ASTVผู้จัดการรายวัน - สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดให้บริษัทต่างชาติเสนอขายหุ้นต่อประชาชนและเข้าจดทะเบียนใน
ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดแรก (primary listing) หรือเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรกพร้อมกับประเทศอื่น (dual offering) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ
ก.ล.ต. เปิดเผยว่าคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การอนุญาตให้บริษัทต่างประเทศเสนอ
ขายหุ้นต่อประชาชน และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดแรก (primary listing) และบริษัทต่างประเทศเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรกในไทยและประเทศอื่นพร้อมกันหรือในเวลาใกล้เคียงกัน (dual offering) เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ตลาดทุนไทย และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน อีกทั้งรองรับข้อตกลงของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในอาเซียน (ASEAN Capital Markets Forum: ACMF) ในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนของบริษัทในกลุ่มประเทศสมาชิก ACMF อย่างน้อยสองประเทศพร้อมกัน โดยประกาศจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนสิงหาคม
บริษัทต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การอนุญาต การเปิดเผยข้อมูล และหลักเกณฑ์อื่นที่
เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับบริษัทไทย อาทิ การรักษาสิทธิผู้ถือหุ้น ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การเปิดเผยข้อมูล
อย่างครบถ้วน และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติม อาทิ เป็นการเสนอขายหุ้นที่ถูกกฎหมายและ
หลักเกณฑ์ของประเทศตน , กฎหมายและหลักเกณฑ์ที่คุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นเทียบเคียงได้กับกฎหมายไทย
,หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของประเทศที่บริษัทจัดตั้งสามารถให้ความช่วยเหลือ ก.ล.ต.ในการตรวจสอบหรือ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง, มีกรรมการสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ใน
ไทยอย่างน้อย 2 คน โดยอย่างน้อย 1 คนต้องเป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ, จัดทำงบการเงินตาม
มาตรฐานการบัญชีไทย หรือ International Financial Reporting Standards (IFRS), ใช้ผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และ ใช้ที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. โดยต้องทำหน้าที่ติดตามและให้คำแนะนำต่อไปอีก 3 ปี
สำหรับกรณีบริษัทต่างประเทศจัดตั้ง holding company ในประเทศไทย โดยมีผู้ถือหุ้นหลักเป็นต่างชาติ
และมีธุรกิจหลักในต่างประเทศ และจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น
holding company ดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมเช่นเดียวกับ primary listing เนื่องจากโดยลักษณะเสมือนบริษัทต่างประเทศมาเสนอขายหุ้นทางอ้อม แต่หากบริษัทต่างประเทศถือหุ้นโดยกลุ่มคนไทยรวมกันเกินกว่าร้อยละ 50 ก็จะถือว่าเป็นบริษัทไทยหรือคนไทยมีอำนาจควบคุม และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับบริษัทไทย
“ ก.ล.ต. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดทุนไทยให้เป็นที่น่าสนใจในสายตาของผู้ลงทุนทั่วโลก วิธีการหนึ่งคือ
การเป็นแหล่งเงินทุนรองรับความต้องการขยายตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจต่างประเทศ พร้อมไปกับเพิ่มทางเลือก
ในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน หลักเกณฑ์รองรับให้บริษัทต่างประเทศออกเสนอขายหุ้นต่อผู้ลงทุนไทยนี้เป็น
มาตรฐานเดียวกับการออกเสนอขายหุ้นของบริษัทไทย โดยมีหลักเกณฑ์เพิ่มเติมที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ลง
ทุนจะได้รับการคุ้มครองและรักษาสิทธิอย่างเพียงพอ ทำให้ตลาดทุนไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมี
เสถียรภาพ” นายวรพลกล่าว
ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดแรก (primary listing) หรือเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรกพร้อมกับประเทศอื่น (dual offering) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ
ก.ล.ต. เปิดเผยว่าคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การอนุญาตให้บริษัทต่างประเทศเสนอ
ขายหุ้นต่อประชาชน และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดแรก (primary listing) และบริษัทต่างประเทศเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรกในไทยและประเทศอื่นพร้อมกันหรือในเวลาใกล้เคียงกัน (dual offering) เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ตลาดทุนไทย และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน อีกทั้งรองรับข้อตกลงของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในอาเซียน (ASEAN Capital Markets Forum: ACMF) ในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนของบริษัทในกลุ่มประเทศสมาชิก ACMF อย่างน้อยสองประเทศพร้อมกัน โดยประกาศจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนสิงหาคม
บริษัทต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การอนุญาต การเปิดเผยข้อมูล และหลักเกณฑ์อื่นที่
เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับบริษัทไทย อาทิ การรักษาสิทธิผู้ถือหุ้น ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การเปิดเผยข้อมูล
อย่างครบถ้วน และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติม อาทิ เป็นการเสนอขายหุ้นที่ถูกกฎหมายและ
หลักเกณฑ์ของประเทศตน , กฎหมายและหลักเกณฑ์ที่คุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นเทียบเคียงได้กับกฎหมายไทย
,หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของประเทศที่บริษัทจัดตั้งสามารถให้ความช่วยเหลือ ก.ล.ต.ในการตรวจสอบหรือ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง, มีกรรมการสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ใน
ไทยอย่างน้อย 2 คน โดยอย่างน้อย 1 คนต้องเป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ, จัดทำงบการเงินตาม
มาตรฐานการบัญชีไทย หรือ International Financial Reporting Standards (IFRS), ใช้ผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และ ใช้ที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. โดยต้องทำหน้าที่ติดตามและให้คำแนะนำต่อไปอีก 3 ปี
สำหรับกรณีบริษัทต่างประเทศจัดตั้ง holding company ในประเทศไทย โดยมีผู้ถือหุ้นหลักเป็นต่างชาติ
และมีธุรกิจหลักในต่างประเทศ และจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น
holding company ดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมเช่นเดียวกับ primary listing เนื่องจากโดยลักษณะเสมือนบริษัทต่างประเทศมาเสนอขายหุ้นทางอ้อม แต่หากบริษัทต่างประเทศถือหุ้นโดยกลุ่มคนไทยรวมกันเกินกว่าร้อยละ 50 ก็จะถือว่าเป็นบริษัทไทยหรือคนไทยมีอำนาจควบคุม และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับบริษัทไทย
“ ก.ล.ต. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดทุนไทยให้เป็นที่น่าสนใจในสายตาของผู้ลงทุนทั่วโลก วิธีการหนึ่งคือ
การเป็นแหล่งเงินทุนรองรับความต้องการขยายตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจต่างประเทศ พร้อมไปกับเพิ่มทางเลือก
ในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน หลักเกณฑ์รองรับให้บริษัทต่างประเทศออกเสนอขายหุ้นต่อผู้ลงทุนไทยนี้เป็น
มาตรฐานเดียวกับการออกเสนอขายหุ้นของบริษัทไทย โดยมีหลักเกณฑ์เพิ่มเติมที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ลง
ทุนจะได้รับการคุ้มครองและรักษาสิทธิอย่างเพียงพอ ทำให้ตลาดทุนไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมี
เสถียรภาพ” นายวรพลกล่าว