เมื่อเวลา 13.40 น. วานนี้ (21 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม ตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อ จาก 4 องค์กร นำโดย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายวิสุทธ์ คมวัชรพงษ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย นายจักรกฤษ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และนายก่อเขตุ จันทเลิศลักษณ์ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายภัทระ คำพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวนักนสพ. ในฐานะตัวแทนสภาการนสพ. เดินทางเข้าพบ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือถึงข้อกังวล กับประกาศคสช. ฉบับที่ 97/2557 เรื่องการให้ความร่วมมือกับคสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวเปิดการหารือว่า ตนเป็นหัวหน้าโครงการรับผิดชอบการสร้างความปรองดอง ของคสช. สืบเนื่องจากมีประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 ทราบดีว่า พี่น้องสื่อไม่สบายใจ แต่ตนเป็นคนรับฟังความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่มีปัญหาในการปฏิรูปประเทศ จึงเชิญองค์กรสื่อ มาพูดคุยว่าเกิดปัญหาจุดใด ทั้งนี้ตนเห็นด้วยที่องค์กรสื่อมีการควบคุมกันเอง แต่ทั้งนี้ ก็อยากฟังความคิดเห็นว่า คิดเห็นอย่างไรกับประกาศฉบับดังกล่าว ตัวหนังสือที่ออกมา ตรงกับเจตนาหรือไม่ อย่างไร ก็อยากให้ทุกฝายช่วยกันเสนอความคิดเห็น โดยตนจะทำหน้าที่รับฟัง แล้วนำเรียนต่อคสช. ต่อไป
ภายหลังจากการหารือเสร็จสิ้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ทางหัวหน้าคสช. ได้มีการพูดผ่านทางปลัดกลาโหม พร้อมทั้งแสดงความไม่สบายใจกรณีที่คสช.ได้ออกประกาศ ฉบับที่ 97 จึงได้มอบหมายให้ทางปลัดกระทรวงกลาโหม ประสานกับ 4 องค์กรหลักที่เกี่ยวข้องกับสื่อ เพื่อหาทางพูดคุยทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ ได้มีการเสนอข้อคิดเห็นไปยังปลัดกระทรวงกลาโหมว่า รู้สึกไม่สบายใจกับประกาศที่ออกมา โดยเฉพาะข้อ 5 ที่ระบุ ในการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ สามารรถระงับ การจำหน่ายจ่ายแจก หรือเผยแพร่ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการระงับการออกอากาศ ของสถานีโทรทัศน์ ถือว่า เป็นสิ่งที่บาดใจ คนที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน จึงอยากสื่อสาร ผ่านปลัดกระทรวงกลาโหม ไปยังหัวหน้าคสช. ให้พิจารณา หากตัดออกได้ก็จะถือเป็นเรื่องดี
นอกจากนี้ ยังมีข้อความที่ระบุบว่า ห้ามการวิพากษ์ วิจารณ์ การปฏิบัติงานของคสช. รวมถึงเจ้าหน้าที่ของคสช.และบุคลที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้อยากให้มีการปรับเปลี่ยนข้อความใหม่ เพราะว่าจะทำให้การทำหน้าที่ของสื่อทำด้วยความลำบาก พร้อมทั้งยืนยันว่า ในส่วนของเรื่องอื่นๆ ก็มีกฎหมายปกติดูแลอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องไปบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ ให้เต็มประสิทธิ์ภาพ เช่น หากสื่อไม่ปฏิบัติตามหลักวิชาชีพ ก็มีกสทช. ทำหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว
"หัวหน้าคสช. และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ตระหนักว่า ประกาศของคสช.ฉบับที่ 97 มีปัญหา จึงเชิญพวกเรามาหารือในวันนี้ และเราก็มั่นใจว่า ได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบ ปัญหา ที่จะเกิดขึ้นให้รับทราบ ทั้งนี้ ถือเป็นดุลพินิจ ของหัวหน้าคสช. ที่อาจจะมีการตัดข้อความ ปรับปรุงหรือ ยกเลิก ไม่ให้มีเลย" นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ทางปลัดกระทรวงกลาโหมได้รับปาก และส่งสัญญาณว่า จะมีการปรับปรุงแก้ไข หรืออาจจะยกเลิกคำประกาศ ที่ 97 และอาจจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด ทั้งนี้ ทางปลัดกลาโหมได้ระบุ อีกว่า เข้าใจการทำงานของสื่อ และที่ผ่านมา สื่อมวลชนทำหน้าที่ได้ดี รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า ยังมีสื่อบางส่วนทียังมีการปฏิบัติงานที่ผิดวิชาชีพของสื่อสารมวลชน เป็นการสวมเสื้อสื่อ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ และไม่ยึดมั่นในหลักวิชาชีพจนทำให้สื่อทั้งหมดได้รับผลกระทบไปด้วย ตนขอเรียกร้องให้มีการทบทวนบทบาทของตัวเอง และยุติการดำเนินการดังกล่าว ส่วนสื่อที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต เช่น สื่อวิทยุ หรือ ทีวีดาวเทียม ก็ให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ไป บทบาทของสมาคมฯ ก็จะรณรงค์เรื่องการทำหน้าที่ของสื่อ อยู่ 2 ข้อ คือ 1. เสรีภาพบนความรับผิดชอบ 2. ไม่ใช้ภาษาที่นำไปสู่ความรุนแรง
