“กำจร” เตรียมเชิญ จุฬาฯ-มธ.-นิด้า ร่วมถกวางมาตรการป้องกันการลอกวิทยานิพนธ์ เผยจะให้ สกอ.เป็นศูนย์กลางรวบรวมวิทยานิพนธ์มาตรวจสอบระหว่างการสอบเพื่อได้รู้ว่ามีการคัดลอกหรือไม่ ชี้หากพบวิทยานิพนธ์ใดที่ทำรูปเล่มแล้วแต่มีการลอกมาจะขึ้นแบล็กลิสต์อาจารย์ที่ปรึกษา พร้อมประกาศชื่อประจานให้สังคมรับรู้ เล็งนำวิธีการสอบวิทยานิพนธ์แบบต่างประเทศมาใช้สอบนักศึกษา ป.เอก ด้วย
วานนี้ (17 ก.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาว่า ตนให้ความสำคัญกับ 3 คุณภาพและ 1 ธรรมาภิบาล โดยคุณภาพแรก คือ คุณภาพการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษานอกที่ตั้งซึ่งมีทั้งมหาวิทยาลัยที่จัดการบริหารอย่างมีระบบและมีคุณภาพ และมหาวิทยาลัยที่จัดการบริหารไม่มีระบบและไม่มีคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านเคยแก้ไขได้ผลมาระดับหนึ่งแล้วแต่ขณะนี้ก็พบว่าปัญหานี้กลับมาอีกครั้ง เพราะสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปจัดการ ดังนั้นจะเร่งผลัก ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ...เพื่อนำมาเป็นกลไกที่เปิดทางให้ สกอ.เข้ามากำกับตรวจสอบได้ทันที รวมทั้งจะเร่งแก้ไขปัญหาคุณภาพอื่น ๆ ทั้งคุณภาพอาจารย์ประจำหลักสูตร หรือที่มีการร้องเรียนใช้สิ่งของแลกเกรด การประเมินผลที่ไม่เป็นธรรม ต่อมา
** รื้อระบบวัดคุณภาพบัณฑิต-นศ.
รศ.นพ.กำจร กล่าวอีกว่า 2.คุณภาพหลักสูตร จะมุ่งเน้นให้มหาวิทยาลัยตระหนักว่าต้องจัดหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมุ่งเน้นตามความเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยและตอบสนองความต้องการของประชาชนแบบที่ทำอยู่ ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากในปัจจุบัน ขณะเดียวกันจะเข้าไปปลดล็อคปัญหากรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (ทีคิวเอฟ) เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่ออาจารย์และนักศึกษามากเกินไปด้วย นอกจากนี้จะมีการทบทวนหลักสูตรต่อเนื่อง ที่ให้ผู้จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เรียนต่อจนจบปริญญาตรีเพื่อดึงดูดให้คนหันมาเลือกเรียนสายอาชีพมากขึ้น
3.คุณภาพบัณฑิตและนักศึกษา ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องดูแลตั้งแต่กระบวนการรับนักศึกษา โดยแต่ละปีมีผู้เข้าเรียนปีละ 4 แสนคนแต่ สกอ.มีข้อมูลเฉพาะผู้ที่สมัครผ่านระบบการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในระบบกลาง หรือ แอดมิชชันกลาง ประมาณ 1 แสนคนเท่านั้น แต่อีก 3 แสนคนที่เข้าผ่านระบบรับตรงกลับไม่มีข้อมูลทั้งไม่รู้ด้วยว่ามหาวิทยาลัยเปิดรับตรงเมื่อไร จำนวนเท่าไรและสอบกี่รอบ ซึ่งยืนยันว่าต้องการให้นักเรียนมีโอกาสหลากหลายเข้าเรียน แต่ต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไปและเดินทางน้อยที่สุด อีกทั้งมหาวิทยาลัยต้องทบทวนตนเองในการรับนักศึกษา เพราะเวลานี้โครงสร้างประชากรวัยเรียนระดับปริญญาลดน้อยลง
** คุมเข้มวิทยานิพนธ์ ป.โท-เอก
เลขาฯกกอ. กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องบัณฑิตศึกษานั้น จากนี้ สกอ.จะเข้ามาดูแลหามาตรการที่เข้มข้นในการวัดประเมินบัณฑิต ป.โท-เอก โดยเฉพาะปัญหาการคัดเลือกวิทยานิพนธ์ซึ่ง สกอ.จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางที่จะรวบรวมฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์เพื่อให้มหาวิทยาลัยมาตรวจสอบก่อนการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ และเมื่อวิทยานิพนธ์พิมพ์ออกเป็นรูปเล่มแล้ว หากพบว่ามีการคัดลอกก็จะแบล็กลิสต์ หรือขึ้นบัญชีดำอาจารย์ที่ปรึกษา และประกาศให้สาธารณะชนทราบด้วย สำหรับระดับปริญญาเอก การสอบเพื่อปกป้องวิทยานิพนธ์ จะเพิ่มมาตรการโดยใช้วิธีเหมือนต่างประเทศซึ่งเปิดสอบแบบสาธารณะ โดยให้นักวิชาการด้านต่างๆ จากมหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมทั้งผู้สนใจทั่วไป เข้ารับฟังการสอบด้วย ซึ่งนักศึกษาหากไม่เก่งจริงก็จะสอบผ่านลำบาก เพื่อให้ผู้จบปริญญาเอก มีคำว่า ดร. นำหน้าเป็นที่ยอมรับในสังคม
“เร็วๆนี้ ผมจะเชิญมหาวิทยาลัยที่มีเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกวิทยานิพนธ์ ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า มาประชุมเพื่อหามาตรการร่วมกันในการป้องกันการคัดลอกวิทยานิพนธ์ได้อย่างไรบ้าง” รศ.นพ.กำจร กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องธรรมาภิบาล เนื่องจากเกิดปัญหาในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ซึ่งหากมี พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ก็จะมีอำนาจเข้าไปดูแล ซึ่งก็จะเข้าไปกำกับดูแลเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีปัญหาเท่านั้น แต่ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ.. อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกอ.
