xs
xsm
sm
md
lg

"ประจิน" เล็งผุดนิคมอุตฯ3จว.ใต้ กองทุนสปส.ปล่อยกู้หนุนสร้างงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ พล.อ.ท. มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ ในฐานะ ที่ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 ก.ค. ที่บ้านรับรองกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้เชิญส่วนราชการ อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ศอ.บต. และ กอ.รมน. ภาค 4 และ ภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และ สมาคมยางพาราไทย เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร และการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามคำสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.
ในการหารือดังกล่าว ผู้แทน กอ.รมน. ภาค 4 ได้บรรยายสรุป ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ แม้จะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่เมื่อดูจากสถิติในรอบหลายปี พบว่ามีจำนวนลดลง จากนั้นได้มีการหารือถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ได้แก่ ลองกอง และมังคุด ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีผลผลิตออกมามาก ต้องการความช่วยเหลือในการระบายผลผลิต โดยส่วนราชการ และภาคเอกชน ได้แสดงความคิดเห็นและร่วมหาทางออกที่จะนำผลไม้ดังกล่าวไปจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ ซึ่งเชื่อว่า จะสามารถแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ในเวลาอันรวดเร็ว
นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางส่งเสริมการลงทุน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทั้งภาครัฐ และเอกชนต่างเสนอแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในหลายเรื่อง พร้อมทั้งข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ อาทิ การหาพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม การส่งเสริมด้านเงินลงทุน ตลอดจนการดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนและผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการลงทุน
ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน ได้มอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รับเป็นหน่วยในการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และจัดทำผลการประชุมนำเรียนให้ หัวหน้าคสช. ทราบต่อไป
พล.อ.อ ประจิน ยังได้ กล่าวขอบคุณส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ พร้อมทั้งกล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องดำเนินการทุกด้านไปพร้อมๆ กัน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ จิตวิทยา สังคม และความมั่นคง การร่วมมือกันในวันนี้เปรียบเสมือนการช่วยกันสร้างชีวิตใหม่ ให้กับพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของเรา

**ปล่อยกู้เงินกองทุนประกันสังคม 2 พันล.

วานนี้ (31 ก.ค.) นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้บอร์ดสปส. มีมติเห็นชอบอนุมัติเงินกองทุนประกันสังคมภายใต้กรอบวงเงินการลงทุนทางสังคมตามแผนการลงทุนประจำปี 2557 จำนวน 2,000 ล้านบาท ตามข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่เสนอผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการจ้างงานเขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีวงเงินดำเนินโครงการ 2,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้สินเชื่อผ่านธนาคารให้แก่สถานประกอบการ รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี และผู้ประกันตนรายละไม่เกิน 150,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี โดยทั้งสองกลุ่มคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่เป็นเวลา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ส่วนคุณสมบัติของสถานประกอบการ และผู้ประกันตนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะขอกู้สินเชื่อในโครงการสนับสนุนการจ้างงานฯนั้น จะต้องขึ้นทะเบียนกับ สปส.ไม่น้อยกว่า 3 เดือน ส่วนจะปล่อยกู้สินเชื่อในโครงการได้เมื่อใดนั้น ขณะนี้ยังกำหนดไม่ได้ เพราะสปส. กำลังออกประกาศรับสมัครธนาคารที่จะเข้าร่วมโครงการฯโดยต้องเป็นธนาคารที่มีความมั่นคงสูงและมีกำไรสะสม รวมทั้งได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีแล้ว หากเป็นธนาคารที่มีปัญหาขาดทุนไม่อนุมัติให้เข้าร่วมโครงการเพื่อป้องกันปัญหาหนี้สูญ
นายจีรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อสปส. คัดเลือกธนาคารที่จะเข้าร่วมโครงการได้แล้ว ก็จะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่าง สปส. กับธนาคาร ซึ่งการดำเนินการโครงการนี้ สปส. จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 1 ต่อปี คงที่ 5 ปี เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนให้ธนาคารคืนเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยเต็มจำนวน ทั้งนี้ สถานประกอบการและผู้ประกันตนยื่นคำขอกู้สินเชื่อได้หลังจากวันที่มีการลงนามเอ็มโอยูจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.58 และหากสถานประกอบการ หรือผู้ประกันตนพ้นสภาพจากระบบประกันสังคม จะถือว่า ไม่อยู่ในเงื่อนไขของโครงการ ให้สำนักงานถอนเงินต้นคงเหลือคืน
"โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งสปส. อนุมัติวงเงินกองทุน 1,000 ล้านบาท ปล่อยกู้สินเชื่อผ่านธนาคารโดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 คงที่ 5 ปีให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใน 5 จังหวัดภาคใต้เพื่อไม่ให้มีการเลิกจ้างแรงงานในภาคใต้ ทางกรอ.เห็นว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเอสเอ็มอีในภาคใต้ จึงเสนอคสช.ให้มีการดำเนินโครงการนี้ต่อ" ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
------------
กำลังโหลดความคิดเห็น