ตอนนี้คนไทยกลุ่มหนึ่งกำลังหลงใหลได้ปลื้มกับการใช้อำนาจของ คสช.ในการจัดระเบียบสังคมไทย ไม่มีใครใส่ใจว่าเป็นอำนาจมาจากปากกระบอกปืนหรือสิทธิของตัวเองที่ถูกลิดรอนลงไป ด้านหนึ่งเพราะคนไทยคงตระหนักต่อความชั่วร้ายของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ด้านหนึ่งคงเห็นว่าทหารทำให้ความวุ่นวายในบ้านเมืองที่เป็นมาหลายปีสงบลงไป
และผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนหนึ่งปลื้มกับทหารเพราะเชื่อว่า ทหารที่ออกมารัฐประหารรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นฝ่ายที่ต้องการทำลายระบอบทักษิณ ความเชื่อนี้มีอยู่จริงแน่แท้โดยเฉพาะกับคนที่ออกมาร่วมต่อสู้กับกำนันสุเทพ และเมื่อกำนันออกมาเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณมาตั้งแต่ปี 2553 แม้พล.อ.ประยุทธ์จะไม่พอใจข่าวนี้และออกมาปฏิเสธแต่ก็ยิ่งทำให้คนที่ชื่นชมอยู่แล้วชื่นชมและมั่นใจยิ่งขึ้นว่า พล.อ.ประยุทธ์คงจะต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณจริงๆ
ฟังดูก็ไม่แปลกหรอกครับในเมื่อปี 2553 กำนันสุเทพยังเป็นรองนายกฯดูแลความมั่นคงฯ แต่ความจริงที่จับใจความได้จากปากคำของกำนันสุเทพก็คือ มีการติดต่อสื่อสารกันมาตลอดแม้ระหว่างที่ออกมานำมวลชนบนท้องถนนแล้ว
แต่หลายคนก็บอกว่า การพูดคุยสื่อสารกันของกำนันสุเทพกับพล.อ.ประยุทธ์เพื่อจัดการกับระบอบทักษิณก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ในเมื่อการกำจัดระบอบทักษิณเป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่แล้ว
คนส่วนหนึ่งพอใจจนไม่ตั้งคำถามด้วยซ้ำไปว่า เมื่อกำนันมีการติดต่อกับพล.อ.ประยุทธ์ตลอดเวลา กระทั่งก่อนวันประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ยังสื่อสารมาว่า “คุณสุเทพ คุณกับมวลมหาประชาชน กปปส.เหนื่อยมามากแล้ว จากนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพบกในการเข้ามาดูแลแทนเอง” แล้วทำไมกว่าจะถึงจุด “หมดความอดทน” พล.อ.ประยุทธ์ถึงปล่อยให้สถานการณ์การชุมนุมลากยาวออกไปจนบ้านเมืองบอบช้ำ
แล้วใช่หรือไม่ว่า เมื่อรู้กันมาตลอด การขยับหมากแต่ละครั้งของกำนันในการเคลื่อนมวลชนนั้นก็เพื่อเดินไปสู่จุดที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้สุกงอมเพื่อให้ทหารออกมา แต่กว่าทหารจะออกมาตามคำนัดหมายก็ใช้เวลาไปถึง 6-7 เดือน มีคนตายไป 20 กว่าศพ และบาดเจ็บกว่า 800 คน
อยากรู้เหมือนกันว่าจากศพแรกมาถึงศพที่สองที่สามที่สี่และต่อๆ ไปในตอนนั้นพล.อ.ประยุทธ์คิดอะไรอยู่
หลายครั้งเมื่อกำนันสุเทพขยับมวลชนถ้าย้อนไปเราจะเห็นว่า กำนันเหมือนรอคอยเป้าหมายอะไรสักอย่าง และบางครั้งก็แสดงท่าทีออกมาเหมือนหงุดหงิดที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง คนออกมาเป็นล้านๆ ก็แล้ว ความรุนแรงเกิดขึ้นจนมีคนเจ็บตายก็แล้ว ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับกำนันสุเทพอยู่แล้วอย่างที่เล่ามาตั้งแต่ต้น ก็ต้องถือว่า ความอดทนของพล.อ.ประยุทธ์นั้นสูงมาก เมื่อนับจากจำนวนคนเจ็บและตายศพแล้วศพเล่า
นี่พูดจากพื้นฐานที่กำนันสุเทพบอกเล่าผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์ว่ารู้กันกับพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด
แน่นอนเมื่อมีข่าวพล.อ.ประยุทธ์ก็ออกมาปฏิเสธ แต่พอมีหางเสียงต่อว่า กำนันออกมาพูดทำไมทำให้เสียบรรยากาศ ก็ยิ่งทำให้เชื่อว่าสิ่งที่กำนันพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าจะถามว่า กำนันสุเทพออกมาพูดเรื่องนี้ทำไม ถามผมจะผิดหรือถูกไม่รู้ แต่ผมคิดว่า กำนันต้องการตอกย้ำให้พล.อ.ประยุทธ์ทำตามพันธสัญญาว่า จะต้องกำจัดระบอบทักษิณตามที่คุยกันไว้
ผมว่าอาจเป็นเพราะกำนันสุเทพก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า หุ้นส่วนทางความคิดในการจัดการระบอบทักษิณของเขานั้น จะมีเป้าหมายที่จะจัดการกับระบอบทักษิณจริงๆ หรือไม่ เพราะถึงวันนี้ยังไม่เห็นว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะส่งแรงสะเทือนไปถึงระบอบทักษิณและตัวทักษิณเลย
แต่บางคนก็ยังให้โอกาส เพราะเห็นว่า การรัฐประหารเพิ่งจะผ่านมาหนึ่งเดือน และตอนนี้สิ่งที่คณะรัฐประหารกำลังปัดกวาด เช่น การจับอาวุธ การจัดการกับมาเฟียคุมวินจักรยาน มาเฟียสนามบิน จับบ่อน จัดระเบียบรถตู้ จัดการพวกตัดไม้ทำลายป่า แก้หวยเกินราคา ฯลฯ กำลังเป็นภาระที่เร่งด่วนที่ถูกใจคน โดยลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้เป็นภาระหน้าที่ของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่จะต้องจัดการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะรัฐประหารหรือไม่ก็ตาม