วานนี้ (17 ก.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาว่า ตนให้ความสำคัญกับ 3 คุณภาพและ 1 ธรรมาภิบาล โดยคุณภาพแรก คือ คุณภาพการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษานอกที่ตั้งซึ่งมีทั้งมหาวิทยาลัยที่จัดการบริหารอย่างมีระบบและมีคุณภาพ และมหาวิทยาลัยที่จัดการบริหารไม่มีระบบและไม่มีคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านเคยแก้ไขได้ผลมาระดับหนึ่งแล้วแต่ขณะนี้ก็พบว่าปัญหานี้กลับมาอีกครั้ง เพราะสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปจัดการ ดังนั้นจะเร่งผลัก ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ...เพื่อนำมาเป็นกลไกที่เปิดทางให้ สกอ.เข้ามากำกับตรวจสอบได้ทันที รวมทั้งจะเร่งแก้ไขปัญหาคุณภาพอื่น ๆ ทั้งคุณภาพอาจารย์ประจำหลักสูตร หรือที่มีการร้องเรียนใช้สิ่งของแลกเกรด การประเมินผลที่ไม่เป็นธรรม ต่อมา
** รื้อระบบวัดคุณภาพบัณฑิต-นศ.
รศ.นพ.กำจร กล่าวอีกว่า 2.คุณภาพหลักสูตร จะมุ่งเน้นให้มหาวิทยาลัยตระหนักว่าต้องจัดหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมุ่งเน้นตามความเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยและตอบสนองความต้องการของประชาชนแบบที่ทำอยู่ ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากในปัจจุบัน ขณะเดียวกันจะเข้าไปปลดล็อคปัญหากรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (ทีคิวเอฟ) เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่ออาจารย์และนักศึกษามากเกินไปด้วย นอกจากนี้จะมีการทบทวนหลักสูตรต่อเนื่อง ที่ให้ผู้จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เรียนต่อจนจบปริญญาตรีเพื่อดึงดูดให้คนหันมาเลือกเรียนสายอาชีพมากขึ้น
3.คุณภาพบัณฑิตและนักศึกษา ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องดูแลตั้งแต่กระบวนการรับนักศึกษา โดยแต่ละปีมีผู้เข้าเรียนปีละ 4 แสนคนแต่ สกอ.มีข้อมูลเฉพาะผู้ที่สมัครผ่านระบบการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในระบบกลาง หรือ แอดมิชชันกลาง ประมาณ 1 แสนคนเท่านั้น แต่อีก 3 แสนคนที่เข้าผ่านระบบรับตรงกลับไม่มีข้อมูลทั้งไม่รู้ด้วยว่ามหาวิทยาลัยเปิดรับตรงเมื่อไร จำนวนเท่าไรและสอบกี่รอบ ซึ่งยืนยันว่าต้องการให้นักเรียนมีโอกาสหลากหลายเข้าเรียน แต่ต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไปและเดินทางน้อยที่สุด อีกทั้งมหาวิทยาลัยต้องทบทวนตนเองในการรับนักศึกษา เพราะเวลานี้โครงสร้างประชากรวัยเรียนระดับปริญญาลดน้อยลง
** คุมเข้มวิทยานิพนธ์ ป.โท-เอก
เลขาฯกกอ. กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องบัณฑิตศึกษานั้น จากนี้ สกอ.จะเข้ามาดูแลหามาตรการที่เข้มข้นในการวัดประเมินบัณฑิต ป.โท-เอก โดยเฉพาะปัญหาการคัดเลือกวิทยานิพนธ์ซึ่ง สกอ.จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางที่จะรวบรวมฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์เพื่อให้มหาวิทยาลัยมาตรวจสอบก่อนการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ และเมื่อวิทยานิพนธ์พิมพ์ออกเป็นรูปเล่มแล้ว หากพบว่ามีการคัดลอกก็จะแบล็กลิสต์ หรือขึ้นบัญชีดำอาจารย์ที่ปรึกษา และประกาศให้สาธารณะชนทราบด้วย สำหรับระดับปริญญาเอก การสอบเพื่อปกป้องวิทยานิพนธ์ จะเพิ่มมาตรการโดยใช้วิธีเหมือนต่างประเทศซึ่งเปิดสอบแบบสาธารณะ โดยให้นักวิชาการด้านต่างๆ จากมหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมทั้งผู้สนใจทั่วไป เข้ารับฟังการสอบด้วย ซึ่งนักศึกษาหากไม่เก่งจริงก็จะสอบผ่านลำบาก เพื่อให้ผู้จบปริญญาเอก มีคำว่า ดร. นำหน้าเป็นที่ยอมรับในสังคม
“เร็วๆนี้ ผมจะเชิญมหาวิทยาลัยที่มีเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกวิทยานิพนธ์ ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า มาประชุมเพื่อหามาตรการร่วมกันในการป้องกันการคัดลอกวิทยานิพนธ์ได้อย่างไรบ้าง” รศ.นพ.กำจร กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องธรรมาภิบาล เนื่องจากเกิดปัญหาในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ซึ่งหากมี พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ก็จะมีอำนาจเข้าไปดูแล ซึ่งก็จะเข้าไปกำกับดูแลเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีปัญหาเท่านั้น แต่ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ.. อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกอ.