**ในที่สุด “รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว”โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังมีผลบังคับใช้ ก็เท่ากับว่าประเทศไทยกลับเข้าสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้วครึ่งหนึ่ง แม้ คสช. ยังคงมีอำนาจเต็มอยู่ก็ตาม แต่การออกคำสั่ง-ออกประกาศ จะทำตามอำเภอใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกต่อไป
นับถึงนาทีนี้ การบริหารราชการแผ่นดินของคสช. โดย “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสมือนเข้าสู่ระยะที่ 2 ตามโรดแมปที่ประกาศไว้ คือ การจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อด้วยการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และปฏิรูปด้านต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่
แม้ตัวเลขเก้าอี้ต่างๆ จะเคาะออกมาสักพักใหญ่แล้ว แต่“บิ๊กตู่”และบรรดาบิ๊ก คสช. คงหนักใจไม่ใช่เล่น ในการสรรหาคนที่เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ ทั้งในส่วนของพวกที่กระสันอยากมีตำแหน่งแห่งที่ วิ่งเต้นกันจนขาขวิด หรืออารมณ์อกหักที่ไปไล่ตามจีบหลายคนที่วางใจได้ และอยากให้เข้ามานั่งตำแหน่งสำคัญ หลายคนกลับไม่อยากรับตำแหน่ง เพราะกลัวว่าจะเปลืองตัว เสียผู้เสียคนกันไป
รายชื่อ สนช.-สปช. ที่จะคลอดออกมาไม่กี่อึดใจนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์เบื้องต้นว่า รัฐนาวา คสช. จะไปได้ถึงเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ หน้าตาและคุณภาพของ สนช.-สปช. จะเข้ามาทำงานได้ประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นโทษต่อ คสช.เองในภายภาคหน้า
โดยเฉพาะสภาปฏิรูปฯ หรือ สปช. ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเข้ามาปัดกวาดบ้านเมืองของ คสช.ในครั้งนี้
ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านี้ คงหนีไม่พ้นหน้าตาของ“ครม.ชุดใหม่”ที่ คสช. จะจิ้มนิ้วเลือกเช่นกัน ซึ่งมีเสียงซุบซิบกันหนาหูว่า “บิ๊กตู่” จะโดดมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง จากกระแสแรงเชียร์ส่งตรงมาตลอด รวมถึงผลสำรวจของโพลสำนักต่างๆ ก็ยกชูให้ “บิ๊กตู่”มีความเหมาะสมมากที่สุด ที่จะเป็น“ผู้นำประเทศ”ต่อไป
** ล่าสุดก็เป็นคิวของ “โหรวารินทร์” แห่งสำนักสุขิโต เจ้าของสมญานาม“โหร คมช.”ที่ออกมาฟันธงเปรี้ยงว่า “บิ๊กตู่”คือ “นายก ป.”ที่เคยทำนายทายทักเอาไว้ แถมยังเปิดเผยนิมิตด้วยว่า งานนี้ “นายกฯตู่”นั่งยาวอยู่โยงอย่างน้อย 2-3 ปี
ส่วนหน้าตา“ครม.ชุดใหม่”ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ต้องรอลุ้น เช็กกันรายตัว เพราะคสช.เก็บงำความลับได้สุดยอด แม้มีข่าวพอหลุดออกมาบ้างว่า เดินหน้าดีล “บุคคลวีไอพี”เข้ามานั่งใน ครม.เกือบเต็มทุกตำแหน่งแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวหลุดออกมาว่า มีชื่อเสียงเรียงนามอะไรบ้าง
นั่นเพราะ คสช. ต้องการให้ตีตราลับมากที่สุด หากชื่อหลุดออกไป อาจจะโดนคัดค้านจาก “อำมาตย์บางคน”ที่ยังวิ่งเต้นกันไม่หยุด
ที่ได้แน่ๆ คือบรรดา“บิ๊ก คสช.” ทั้ง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) “บิ๊กเข้”พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) รวมถึงตัว “บิ๊กตู่”เองที่เกษียณ ยกแผง คงจับจองเก้าอี้เข้ามาร่วมเป็นเสนาบดี งวดนี้แน่ๆ
