นายวีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าโครงการวิจัยประเมินผลการกระจายอำนาจของไทยระยะ 15 ปี กล่าวถึงกรณี คำสั่งที่ 85/2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้จะไม่มีการจัดการเลือกตั้ง องค์กรบริหารส่วนตำบล หรือ เทศบาล และ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เกี่ยวกับการกระจายอำนาจและโครงสร้างการปกครองท้องถิ่นของไทยในอนาคต ว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 11,430 ครัวเรือน ในพื้นที่อปท. พบว่า ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรงจากการกระจายอำนาจ ซึ่งทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจกับบริการสาธารณะ และได้รับบริการที่รวดเร็วขึ้น ต่างจากที่ได้รับจากราชการส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 75 เห็นว่า ไม่ควรยุบเลิก อปท. เพราะเห็นว่า อปท. มีประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในหลายด้าน โดย ร้อยละ 68.4 เห็นว่าบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่จัดโดยอปท. ดีขึ้นกว่าเดิม ร้อยละ 63 เห็นว่า อปท. สามารถบริการด้านการศึกษาของบุตรหลานมีคุณภาพที่ดีขึ้น ร้อยละ 61.6 เห็นว่าการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินการโดย อปท. ดีขึ้น และประชาชนราวร้อยละ 62.9 - 69.4 พึงพอใจอย่างยิ่งกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ ประชาชนราวร้อยละ 66.8 มีความพึงพอใจกับ อปท. ที่สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และอีกราวร้อยละ 71.3 เห็นว่า อปท. มีการทำงานแบบปรึกษาหารือกับประชาชนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ร้อยละ 55.7 ให้ความเห็นว่าพวกเขายังไม่มั่นใจนักในความโปร่งใสสุจริตของ อปท. และต้องการเห็นการปรับปรุงการบริหารงานของ อปท. ให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต
"จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าแม้ อปท. จะมีข้อจำกัดในบางด้าน แต่ในภาพรวมก็ยังสามารถดูแลและส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้เป็นอย่างดี หากมีการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เพิ่มขึ้นในอนาคตก็เชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมการพัฒนาประเทศในระดับฐานรากได้ ส่วนข้อจำกัดเรื่องความโปร่งใสต่างๆ ก็ต้องหามาตรการป้องกันและแก้ไขกันต่อไป เพราะถ้าหากเราแก้ปัญหาความโปร่งใสของ อปท. ด้วยการยุบทิ้ง ก็เท่ากับว่าเราเลือกที่จะยกเลิกบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่ประชาชนเคยได้รับไปด้วย" นายวีระศักดิ์ กล่าว
**ไม่ขัดรธน.ชั่วคราวคงอำนาจคสช.
"นิด้าโพล"เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง"คสช. กับการคืนความสุขให้คนในชาติ" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24 –25ก.ค.57 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,256 ตัวอย่าง เกี่ยวกับระดับความสุขของคนในชาติ ภายหลังครบรอบ 2 เดือน ของการบริหารราชการแผ่นดิน ของ คสช. และการใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ให้ คสช. ยังคงดำรงอยู่เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูป และรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อระดับความสุขของตนเอง ภายหลังจากครบรอบ 2 เดือน การบริหารราชการแผ่นดินเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ ของ คสช. พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 66.48 ระบุว่า มีความสุขเพิ่มขึ้น เพราะ ปัญหาความขัดแย้งความวุ่นวายต่าง ๆ ทางการเมืองสงบลง คนในชาติไม่ทะเลาะแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกัน การเดินทางสัญจรมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ชาวนาได้รับเงินจำนำข้าว มีการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ เช่น การแก้ไขปัญหาทางการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน การจัดระเบียบสังคม เป็นต้น รองลงมา ร้อยละ 27.94 ระบุว่า มีความสุขเท่าเดิม เพราะ ยังมองไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่ ร้อยละ 4.94 ระบุว่า มีความสุขลดลง เพราะ ยังได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ข้าวของแพง เศรษฐกิจไม่ดี และได้รับความบันเทิงจากการรับชมสื่อโทรทัศน์ลดน้อยลง และ ร้อยละ 0.64 ไม่สามารถระบุได้
