xs
xsm
sm
md
lg

MAX เลื่อนวาระซื้อ SA หลังเข้าข่าย Backdoor Listing ย้ำพร้อมที่จะเข้าลงทุนหากได้ไฟเขียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

MAX เลื่อนวาระซื้อ SA หลังเข้าข่าย Backdoor Listing ย้ำพร้อมที่จะเข้าลงทุนใน SA หากได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และ/หรือ ตลท. โดยการดำเนินการเพื่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ ในอนาคต และมีแผนก่อสร้างคอนโดฯ ใจกลาง กทม. และอีกหลายพื้นที่

นายชำนิ จันทร์ฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เลื่อนการเสนอวาระการเข้าซื้อหุ้นสามัญบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (SA) ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เนื่องจากการลงทุนใน SA เป็นผลให้ MAX ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เข้าข่าย Backdoor Listing บริษัทจำเป็นต้องยื่นเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อพิจารณาคุณสมบัติเสมือนรับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ภายในปี 58

โดยในการพิจารณาให้บริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะต้องพิจารณาคุณสมบัติดังต่อไป ผลการดำเนินงานตามเกณฑ์การพิจารณารับหลักทรัพย์ บริษัทจะดำเนินการให้มีโครงสร้างการถือหุ้นที่ไม่มีการขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัทจะดำเนินการจัดตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้เข้าทำ Due diligence ศึกษาข้อมูลของ SA โดยละเอียด

รวมถึงบริษัทจะดำเนินการให้บริษัท SA จัดทางบการเงินโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตเข้าการตรวจสอบงบการเงิน พร้อมกับจัดทางบการเงินเสมือนการควบรวมของบริษัท และ SA สำหรับปี 56 และ 57 ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 58

ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้ SA มีระบบควบคุมภายในที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ตลท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหากว่าจำเป็นบริษัทจะดำเนินจัดจ้างบริษัทที่มีความชำนาญในการวางระบบการควบคุมภายในมาดำเนินการให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายในเป็นไปตามเกณฑ์โดยเร็ว โดยบริษัทคาดว่าจะยื่นคำขอการรับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ภายในไตรมาส 2/58

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นบริษัทจะเข้าลงทุนใน SA ภายหลังการได้รับอนุญาตตามเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) จาก ก.ล.ต. และ/หรือ ตลท. โดยการดำเนินการเพื่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต บริษัทมีแผนก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม สำหรับที่พักอาศัยในเขตใจกลางพื้นที่ กทม. (Central Business District) ในหลายๆ พื้นที่

โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 60,000 บาทต่อเดือน พนักงานบริษัท หรือเจ้าของกิจการในย่านใจกลางเมือง ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่เรียนตามย่านใจกลางเมือง และผู้ที่ต้องการมีห้องชุดเป็นของตนเอง ซึ่งไม่ไกลจากที่อยู่อาศัยเดิม โดยมูลค่าของโครงการแต่ละโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 2,500-3,500 ล้านบาท โดยจะพิจารณาทยอยดำเนินการตามความสำคัญของทำเลที่ตั้งและความต้องการของผู้ซื้อ บริษัทจะใช้ทุนส่วนหนึ่งและใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินอีกส่วนหนึ่งเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และประหยัดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ เงินเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งได้ผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจาปี 57 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 57 บริษัทจะดำเนินการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจเหล็กจานวนประมาณ 300-400 ล้านบาท และสำหรับเงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือบางส่วนนั้นจะใช้สำหรับวางเป็นประกันการซื้อที่ดิน มีเงื่อนไขให้บริษัทสามารถรับคืนเงินประกันได้ในกรณีที่บริษัทไม่ได้รับการอนุมัติตามเกณฑ์การพิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ของ ก.ล.ต. และ/หรือ ตลท.
กำลังโหลดความคิดเห็น