xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดบีโอไอจ่อเคาะลงทุนแสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “บีโอไอ” ชง 15 โครงการ มูลค่าเฉียดแสนล้านล้าน โรงไฟฟ้า-อีโคคาร์ 2 เข้าบอร์ใหญ่ที่มี”ประยุทธ์”เป็นประธาน 18 ก.ค.นี้ มั่นใจสางโครงการค้างท่อ 7.6 แสนล้านได้ภายใน 3 เดือน เผยยอดขารับการส่งเสริมฯ 6 เดือน 3.37 แสนล้านบาทสัญญาณเริ่มฟื้นตัว ยอดธุรกิจตั้งใหม่เดือนมิ.ย.ลดลง 10% เหตุคุมเข้มจดทะเบียนค้าสลาก เผยแนวโน้มยอดจดตั้งใหม่ช่วงครึ่งปีหลังพุ่งแน่ หลังการเมืองนิ่ง ประชาชนมั่นใจเศรษฐกิจฟื้นตามนโยบายกระตุ้นของ คสช. คาดยอดทั้งปี 6.5 หมื่นราย
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 ก.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครั้งที่ 2 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน โดยจะนำคำขอรับการส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งผ่านการกลั่นกรองจากคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการแล้วประมาณ 12-15โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท เช่น โครงการสร้างโรงไฟฟ้า , ชิ้นส่วนยานยนต์ , โครงการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ระยะ 2 ให้ที่ประชุมพิจารณา
ทั้งนี้คาดว่าหลังจากประชุมอนุมัติโครงการวันที่ 18 ก.ค.นี้แล้ว จะมีมูลค่าโครงการประมาณ 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของโครงการค้างท่อทั้งหมด 7.6 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถพิจารณาโครงการทั้งหมดได้ภายใน 3 เดือน ส่วนเป้าหมายการขอรับการลงทุนในปีนี้มูลค่า 7 แสนล้านบาท ขณะนี้ได้มียอดการขอรับการส่งเสริมแล้วประมาณ 3.3 แสนล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะถึงตามเป้าหมายแน่นอน
สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม-มิถุนายน 2557) ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 534 โครงการ เงินลงทุนรวม 337,400 ล้านบาท โดยโครงการปรับลดลง 34.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 967 โครงการ ด้านเงินลงทุนปรับลดลง 43.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 599,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเดือนมิ.ย. 57 มียอดขอรับส่งเสริม 132 โครงการ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 6 เดือนจึงเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าครึ่งปีหลังลงทุนจะฟื้นตัวซึ่งมั่นใจว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 700,000 ล้านบาท
สำหรับกิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยกลุ่มที่ได้รับความสนใจสูงสุด อยู่ในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่งได้รับความสนใจสูงสุด จำนวน 143 โครงการ เงินลงทุน 164,500 ล้านบาท รองมาเป็น กิจการบริการและสาธารณูปโภค 198 โครงการ เงินลงทุน 92,900 ล้านบาท กิจการเคมี กระดาษ และพลาสติก 56 โครงการ เงินลงทุน 30,300 ล้านบาท กลุ่มกิจการเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร 87 โครงการ เงินลงทุน 18,700 ล้านบาท เป็นต้น
ด้านการยื่นขอรับส่งเสริมทางตรงจากต่างประเทศ (FDI : Foreign direct investment) พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในเดือนมิถุนายน มียื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 82 โครงการ สูงขึ้นกว่าเดือนพฤษภาคมที่มีจำนวน 73 โครงการ และเดือนเมษายนที่มีจำนวน 69 โครงการ ส่วนครึ่งปีแรก มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 407 โครงการ เงินลงทุนรวม 239,099 ล้านบาท โดยโครงการลดลง 34
%เมื่อเทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 619 โครงการ เงินลงทุนลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินลงทุน 278,596 ล้านบาท
*****คาดตั้งบริษัทใหม่ครึ่งปีหลังพุ่ง

น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลประเทศเดือนมิ.ย.2557 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทจำนวน 5,199 ราย ลดลง 10% เทียบกับมิ.ย.2556 แต่เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.2557 โดยทุนจดทะเบียนมีมูลค่า 1.76 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลทั่วประเทศช่วง 6 เดือน 2557 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 2.94 หมื่นราย ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับการจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลเดือนมิ.ย.2557 มีจำนวน 1,286 ราย เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับมิ.ย.2556 และเพิ่มขึ้น 54% เทียบกับเดือนพ.ค.2557 โดยมีทุนจดทะเบียนเลิกมูลค่า 5,874 ล้านบาท ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกช่วง 6 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 5,850 ราย เพิ่มขึ้น 9%

สาเหตุที่ทำให้มีผู้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ลดลง เนื่องจากความเข้มงวดในการจดทะเบียนธุรกิจค้าสลาก ทำให้ในเดือนมิ.ย. มีธุรกิจจัดตั้งค้าสลากเพียง 1 ราย เทียบกับเดือนเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มีสูงถึง 817 ราย เช่นเดียวกับในช่วงครึ่งปีแรกที่มีการจัดตั้งธุรกิจค้าสลาก รวมเพียง 7 ราย จากครึ่งปีแรกของปี 2556 ที่มีถึง 5,000 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น