นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย บุกยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ คสช.หลังตั้งกก.เกาะติดสื่อ ยันสื่อมวลชนมีธรรมนูญวิชาชีพอยู่แล้ว ห่วงแนวทางปฏิบัติขาดความชัดเจนหลังทหารบุกคมชัดลึก-เนชั่น เบรกเสนอข่าว “จารุพงศ์” ตั้งเสรีไทย จี้เอาให้ชัด
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ ให้มีอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรอง ติดตาม และตรวจสอบการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีการบิดเบือน ยุยง ปลุกปั่น อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ อีกทั้งระงับยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารใดๆ อันเป็นเท็จ หรือส่อไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน และสื่อสารมวลชนประเภทต่างๆ ให้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ และการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
โดยทั้งสองสมาคมได้มีความห่วงใยในคำสั่งดังกล่าว พร้อมความเห็นและข้อเสนอแนะคือ 1. ข่าวสารข้อมูลตามคำสั่ง คสช. (เฉพาะ) ที่ 12/2557 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2557 ที่คณะกรรมการฯ นำมาใช้เป็นอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรอง ติดตาม และตรวจสอบนั้น สมาคมนักข่าวฯ ทั้งสองสมาคมขอแจ้งว่า เป็นเรื่องที่องค์กรสื่อ โดยเฉพาะผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ประพฤติปฏิบัติอยู่แล้วตามธรรมนูญและข้อบังคับจริยธรรมแห่งวิชาชีพ สมาคมนักข่าวฯ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ รวมทั้งข้อบังคับจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ตลอดจนแนวปฏิบัติขององค์กรสื่อแต่ละองค์กรอยู่แล้ว
2. สิ่งที่สมาคมนักข่าวฯ ทั้งสองสมาคมมีความห่วงใย คือ แนวทางปฏิบัติของผู้นำคำสั่งของคณะกรรมการติดตามการเผยแพร่ข่าวสารฯ ไปดำเนินการยังขาดความชัดเจน ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการเข้าไปในกองบรรณาธิการ เพื่อสั่งระงับยับยั้งการนำเสนอข่าวของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่ประกาศก่อตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้ จากการนำเสนอข่าวเรื่องนี้ของสื่อมวลชน ได้ทำให้สังคมรับรู้ข่าวสารอย่างถูกต้องและมีข้อมูลรอบด้าน โดยเฉพาะผู้ที่รู้ประวัติศาสตร์ของขบวนการเสรีไทย อันเป็นการย้ำถึงวิจารณญาณของประชาชนโดยส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี
3. ด้วยเหตุนี้ สมาคมนักข่าวฯ ทั้งสองสมาคมจึงเรียกร้องให้คณะกรรมการติดตามการเผยแพร่ข่าวสารฯ จัดทำแนวทางปฏิบัติให้มีความชัดเจนร่วมทั้งแนวทางการกำกับดูแล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบนำไปปฏิบัติอย่างเหมาะสมแก่สภาพการณ์ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อแสดงการเคารพต่อวิจารณญาณของประชาชนคนไทยโดยส่วนใหญ่
ด้านพล.อ.อดุลย์ กล่าวว่า เป็นแนวทางที่ทำอยู่แล้วตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. เนื่องจากมีหน้าที่เพิ่มขึ้นและมีการขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเรื่องสิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าวนั้นก็ขอให้สบายใจได้ หากการเสนอข่าวสารเป็นไปตามประกาศคสช.ที่ 14 และ18 ที่เกี่ยวเนื่องกับข่าวสารที่ทำให้เกิดความแตกแยก
เมื่อถามว่า จะมีการกำหนดแนวปฏิบัติอย่างไรเพื่อไม่ให้สื่อมวลชนฝ่าฝืนคำสั่ง พล.ต.อดุลย์ กล่าวว่า มีแนวทาง และมีการติดตามการเฝ้าระวังอยู่ หากมีข้อมูลที่บิดเบือนก็จะมีการพูดคุย มีการตักเตือน ซึ่งจะเป็นการขอความร่วมมือกับสื่อ และขอให้สื่อเสนอข่าวโดยยึดตามประกาศคสช.เพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ
เมื่อถามว่า จะไม่มีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปยังกองบรรณาธิการตามที่เป็นข่าวใช่หรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คสช.ไม่มีนโยบายนี้ เมื่อถามว่า กรณีหมายจับนายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด มหาชน ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เนื่องจากป่วยและให้บุคคลอื่นไปรายตัวแทนแล้ว พล.อ.อดุลย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการแก้ไขแล้ว ทั้งนี้จะไม่มีการสันติบาลไปติดตามตัวบุคคลที่คสช.มีคำสั่งเรียกตัว
เมื่อถามว่า 1 เดือนที่ผ่านการดำเนินการของคสช.ในแต่ละด้านมีความคืบหน้าไปบ้างหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า มีความคืบหน้าไปมากแล้ว