xs
xsm
sm
md
lg

กรรมชี้เจตนา...ทุกยุค

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจบริหารจัดการประเทศ ได้เร่งเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะการโยกย้ายข้าราชการ ประสานงานความสมานฉันท์ปรองดองให้ทุกฝ่ายลืมความขัดแย้งทางความคิด การเมือง แบ่งสีแบ่งฝ่าย เรียกบุคคลผู้มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มสมุนรับใช้ขี้ข้าบักเหลี่ยมไปเข้าค่ายปรับแนวคิด

หลังจากนั้น บุคคลต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้อย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์ ส่วนความคิดจิตใจจะเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่นั้นไม่มีใครมีเครื่องวัดให้รู้แน่ชัด ต้องรอการ พิสูจน์โดยกาลเวลา และความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งรอบหน้า

อีก 1 ปี หรือเร็วกว่า นานกว่านั้นเล็กน้อยก็จะรู้ว่าบรรดากลุ่มแกนนำเสื้อแดงที่ยังเก็บตัวเงียบจะออกลายเดิม เปิดตัวเป็นเครื่องมือของขบวนการบักเหลี่ยมอีกหรือไม่ จะให้ประชาชนเชื่อว่าพวกนี้ยอมกลับเนื้อกลับตัวทั้งกายและใจเต็มที่นั้น เป็นเรื่องยาก

คนเคยกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง จะให้ยอมรับสภาพใหม่ง่ายๆ ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาสังคมยังเห็นว่าเงินของบักเหลี่ยมนั้นทรงอิทธิพลมากแค่ไหน ใครๆ ที่อ้างว่าแน่ เก่ง มีพลัง ยังยอมสยบต่ออำนาจเงินของบักเหลี่ยม เลิกรักชาติมารักเงินชั่ว

ทุกวันนี้บักเหลี่ยมยังเดินเอ้อระเหย โฉบไปเฉี่ยวมาในต่างประเทศ ไร้กังวลว่าจะมีใครออกหมายจับ ตามไล่ล่า หนังสือเดินทางของไทยยังอยู่ในกระเป๋าใช้เป็นใบเบิกทางเดินเข้าทุกประเทศทั่วโลก เป็นอีกมิติของมหัศจรรย์ มีคำถามแต่ไม่มีใครตอบว่า “ทำไม”

ฉะนั้น การตีฆ้องร้องป่าวว่าจะปฏิรูปนั่นนี่โน่น สภาปฏิรูป สภาอะไรก็สุดแล้วแต่ ที่จะเกิดอีกใน 2-3 เดือนจากนี้ไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะให้คนเชื่อได้ว่าเป็นเครื่องมือนำไปสู่ความสุขสันติภาพถาวร เป็นยาเปลี่ยนนิสัยคนได้สำเร็จ ก็คงยากเช่นกัน

เพียงแค่ “คืนความสุขของคนในชาติ” ยังโดนแซวว่า “คืนความสุขให้คนชินวัตร” เพราะไม่มีการทำอะไรให้เห็นว่าความชั่วร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยเครือข่ายชั่วร้ายใต้อำนาจเงินของบักเหลี่ยมถูกขุดรากถอนโคน ยังอยู่สุขเสรี มีเงินใช้ไร้ทุกข์กังวล

คนส่วนใหญ่กลับเชื่อว่าถ้าแนวโน้มเป็นเช่นนี้ต่อไป เลือกตั้งครั้งหน้าขบวนการบักเหลี่ยมต้องเดินหน้าใช้เงินทุนมหาศาล เครือข่ายเจ้าหน้าที่ทุกระดับเปิดทางเข้าสู่สภาฯ กุมอำนาจรัฐอีกแน่ ถูกต้องตามกติกาของการเมืองยุคปฏิรูปโดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง

เงินคือแก้วสารพัดนึก ใช้เปิดประตูทุกบาน ปิดหูปิดตาคนต้องการปัจจัยสำคัญนี้ ลืมชาติลืมบ้านเมือง เปลี่ยนคนดีผิวเผินให้เป็นคนขายชาติ ลืมภารกิจของตัวเอง ทั้งยังพิสูจน์คำพูดที่ว่า “ความรักชาติเป็นข้ออ้างสุดท้ายของคนโกง” ตามที่ฝรั่งว่าอีกด้วย

กำนันสุเทพและเครือข่ายประชาชนหลายล้านคนยอมตากแดดตากฝน เสี่ยงตายจากกระสุน ระเบิด การปองร้ายสารพัดจากเครือข่ายสมุนบักเหลี่ยมนานหลายเดือน เรียกร้องให้ขุดรากถอนโคนเครือข่ายชั่วร้ายใกล้สำเร็จแล้ว ทุกวันนี้ได้แต่มองตาปริบๆ

สื่อหลายองค์กร มีพนักงานประจำ ต้องรับภาระผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เลี้ยงดูบุพการี คนที่ต้องดูแลรับผิดชอบซึ่งมีทั้งพวกร่างกายปกติ และทุพพลภาพ อยู่ในสภาวะลำบากยิ่ง ถ้าเป็นองค์กรมีเงินทุนหนา สายป่านยาว อึดทนรอการอนุมัติได้หลายเดือนคงไม่กระไร

ถูกกระทำเยี่ยงนี้ ย่อมทำให้เกิดคำถามว่าเป็นความเลือดเย็นอำมหิตเกินไปหรือไม่ ก็ไหนบอกว่าอยากให้มีการปรองดอง สมานฉันท์ ทำไมสื่อบางองค์กรถูกตราหน้าว่าเป็นตัวการความขัดแย้ง ต้องถูกปิดปาก ทำให้สงสัยว่ามีความน่ากลัวอย่างไร

คนดีหลายสิบล้านคนต้องยอมกล้ำกลืนฝืนทน ไม่กล้าแม้แต่จะยกมือเปิดปากถาม เพราะความเกรงใจว่าจะกระเทือนวัตถุประสงค์เป้าหมายของการปรองดอง อย่างมากทำได้แค่ซุบซิบในกลุ่มคนมีจิตสำนึกเดียวกัน แลกเปลี่ยนความเห็นผ่านสื่อออนไลน์

ก็ยังมีคำสั่งห้ามการชุมนุมพูดคุยกันทางการเมือง อย่าว่าแต่จับกลุ่มเคลื่อนไหว!

กำนันสุเทพจะจัดงานเลี้ยงหาเงินมาช่วยเหลือเหยื่อการลอบฆ่า ก็ยังทำไม่ได้! งานเลี้ยงเตรียมไว้ก็ต้องเลิกรากะทันหัน มวลมหาประชาชนหลายกลุ่ม คนมองโลกในแง่ดียังทำใจรอดูอยู่ว่าการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง สละทั้งเวลา จิตใจ ยอมบริจาคเงิน ทรัพย์สิน ปัจจัยกว่าพันล้านบาทในการรณรงค์นั้นจะสูญเปล่าหรือไม่

การตายของเหยื่อความโหดกว่า 25 คน บาดเจ็บกว่า 800 คน ไร้ค่าหรืออย่างไร! คณะผู้รักษาความสงบฯ ต้องแสดงท่าทีเจตนาให้เป็นที่ประจักษ์ แทนการป่าวร้องเรื่องความปรองดองผิวเผินไร้ราก ซึ่งคนดีเชื่อเสมอว่า “งาช้างย่อมไม่งอกออกจากปากสุนัข”

และสุนัขรับใช้ของบักเหลี่ยมยังประสานเสียงเห่าหอนอยู่ต่างประเทศต่อเนื่อง แม้ตัวการใหญ่ทั้งในและนอกประเทศทำเป็นนิ่งกบดานเงียบ ปล่อยให้พลังเงินชั่วทำหน้าที่สั่งผีโม่แป้งสัญชาติไทย ฝรั่งหิวเงินให้ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ คนดีได้แต่มองอย่างงงๆ

คำถามว่า “ทำไมไม่เพิกถอนหนังสือเดินทาง” จำกัดการเคลื่อนไหวของสุนัขรับใช้คนชั่วเหล่านี้ ยังไร้คำตอบ ทั้งๆ เป็นเรื่องง่ายดายกว่าการประโคมข่าวการไล่จับกุมตัวพวกไร้ราคาเช่น “ตั้งอาชีวะ” “อั้มเนโกะ” นี่ก็เป็นเรื่องของ “กรรมชี้เจตนา” อีกเช่นเคย

เอาเถอะ เมื่อยังไม่มีคำตอบ ประชาชนคงไม่คาดคั้น ยังมีหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมองโลกสวยหรือมองโลกในแง่ดีจนน่าสมเพชยังเต็มใจรอ เพราะมีคำชี้ชวนว่าใจเย็น รอดูผลงานก่อน เพราะเพิ่งผ่านไปเดือนกว่าเท่านั้นเอง ของเน่าหมักหมมมีเยอะ

ถ้าผู้มีอำนาจได้ทำอะไรเข้าเป้าเด็ดขาด ตรงใจประชาชน คงไม่มีคำถาม ถ้ายังค้างประเด็นกำกวม ท่าทีอันควรแก่การสงสัย จะมีคำถามมากดังกว่าเดิม กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา อย่าให้ไม้ไผ่กลายเป็นบ้องกัญชา อย่าเห็นคนดีเป็นศัตรูก็แล้วกัน จะลำบากแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น