 3% แต่จะไม่นำไปลด D/E เพียงอย่างเดียว อาจจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทด้วยเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของบริษัท แต่หากนำไปลด D/E อย่างเดียวก็จะลดลงมากมาอยู่ที่ 1.6-1.7 เท่า แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คิดอะไรและก็ยังไม่ได้มีการคุยกับใครเป็นพิเศษที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน เราต้องการคนที่มีศักยภาพในการเข้ามาถือหุ้นเรา มาช่วยเราให้บริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นทุกคนได้รับประโยชน์"นายกิตติ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อป้องกัน ESTEEMED เข้าครอบงำกิจการนั้น นายกิตติ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการป้องกัน ESTEEMED เข้าครอบงำบริษัท เพราะกลุ่มของนายกิตติ ธนากิจอำนวย ยังเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 48% ขณะที่ ESTEEMED ถือหุ้นเพียง 24.06% ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำเพื่อความแข็งแกร่งของ NOBLE
"ผมยืนยันว่าการเพิ่มทุนไม่ได้ป้องกันไอ้โหม่งเข้ามาเทคโอเวอร์ เพราะกลุ่มผมเองถือหุ้นมากกว่าเขา 1 เท่า ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ และคงเป็นไปได้ยากมากที่กลุ่มนั้นจะสามารถเทคโอเวอร์ NOBLE ได้ วันนี้ที่ต้องมาออกสื่อเพราะต้องการความชอบธรรม ที่ผ่านมาเหมือนโดนกลุ่มนั้นกลั่นแกล้ง อยากให้เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ตอนนี้ผมรอการตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐ เพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์พอและมีความเชื่อมั่นมากกว่า"นายกิตติ กล่าว
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มาหชน)(NOBLE) เปิดเผยถึงกรณีมีความเคลื่อนไหวด้านการเข้าซื้อหุ้นของ NOBLE ว่า ในช่วงที่มาผ่านมามีผู้ถือหุ้นบางกลุ่มเข้ามาซื้อหุ้นของ NOBLE ในลักษณะที่ผิดว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และการบริหารจัดการของผู้บริหารตลอดจนความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ จึงได้มีการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกลุ่มทุนที่เข้ามาซื้อดังกล่าว
จากการตรวจสอบจึงพบว่า ESTEEMED NETWORKS GROUP LIMITED ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น NOBLE ถึง 6 ครั้งภายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน (ประมาณ 6 เดือน) ซึ่งกลุ่ม ESTEEMED เป็นบริษัทที่จดทะเบียนก่อตั้งใน British Virgin Island (BVI) และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (กลต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ESTEEMED ได้ให้บริษัท ABN AMRO NOMINEES SINGAPORE PTE LTD บริหารซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ โดยมีบริษัท Vistra ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างเป็นนอมีนีทำการซื้อหุ้น NOBLE
โดยปัจจุบัน ABN AMRO NOMINEES SINGAPORE PTE LTD มีสัดส่วนการถือหุ้น NOBLE อยู่ที่ 24.06% อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยตัวตน มีการรายงานการถือหุ้นที่ผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงการทำคำเสนอซื้อหุ้น (Tender Offer) การมีลักษณะร่วมกัน (Acting in Concert) เพื่อครอบงำกิจการ และท้าทายอำนาจรัฐ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กฎหมายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีผลกระทบต่อตลาดทุน บริษัท และผู้ถือหุ้น
ที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้มีการตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของ ESTEEMED หลังจากที่บริษัทถูก ABN AMRO ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพ่งกรุงเทพใต้ข้อหาละเมิดและขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 57 ในเรื่องของการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 200 ล้านหุ้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีข้อสรุปให้เพิกถอนเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปแล้ว ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้ซึ่งบริษัทยังไม่ได้มีการสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเป็นพิเศษ
"การเพิ่มทุนเป็นเรื่องที่เราไม่ได้มีการเตรียมตัวขึ้นมาก่อน ผู้ถือหุ้นในที่ประชุมเสนอวาระขึ้นมาเอง และมีการรับรอง 46% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด และเห็นชอบ 90% ผู้ถือหุ้นเขาอยากให้เราไปลด D/E ให้ต่ำลง เพราะปัจจุบันนี้อยู่สูงมากเกือบ 3% แต่จะไม่นำไปลด D/E เพียงอย่างเดียว อาจจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทด้วยเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของบริษัท แต่หากนำไปลด D/E อย่างเดียวก็จะลดลงมากมาอยู่ที่ 1.6-1.7 เท่า แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คิดอะไรและก็ยังไม่ได้มีการคุยกับใครเป็นพิเศษที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน เราต้องการคนที่มีศักยภาพในการเข้ามาถือหุ้นเรา มาช่วยเราให้บริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นทุกคนได้รับประโยชน์"นายกิตติ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อป้องกัน ESTEEMED เข้าครอบงำกิจการนั้น นายกิตติ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการป้องกัน ESTEEMED เข้าครอบงำบริษัท เพราะกลุ่มของนายกิตติ ธนากิจอำนวย ยังเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 48% ขณะที่ ESTEEMED ถือหุ้นเพียง 24.06% ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำเพื่อความแข็งแกร่งของ NOBLE
"ผมยืนยันว่าการเพิ่มทุนไม่ได้ป้องกันไอ้โหม่งเข้ามาเทคโอเวอร์ เพราะกลุ่มผมเองถือหุ้นมากกว่าเขา 1 เท่า ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ และคงเป็นไปได้ยากมากที่กลุ่มนั้นจะสามารถเทคโอเวอร์ NOBLE ได้ วันนี้ที่ต้องมาออกสื่อเพราะต้องการความชอบธรรม ที่ผ่านมาเหมือนโดนกลุ่มนั้นกลั่นแกล้ง อยากให้เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ตอนนี้ผมรอการตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐ เพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์พอและมีความเชื่อมั่นมากกว่า"นายกิตติ กล่าว