ที่ประชุม สนช.เอกฉันท์ร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้ง “เอเอ็มอาร์โอ” สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียนบวก 3 ร่วมกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี “ตวง” ห่วงไทยไม่ได้ประโยชน์ เพราะต้องออกกฎหมายให้สอดคล้อง แถมสละสิทธิ์อำนาจอธิปไตยให้แก่ 3 ประเทศมหาอำนาจ หวั่นกระทบความมั่นคง เสนอจัดตั้ง กมธ. ศึกษา แต่ไม่เป็นผล
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณาร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน บวก 3 (ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) หรือเอเอ็มอาร์โอ (AMRO) ที่เสนอโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 23 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ซึ่งเอเอ็มอาร์โอจะเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพทางการเงินของภูมิภาคนี้ในการแก้ไขปัญหาดุลการชำระเงินและการขาดสภาพคล่องระยะสั่นของภูมิภาคที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเป็นห่วงกรณีการให้ข้อมูลซึ่งถือเป็นความลับอาจจะกระทบต่อความมั่นคง และเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งงบประมาณที่ประเทศไทยต้องสนับสนุนในฐานะเป็นสมาชิก นอกจากนี้ยังต้องออกกฎหมายเพื่อรองรับความตกลงดังกล่าวหรือไม่
นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.กล่าวว่า หากเห็นชอบตามนี้ประเทศไทยต้องออกกฎหมายภายในให้สอดคล้องกับความตกลงดังกล่าว และต้องสละสิทธิ์อำนาจอธิปไตยให้แก่องค์กร ที่ประกอบด้วยประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนถึงร้อยละ 80 ถือว่ามากกว่าประเทศกลุ่มอาเซียนที่มีสัดส่วนรวมกันเพียงร้อยละ 20 และไทยอาจจะไม่ได้ประโยชน์จากร่างสัญญาดังกล่าวนี้ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าหากลงนามไปแล้วจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในด้านใดบ้างหรือไม่ ดังนั้นจึงเสนอให้มีการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านก่อนและนำกลับเข้ามาที่ประชุม สนช.อนุมัติอีกครั้ง
ด้านตัวแทนกระทรวงการคลังชี้แจงงบประมาณว่า แต่ละประเทศจะมีกฎหมายที่ป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล กิจการบริษัท และข้อมูลที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจาก สนช.อภิปรายกันประปราย สุดท้ายลงมติเห็นชอบด้วยคะแนนเอกฉันท์ 176 เสียง โดยไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา
ทั้งนี้ จากเอกสารของร่างความตกลงดังกล่าวได้มีข้อสังเกตว่า องค์กรเอเอ็มอาร์โอมีอำนาจติดตาม ประเมิน และรายงานผลต่อสมาชิกเกี่ยวกับสถานะทางเศรษฐกิจมหภาคและความมั่นคงทางการเงินของสมาชิก ระบุความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมหภาคและการเงินของภูมิภาคให้สมาชิกทราบ และให้ความช่วยเหลือสมาชิกในการสางแนวนโยบายเพื่อบรรเทาความเสี่ยงดังกล่าวได้ทันเวลา หากมีการร้องขอจากสมาชิก สนับสนุนสมาชิกในการดำเนินงานตามความช่วยเหลือทางการเงินของภูมิภาค และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของเอเอ็มอาร์โอ ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
นอกจากนี้ สมาชิกจะต้องให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องแก่เอเอ็มอาร์โอ ตามความจำเป็นสำหรับการเฝ้าระวังทางเศรษฐกิจและกิจกรรมต่างๆ ตามที่ระบุไว้ โดยอยู่ในขอบเขตที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของสมาชิก แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของบุคคลหรือบริษัท และสมาชิกต้องให้ความร่วมมือกับเอเอ็มอาร์โอโดยสุจริต ในการเฝ้าระวังทางเศรษฐกิจและกิจกรรมต่างๆ ของเอเอ็มอาร์โอ ตามที่ระบุไว้ในข้อตกลง ส่วนสำนักงานใหญ่จะตั้งอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์