**โค้งอันตรายของ คสช. คงหนีไม่พ้นการทำหน้าที่ในเฟสสอง ที่กำลังจะมาถึงนี่เอง
ที่สำคัญหลังจากนี้ คสช. ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ เสรีภาพของ “คนไทย”ฟันธงได้เลยว่า กระแสกดดันที่ไปถึงยกเลิกการบังคับใช้ “กฎอัยการศึก”ที่เป็นเสมือน “ยันต์กันผี”ในเวลานี้ให้หมดทั้งประเทศ อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดจากกระแสต่อต้าน ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ห้ามมิให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ต่อการทำหน้าที่ และตัวบุคคลในคสช. รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง จนทำให้ทั้งสื่อมวลชน และหลายภาคส่วน ออกมาถล่ม คสช. อย่างหนัก จนตั้งตัวไม่ติด และแก้เกี้ยวด้วยการออกประกาศฉบับที่ 103/2557 มาแก้ไขถ้อยคำที่มีปัญหาออกไป
เมื่อสังคมเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ได้ ในขณะที่อำนาจในมือ คสช. เริ่มเหลือน้อยลง ต้องรอดูว่า “บิ๊กตู่ - บิ๊กคสช.”จะทานกระแสคลื่นลมได้เพียงใด โดยเฉพาะ“ขั้วตรงข้าม” ทั้ง “คนเพื่อไทย - คนเสื้อแดง”ที่ขณะนี้เก็บงำความแค้นเอาไว้ ประหนึ่งซอยเท้ารอวันออกมาขย้ำคสช. ก็จะเริ่มเคลื่อนไหวได้สะดวกยิ่งขึ้น ถึงวันนั้นอาจจะมีการปลุกกระแส “คนเสื้อแดง”ให้กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
อีเว้นต์แรกที่เชื่อว่าจะมีการปลุกระดมมวลชนมาวัดกำลังต้าน คสช. คงเป็นเรื่องตัวบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ในภาคส่วนต่างๆ ยิ่ง “บิ๊กตู่” โดดเข้ามาสวมสูท ผูกเนคไท รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ก็เท่ากับขึ้นมายืนบนฟลอร์ ให้สปอตไลต์สาดส่อง ความอัดอั้นตันใจของฝ่ายต้าน มีหวังได้ทะลักล้นออกมาไม่ขาดสายแน่
ต่อด้วยเนื้อหาใน ร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กระบวนการทั้งหมด จะเริ่มต้นหลังรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีผลบังคับใช้ ซึ่งจับทางได้เลยว่า ยกแรกอาจจะต่อต้าน “คนยกร่าง”ว่าไม่มีความเหมาะสม มีอคติเป็นทุนเดิมจึงไม่เหมาะที่จะเข้ามากำหนดกติกาของประเทศ ต่อเนื่องด้วยยกที่สอง อาจจะมีการออกมาแสดงความคิดเห็น พร้อมกับชี้นำ “มวลชนคนเสื้อแดง”ให้ต่อต้านเป็นรายมาตรา ที่จะมีการยกร่างขึ้นมา ถ้าเห็นว่า มาตราไหนทำให้“นายใหญ่-คนเสื้อแดง”เสียผลประโยชน์ มีหวังปลุกกันสุดลิ่ม
**ประเด็นที่ต้องจับตาแบบไม่กระพริบ ก็เรื่องการนิรโทษกรรม ว่าจะครอบคลุมแค่ไหน แน่นอนว่า คณะคสช. ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่จะเผื่อแผ่ไปจนสุดซอย อย่างที่ระบอบทักษิณต้องการหรือไม่ ก็ต้องติดตาม
ยกสามอาจจะมีปลุกให้มวลชนออกมาล้ม หรือไม่รับการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังที่ได้มีการยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจับตาประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ให้ดี เพราะนี่คือหมากที่สามารถปลุกให้ “คนเสื้อแดง”ฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบรรดา“แกนนำคนเสื้อแดง”คงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปง่ายๆ แน่
ทั้งหมดนี้คือ “ออเดิร์ฟ”ที่ คสช. ต้องพบเจอในช่วงเฟสสอง หากเดินหมากพลาด ปล่อยให้ฝ่ายต้านโดยเฉพาะ“คนเสื้อแดง”ฟื้นคืนชีพ มีหวังสิ่งที่ คสช.ทำมาทั้งหมด ต้องมลายพับไป เหมือนเป็นการ“ปฏิวัติปราสาททราย”รอบที่ 2
**ถึงวันนี้พูดได้ว่า คสช. หมดช่วงเวลาฮันนีมูน น้ำผึ้งพระจันทร์จะไม่หวานอีกต่อไปแล้ว
นับถึงนาทีนี้ การบริหารราชการแผ่นดินของคสช. โดย “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสมือนเข้าสู่ระยะที่ 2 ตามโรดแมปที่ประกาศไว้ คือ การจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อด้วยการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และปฏิรูปด้านต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่
แม้ตัวเลขเก้าอี้ต่างๆ จะเคาะออกมาสักพักใหญ่แล้ว แต่“บิ๊กตู่”และบรรดาบิ๊ก คสช. คงหนักใจไม่ใช่เล่น ในการสรรหาคนที่เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ ทั้งในส่วนของพวกที่กระสันอยากมีตำแหน่งแห่งที่ วิ่งเต้นกันจนขาขวิด หรืออารมณ์อกหักที่ไปไล่ตามจีบหลายคนที่วางใจได้ และอยากให้เข้ามานั่งตำแหน่งสำคัญ หลายคนกลับไม่อยากรับตำแหน่ง เพราะกลัวว่าจะเปลืองตัว เสียผู้เสียคนกันไป
รายชื่อ สนช.-สปช. ที่จะคลอดออกมาไม่กี่อึดใจนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์เบื้องต้นว่า รัฐนาวา คสช. จะไปได้ถึงเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ หน้าตาและคุณภาพของ สนช.-สปช. จะเข้ามาทำงานได้ประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นโทษต่อ คสช.เองในภายภาคหน้า
โดยเฉพาะสภาปฏิรูปฯ หรือ สปช. ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเข้ามาปัดกวาดบ้านเมืองของ คสช.ในครั้งนี้
ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านี้ คงหนีไม่พ้นหน้าตาของ“ครม.ชุดใหม่”ที่ คสช. จะจิ้มนิ้วเลือกเช่นกัน ซึ่งมีเสียงซุบซิบกันหนาหูว่า “บิ๊กตู่” จะโดดมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง จากกระแสแรงเชียร์ส่งตรงมาตลอด รวมถึงผลสำรวจของโพลสำนักต่างๆ ก็ยกชูให้ “บิ๊กตู่”มีความเหมาะสมมากที่สุด ที่จะเป็น“ผู้นำประเทศ”ต่อไป
** ล่าสุดก็เป็นคิวของ “โหรวารินทร์” แห่งสำนักสุขิโต เจ้าของสมญานาม“โหร คมช.”ที่ออกมาฟันธงเปรี้ยงว่า “บิ๊กตู่”คือ “นายก ป.”ที่เคยทำนายทายทักเอาไว้ แถมยังเปิดเผยนิมิตด้วยว่า งานนี้ “นายกฯตู่”นั่งยาวอยู่โยงอย่างน้อย 2-3 ปี
ส่วนหน้าตา“ครม.ชุดใหม่”ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ต้องรอลุ้น เช็กกันรายตัว เพราะคสช.เก็บงำความลับได้สุดยอด แม้มีข่าวพอหลุดออกมาบ้างว่า เดินหน้าดีล “บุคคลวีไอพี”เข้ามานั่งใน ครม.เกือบเต็มทุกตำแหน่งแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวหลุดออกมาว่า มีชื่อเสียงเรียงนามอะไรบ้าง
นั่นเพราะ คสช. ต้องการให้ตีตราลับมากที่สุด หากชื่อหลุดออกไป อาจจะโดนคัดค้านจาก “อำมาตย์บางคน”ที่ยังวิ่งเต้นกันไม่หยุด
ที่ได้แน่ๆ คือบรรดา“บิ๊ก คสช.” ทั้ง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) “บิ๊กเข้”พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) รวมถึงตัว “บิ๊กตู่”เองที่เกษียณ ยกแผง คงจับจองเก้าอี้เข้ามาร่วมเป็นเสนาบดี งวดนี้แน่ๆ
