xs
xsm
sm
md
lg

“คาโอ”ชูไทยฮับผลิตรุกAEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “คาโอ” ปักธงไทย ชูเป็นฮับฐานการผลิตรับอาเซียน ทุ่มเม็ดเงินกว่า 6,400 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตรองรับตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ ตอกย้ำศักยภาพประเทศไทย เพิ่มกำลังผลิตกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ คาดสิ้นปีรายได้ทะลุ 13,000 ล้านบาท โต 7-8%

นายโคไซ ไซโต ประธานกรรมการดูแลสินค้าอุปโภคและบริโภคเอเชีย อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และอาฟริกา คาโอ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า คาโอยังคงมั่นใจในศักยภาพประเทศไทยและตลาดอาเซียน ที่พบว่ายังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% ส่งผลให้บริษัทพร้อมวางแผนการลงทุนใน 4 ปีข้างหน้า คือ 2558-2561 ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 20,000 ล้านเยน คิดเป็น 6,400 กว่าล้านบาทไทย รวมทั้งจะลงทุนทางด้านการผลิตอีก 6,400 ล้านบาท ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย

โดยการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มกำลังผลิตสินค้าในกลุ่มสินค้าที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง เช่น ผงซักฟอก ผ้าอนามัย สินค้าสำหรับเด็ก และไลน์สินค้าใหม่ๆ รวมถึงการลงทุนในส่วนของคลังสินค้า เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก

ทั้งนี้มองว่าไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์ โปรดักซ์ในอาเซียน หลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี2558 ที่จะถึงนี้ ซึ่งปัจจุบันฐานผลิตในไทยมีการส่งออกสินค้าไปยัง เมียนมาร์ กัมพูชา และสปป.ลาว ในรูปแบบขายผ่านดิสทริบิวเตอร์ คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 10% แต่คาดว่าอีก 2 ปีข้างหน้านจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 15% ได้ ซึ่งตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ยังเตรียมที่จะขยายการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ด้วย

ด้านนายนรินทร์ สายันต์วิสุทธิคาม ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาด ธุรกิจเคมีภัณฑ์ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของคาโอ ประเทศไทยนั้น ปีนี้ยังมีแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ และก่อสร้าง โดยที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มนี้สร้างยอดขายเป็นสัดส่วน 30% ของยอดขายรวมทั้งหมด และมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 30% ในอินเดีย และออสเตรเลีย ส่วนการจำหน่ายในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 70%

โดยรายได้รวมในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการเติบโต 6% เป็นผลมาจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนไทยที่ซื้อสินค้าต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง และถึงสิ้นปีนี้มองว่ายอดขายรวมจะเติบโตได้ 7-8% เทียบกับปีก่อนที่ยอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นยอดขายจากการส่งออกไม่ถึง 10% และที่เหลือกว่า 90% มาจากในประเทศ

นายโคไซ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพรวมของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีการแข่งขันรุนแรง ครึ่งปีแรกมีการเติบโต 3% เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโต 6-7% หรือทั้งปีนี้จะโตได้ถึง 5% ซึ่งในส่วนของกลุ่มสินค้าคาโอมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน คิดเป็นสัดส่วน 15% ของตลาดรวมทั้งหมด โดยมีกลุ่มสินค้าผ้าอนามัยมีส่วนแบ่งการตลาด 40% เป็นเบอร์ 2 ของตลาด และกลุ่มผงซักฟอกเป็นอันดับหนึ่งของตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น