xs
xsm
sm
md
lg

จี้กทพ.เลิกสัญญาทาส ทางด่วนศรีรัช-วงแหวน แฉโขก15บาททุก5ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สหภาพฯกทพ.ยื่น”ประจิน”ขอให้ตรวจสอบและทบทวนสัญญาสัมปทานทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ ใหม่ ชี้รัฐสุดเสียเปรียบประชาชนต้องจ่ายค่าทางด่วนแพง เขียนสัญญาตลอด 30 ปี เอกชนได้รับผลประโยชน์ฝ่ายเดียว ทั้งที่รัฐจ่ายค่าเวนคืนเกือบหมื่นล้าน โขกค่าผ่านทางขึ้นปีละ 15 บาททุกๆ 5 ปี วอน คสช.ตั้งบอร์ดการทางฯใหม่โดยเร็ว ยก “สร้อยทิพย์” เหมาะสมนั่งหัวโต๊ะ

วานนี้ (17 ก.ค.) นายลาภดี กลยนีย์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ทางสหภาพฯ กทพ.ได้ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบและทบทวนสัญญาสัมปทานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อวันที่ 14 ก.ย.55 กทพ.ได้ลงนามในสัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้าง บริหารจัดการ ให้บริการและบำรุงรักษา โครงการพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ กับ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน โดย BECL เป็นผู้ลงทุนค่าก่อสร้างมูลค่า 17,137 ล้านบาท ส่วนภาครัฐลงทุนค่าเวนคืนที่ดินมูลค่า 9,564 ล้านบาท

“จากการตรวจสอบสัญญาพบว่า เงื่อนไขในสัญญาทำให้ภาครัฐเป็นฝ่ายเสียเปรียบเอกชนอย่างมากและส่งผลกระทบทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าผ่านทางสูงโดยไม่เป็นธรรมตลอดอายุสัมปทาน 30 ปี” นายลาภดี ระบุ

นายลาภดี อธิบายต่อว่า ในสัญญาข้อ 11.2 กำหนดอัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษเมื่อเปิดใช้ ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว คือ อัตรา 50 บาท (รถ 4 ล้อ) อัตรา 80 บาท (รถ 6-10 ล้อ) และอัตรา 115 บาท (รถมากกว่า 10 ล้อ) สัญญาข้อ 11.4 เรื่องการปรับอัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษนั้น พบว่า ตามสัญญาสัมปทานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทางด่วนขั้นที่ 2 หรือทางด่วนศรีรัช การปรับอัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษ ผู้รับสัมปทานจะกำหนดว่าไว้ว่า ให้มีการปรับเพิ่มทุก 5 ปี ในราคา 10 บาท ประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษยังรับไม่ได้ แต่ในสัญญาสัมปทานศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ ฉบับนี้ กำหนดให้มีการปรับเพิ่มขึ้นทุกระยะเวลา 5 ปี ในอัตรา 15 บาท , 25 บาทและ 35 บาท (รถ 4 ล้อ, 6-10 ล้อและ มากกว่า 10 ล้อตามลำดับ) โดยเอกชนเป็นมีสิทธิได้รับค่าผ่านทางฝ่ายเดียวตลอดระยะเวลาสัมปทาน

“สัญญาสัมปทานนี้ลงนามสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและมีนายอัยยณัฐ ถินอภัย เป็นผู้ว่าฯกทพ. ซึ่งเคยมีการท้วงติงแล้วและบอร์ด กทพ.ในขณะนั้นได้ให้ กทพ.ไปหารือกับกฤษฎีกา เนื่องจากมีการตีความว่าการลงนามสัญญาโดยเอกชนเป็นผู้ก่อสร้าง และได้สัมปทานอายุ 30 ปี นั้นไม่ถูกต้อง แต่ผู้บริหาร กทพ.ไม่ได้ดำเนินการใดๆ โดยเร่งรัดเดินหน้าลงนามสัญญา” นายลาภดี กล่าว

นายลาภดี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การกำหนดเรื่องปรับค่าผ่านทาง ยังไม่ตรงกับผลศึกษาที่ กทพ.ได้ว่าจ้างทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาซึ่งพบว่าการปรับค่าผ่านทางทุก 5 ปี ควรอยู่ที่อัตรา 5 บาทกว่า ซึ่งตามหลัก กทพ.จะใช้การปัดเศษลงเป็น 5 บาท โดยปีที่1-5 จัดเก็บที่ 50 บาท (รถ 4 ล้อ) ปีที่ 6-10 ปรับขึ้น เป็น 55 บาท ปีที่ 11-15 ปรับเป็น 60 บาท เป็นต้น จึงขอให้ทาง คสช.จรวจสอบและพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่เป็นสมบัติของประชาชนและประเทศชาติ

“เรื่องนี้มีความชัดเจนว่า รัฐเสียเปรียบส่วนประชาชนผู้ใช้ทางด่วนต้องจ่ายค่าผ่านทางแพง เชื่อว่า ทางคสช.จะพิจารณาและให้ทบทวนเงื่อนไขสัญญาสัมปทานใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการท้วงติงแต่ผู้เกี่ยวข้องไม่สนใจ” นายลาภดี กล่าว

ประธานสหภาพ กทพ.กล่าวด้วยว่า สำหรับสัญญาสัมปทานทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ ระหว่าง กทพ.กับ BECL นั้น กทพ.ได้ตกลงให้สิทธิแก่ BECL แต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่วันที่ กทพ.กำหนดให้เริ่มงานจนสิ้นสุดสุดระยะเวลาสัมปทาน โดย BECL เป็นผู้ออกแบบ-ก่อสร้าง จัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ระบบควบคุมการเก็บเงินค่าผ่านทาง ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการจราจรและระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการ เรียกเก็บค่าผ่านทาง ให้บริการบำรุงรักษาทางและระบบ ฯลฯ ส่วนกทพ.จะเป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับใช้ในการก่อสร้าง และดำเนินงาน และยินยอมให้ BECL มีสิทธิในรายได้ค่าผ่านทางและรายได้อื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดระยะเวลาสัมปทาน โดยกทพ.จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนก็ต่อเมื่อ ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR ) ในปีใดเกินกว่า 13.5 % แต่ไม่เกิน 15.5% BECL จะแบ่งผลประโยชน์ในปีนั้นให้ กทพ.อัตรา 30% ของกระแสเงินสดสุทธิส่วนที่ให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า 13.5% ดังกล่าว และหาก BECL ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในปีใดเกินกว่า 15.5% จะแบ่งผลประโยชน์ในปีนั้นให้ กทพ. 50% ของส่วนเกิน 15.5%

“นอกจากนี้ยังต้องการให้ทาง คสช.แต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. ชุดใหม่โดยเร็ว โดยเสนอขอให้ตั้ง นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานบอร์ด กทพ. เนื่องจากเคยเป็นประธานบอร์ด กทพ.มาก่อน จะเข้าใจปัญหาและขับเคลื่อนการทำงานของ กทพ.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายลาภดี กล่าวในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น