**โค้งอันตรายของ คสช. คงหนีไม่พ้นการทำหน้าที่ในเฟสสอง ที่กำลังจะมาถึงนี่เอง
ที่สำคัญหลังจากนี้ คสช. ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ เสรีภาพของ “คนไทย”ฟันธงได้เลยว่า กระแสกดดันที่ไปถึงยกเลิกการบังคับใช้ “กฎอัยการศึก”ที่เป็นเสมือน “ยันต์กันผี”ในเวลานี้ให้หมดทั้งประเทศ อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดจากกระแสต่อต้าน ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ห้ามมิให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ต่อการทำหน้าที่ และตัวบุคคลในคสช. รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง จนทำให้ทั้งสื่อมวลชน และหลายภาคส่วน ออกมาถล่ม คสช. อย่างหนัก จนตั้งตัวไม่ติด และแก้เกี้ยวด้วยการออกประกาศฉบับที่ 103/2557 มาแก้ไขถ้อยคำที่มีปัญหาออกไป
เมื่อสังคมเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ได้ ในขณะที่อำนาจในมือ คสช. เริ่มเหลือน้อยลง ต้องรอดูว่า “บิ๊กตู่ - บิ๊กคสช.”จะทานกระแสคลื่นลมได้เพียงใด โดยเฉพาะ“ขั้วตรงข้าม” ทั้ง “คนเพื่อไทย - คนเสื้อแดง”ที่ขณะนี้เก็บงำความแค้นเอาไว้ ประหนึ่งซอยเท้ารอวันออกมาขย้ำคสช. ก็จะเริ่มเคลื่อนไหวได้สะดวกยิ่งขึ้น ถึงวันนั้นอาจจะมีการปลุกกระแส “คนเสื้อแดง”ให้กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
อีเว้นต์แรกที่เชื่อว่าจะมีการปลุกระดมมวลชนมาวัดกำลังต้าน คสช. คงเป็นเรื่องตัวบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ในภาคส่วนต่างๆ ยิ่ง “บิ๊กตู่” โดดเข้ามาสวมสูท ผูกเนคไท รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ก็เท่ากับขึ้นมายืนบนฟลอร์ ให้สปอตไลต์สาดส่อง ความอัดอั้นตันใจของฝ่ายต้าน มีหวังได้ทะลักล้นออกมาไม่ขาดสายแน่
ต่อด้วยเนื้อหาใน ร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กระบวนการทั้งหมด จะเริ่มต้นหลังรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีผลบังคับใช้ ซึ่งจับทางได้เลยว่า ยกแรกอาจจะต่อต้าน “คนยกร่าง”ว่าไม่มีความเหมาะสม มีอคติเป็นทุนเดิมจึงไม่เหมาะที่จะเข้ามากำหนดกติกาของประเทศ ต่อเนื่องด้วยยกที่สอง อาจจะมีการออกมาแสดงความคิดเห็น พร้อมกับชี้นำ “มวลชนคนเสื้อแดง”ให้ต่อต้านเป็นรายมาตรา ที่จะมีการยกร่างขึ้นมา ถ้าเห็นว่า มาตราไหนทำให้“นายใหญ่-คนเสื้อแดง”เสียผลประโยชน์ มีหวังปลุกกันสุดลิ่ม
**ประเด็นที่ต้องจับตาแบบไม่กระพริบ ก็เรื่องการนิรโทษกรรม ว่าจะครอบคลุมแค่ไหน แน่นอนว่า คณะคสช. ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่จะเผื่อแผ่ไปจนสุดซอย อย่างที่ระบอบทักษิณต้องการหรือไม่ ก็ต้องติดตาม
ยกสามอาจจะมีปลุกให้มวลชนออกมาล้ม หรือไม่รับการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังที่ได้มีการยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจับตาประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ให้ดี เพราะนี่คือหมากที่สามารถปลุกให้ “คนเสื้อแดง”ฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบรรดา“แกนนำคนเสื้อแดง”คงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปง่ายๆ แน่
ทั้งหมดนี้คือ “ออเดิร์ฟ”ที่ คสช. ต้องพบเจอในช่วงเฟสสอง หากเดินหมากพลาด ปล่อยให้ฝ่ายต้านโดยเฉพาะ“คนเสื้อแดง”ฟื้นคืนชีพ มีหวังสิ่งที่ คสช.ทำมาทั้งหมด ต้องมลายพับไป เหมือนเป็นการ“ปฏิวัติปราสาททราย”รอบที่ 2
**ถึงวันนี้พูดได้ว่า คสช. หมดช่วงเวลาฮันนีมูน น้ำผึ้งพระจันทร์จะไม่หวานอีกต่อไปแล้ว