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวเปิดการหารือว่า ตนเป็นหัวหน้าโครงการรับผิดชอบการสร้างความปรองดอง ของคสช. สืบเนื่องจากมีประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 ทราบดีว่า พี่น้องสื่อไม่สบายใจ แต่ตนเป็นคนรับฟังความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่มีปัญหาในการปฏิรูปประเทศ จึงเชิญองค์กรสื่อ มาพูดคุยว่าเกิดปัญหาจุดใด ทั้งนี้ตนเห็นด้วยที่องค์กรสื่อมีการควบคุมกันเอง แต่ทั้งนี้ ก็อยากฟังความคิดเห็นว่า คิดเห็นอย่างไรกับประกาศฉบับดังกล่าว ตัวหนังสือที่ออกมา ตรงกับเจตนาหรือไม่ อย่างไร ก็อยากให้ทุกฝายช่วยกันเสนอความคิดเห็น โดยตนจะทำหน้าที่รับฟัง แล้วนำเรียนต่อคสช. ต่อไป
ภายหลังจากการหารือเสร็จสิ้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ทางหัวหน้าคสช. ได้มีการพูดผ่านทางปลัดกลาโหม พร้อมทั้งแสดงความไม่สบายใจกรณีที่คสช.ได้ออกประกาศ ฉบับที่ 97 จึงได้มอบหมายให้ทางปลัดกระทรวงกลาโหม ประสานกับ 4 องค์กรหลักที่เกี่ยวข้องกับสื่อ เพื่อหาทางพูดคุยทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ ได้มีการเสนอข้อคิดเห็นไปยังปลัดกระทรวงกลาโหมว่า รู้สึกไม่สบายใจกับประกาศที่ออกมา โดยเฉพาะข้อ 5 ที่ระบุ ในการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ สามารรถระงับ การจำหน่ายจ่ายแจก หรือเผยแพร่ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการระงับการออกอากาศ ของสถานีโทรทัศน์ ถือว่า เป็นสิ่งที่บาดใจ คนที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน จึงอยากสื่อสาร ผ่านปลัดกระทรวงกลาโหม ไปยังหัวหน้าคสช. ให้พิจารณา หากตัดออกได้ก็จะถือเป็นเรื่องดี
นอกจากนี้ ยังมีข้อความที่ระบุบว่า ห้ามการวิพากษ์ วิจารณ์ การปฏิบัติงานของคสช. รวมถึงเจ้าหน้าที่ของคสช.และบุคลที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้อยากให้มีการปรับเปลี่ยนข้อความใหม่ เพราะว่าจะทำให้การทำหน้าที่ของสื่อทำด้วยความลำบาก พร้อมทั้งยืนยันว่า ในส่วนของเรื่องอื่นๆ ก็มีกฎหมายปกติดูแลอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องไปบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ ให้เต็มประสิทธิ์ภาพ เช่น หากสื่อไม่ปฏิบัติตามหลักวิชาชีพ ก็มีกสทช. ทำหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว
"หัวหน้าคสช. และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ตระหนักว่า ประกาศของคสช.ฉบับที่ 97 มีปัญหา จึงเชิญพวกเรามาหารือในวันนี้ และเราก็มั่นใจว่า ได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบ ปัญหา ที่จะเกิดขึ้นให้รับทราบ ทั้งนี้ ถือเป็นดุลพินิจ ของหัวหน้าคสช. ที่อาจจะมีการตัดข้อความ ปรับปรุงหรือ ยกเลิก ไม่ให้มีเลย" นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ทางปลัดกระทรวงกลาโหมได้รับปาก และส่งสัญญาณว่า จะมีการปรับปรุงแก้ไข หรืออาจจะยกเลิกคำประกาศ ที่ 97 และอาจจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด ทั้งนี้ ทางปลัดกลาโหมได้ระบุ อีกว่า เข้าใจการทำงานของสื่อ และที่ผ่านมา สื่อมวลชนทำหน้าที่ได้ดี รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า ยังมีสื่อบางส่วนทียังมีการปฏิบัติงานที่ผิดวิชาชีพของสื่อสารมวลชน เป็นการสวมเสื้อสื่อ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ และไม่ยึดมั่นในหลักวิชาชีพจนทำให้สื่อทั้งหมดได้รับผลกระทบไปด้วย ตนขอเรียกร้องให้มีการทบทวนบทบาทของตัวเอง และยุติการดำเนินการดังกล่าว ส่วนสื่อที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต เช่น สื่อวิทยุ หรือ ทีวีดาวเทียม ก็ให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ไป บทบาทของสมาคมฯ ก็จะรณรงค์เรื่องการทำหน้าที่ของสื่อ อยู่ 2 ข้อ คือ 1. เสรีภาพบนความรับผิดชอบ 2. ไม่ใช้ภาษาที่นำไปสู่ความรุนแรง