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ให้ คสช. ยังคงดำรงอยู่เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูป และรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.94 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น เป็นจุดเริ่มของการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น และเป็นการลดทอนอำนาจของนักการเมืองเพื่อความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมือง รองลงมา ร้อยละ 11.23 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ มีบางมาตราที่ยังไม่เหมาะสม และควรมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ขณะที่ ร้อยละ 0.56 รู้สึกเฉย ๆ และ ร้อยละ 8.28 ระบุว่า ไม่แน่ใจ/ไม่ระบุ
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 75 เห็นว่า ไม่ควรยุบเลิก อปท. เพราะเห็นว่า อปท. มีประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในหลายด้าน โดย ร้อยละ 68.4 เห็นว่าบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่จัดโดยอปท. ดีขึ้นกว่าเดิม ร้อยละ 63 เห็นว่า อปท. สามารถบริการด้านการศึกษาของบุตรหลานมีคุณภาพที่ดีขึ้น ร้อยละ 61.6 เห็นว่าการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินการโดย อปท. ดีขึ้น และประชาชนราวร้อยละ 62.9 - 69.4 พึงพอใจอย่างยิ่งกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ ประชาชนราวร้อยละ 66.8 มีความพึงพอใจกับ อปท. ที่สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และอีกราวร้อยละ 71.3 เห็นว่า อปท. มีการทำงานแบบปรึกษาหารือกับประชาชนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ร้อยละ 55.7 ให้ความเห็นว่าพวกเขายังไม่มั่นใจนักในความโปร่งใสสุจริตของ อปท. และต้องการเห็นการปรับปรุงการบริหารงานของ อปท. ให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต
"จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าแม้ อปท. จะมีข้อจำกัดในบางด้าน แต่ในภาพรวมก็ยังสามารถดูแลและส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้เป็นอย่างดี หากมีการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เพิ่มขึ้นในอนาคตก็เชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมการพัฒนาประเทศในระดับฐานรากได้ ส่วนข้อจำกัดเรื่องความโปร่งใสต่างๆ ก็ต้องหามาตรการป้องกันและแก้ไขกันต่อไป เพราะถ้าหากเราแก้ปัญหาความโปร่งใสของ อปท. ด้วยการยุบทิ้ง ก็เท่ากับว่าเราเลือกที่จะยกเลิกบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่ประชาชนเคยได้รับไปด้วย" นายวีระศักดิ์ กล่าว
**ไม่ขัดรธน.ชั่วคราวคงอำนาจคสช.
"นิด้าโพล"เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง"คสช. กับการคืนความสุขให้คนในชาติ" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24 –25ก.ค.57 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,256 ตัวอย่าง เกี่ยวกับระดับความสุขของคนในชาติ ภายหลังครบรอบ 2 เดือน ของการบริหารราชการแผ่นดิน ของ คสช. และการใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ให้ คสช. ยังคงดำรงอยู่เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูป และรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อระดับความสุขของตนเอง ภายหลังจากครบรอบ 2 เดือน การบริหารราชการแผ่นดินเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ ของ คสช. พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 66.48 ระบุว่า มีความสุขเพิ่มขึ้น เพราะ ปัญหาความขัดแย้งความวุ่นวายต่าง ๆ ทางการเมืองสงบลง คนในชาติไม่ทะเลาะแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกัน การเดินทางสัญจรมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ชาวนาได้รับเงินจำนำข้าว มีการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ เช่น การแก้ไขปัญหาทางการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน การจัดระเบียบสังคม เป็นต้น รองลงมา ร้อยละ 27.94 ระบุว่า มีความสุขเท่าเดิม เพราะ ยังมองไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่ ร้อยละ 4.94 ระบุว่า มีความสุขลดลง เพราะ ยังได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ข้าวของแพง เศรษฐกิจไม่ดี และได้รับความบันเทิงจากการรับชมสื่อโทรทัศน์ลดน้อยลง และ ร้อยละ 0.64 ไม่สามารถระบุได้
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่ให้ คสช. ยังคงดำรงอยู่เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูป และรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.94 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น เป็นจุดเริ่มของการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น และเป็นการลดทอนอำนาจของนักการเมืองเพื่อความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมือง รองลงมา ร้อยละ 11.23 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ มีบางมาตราที่ยังไม่เหมาะสม และควรมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ขณะที่ ร้อยละ 0.56 รู้สึกเฉย ๆ และ ร้อยละ 8.28 ระบุว่า ไม่แน่ใจ/ไม่ระบุ