ประชาชนที่เชื่อว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะจัดการกับระบอบทักษิณจึงยังคงให้เวลาและโอกาสอยู่แบบยังมีความหวังต่อตัวของพล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มเปี่ยม
ตอนนี้ความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์กำลังพุ่งสูงหลายคนคาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอย่างแน่นอน เมื่อเห็นคำสั่งแต่งตั้งให้ตัวเองและคณะรัฐประหารเข้าไปเป็นกรรมการชุดต่างๆ โดยมีความคาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะจัดการกับระบอบทักษิณ
แต่คำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์สื่อสารกับกำนันฝ่ายเดียวหรือ หลายคนตั้งคำถามเมื่อมองไปที่ทักษิณและวงศ์วานเครือข่ายของระบอบทักษิณว่า ทำไมถึงนิ่งเงียบผิดปกติ ไม่หือไม่ฮือเลยแม้แต่น้อย หรือทักษิณได้รับสัญญาณอะไรจากการรัฐประหารครั้งนี้หรือเห็นว่า การรัฐประหารไม่ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงพวกเขาเลย ช่วงนี้ก็นิ่งเงียบเสียรอคอยโอกาส เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็กลับมาอีก
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันนั้น กว่าประชาชนจะรู้ตัวว่า รัฐประหารไม่ได้พุ่งเป้าที่จะจัดการกับระบอบทักษิณอย่างจริงจัง เราก็คงมีนอมินีคนใหม่ของทักษิณหรืออาจเป็นยิ่งลักษณ์คนเก่ากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งแล้วก็เป็นได้ และถึงตอนนั้นก็คงได้แต่แบะๆ อ้างว่ามาจากการตัดสินใจของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เพราะในระหว่างที่เรายอมเสียสละสิทธิต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองเปลี่ยนผ่านนี้ คสช.ไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนต่อมหันตภัยของระบอบทักษิณเลย
ถึงวันนั้นวัฏจักรเดิมๆ ก็หวนกลับมาอีก ประชาชนคงต้องออกมาขับไล่ระบอบทักษิณกันอีกรอบ
บทเรียนนี้เคยมีมาแล้วในยุคสมัยของบิ๊กบังและรัฐบาลสุรยุทธ์ที่สุดท้ายแล้วระบอบทักษิณก็กลับมาทำร้ายทำลายบ้านเมืองอีกโดยอ้างความชอบธรรมว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน
เพราะดูบรรยากาศแล้วถึงวันนี้การออกมาเรียกร้องให้คณะรัฐประหารจัดการกับระบอบทักษิณหรือตัวทักษิณ เอาจริงเอาจังกับการจัดการคอร์รัปชันในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อาจจะถูกมองว่า เป็นการทำลายบรรยากาศการปรองดองด้วยซ้ำไปขนาดที่ คสช.เคยออกมาเตือนเสธ.น้ำเงินมาแล้ว
เดิมเราอาจจะไปคาดหวังเอาเองว่า พล.อ.ประยุทธ์จะจัดการกับระบอบทักษิณ แต่หลังจากกำนันออกมาพูดกับผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์เราก็รู้เพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์เองก็รู้ถึงภัยของระบอบทักษิณ
ส่วนจะจัดการกับระบอบทักษิณหรือไม่ ระยะเวลาที่ คสช.ประกาศว่าจะอยู่ในอำนาจหนึ่งปีกว่าๆ นี้ต่างหากที่จะเป็นคำตอบ ถ้าไม่ ระบอบทักษิณจะกลับมาอีกแน่นอน
และผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนหนึ่งปลื้มกับทหารเพราะเชื่อว่า ทหารที่ออกมารัฐประหารรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นฝ่ายที่ต้องการทำลายระบอบทักษิณ ความเชื่อนี้มีอยู่จริงแน่แท้โดยเฉพาะกับคนที่ออกมาร่วมต่อสู้กับกำนันสุเทพ และเมื่อกำนันออกมาเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณมาตั้งแต่ปี 2553 แม้พล.อ.ประยุทธ์จะไม่พอใจข่าวนี้และออกมาปฏิเสธแต่ก็ยิ่งทำให้คนที่ชื่นชมอยู่แล้วชื่นชมและมั่นใจยิ่งขึ้นว่า พล.อ.ประยุทธ์คงจะต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณจริงๆ
ฟังดูก็ไม่แปลกหรอกครับในเมื่อปี 2553 กำนันสุเทพยังเป็นรองนายกฯดูแลความมั่นคงฯ แต่ความจริงที่จับใจความได้จากปากคำของกำนันสุเทพก็คือ มีการติดต่อสื่อสารกันมาตลอดแม้ระหว่างที่ออกมานำมวลชนบนท้องถนนแล้ว
แต่หลายคนก็บอกว่า การพูดคุยสื่อสารกันของกำนันสุเทพกับพล.อ.ประยุทธ์เพื่อจัดการกับระบอบทักษิณก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ในเมื่อการกำจัดระบอบทักษิณเป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่แล้ว
คนส่วนหนึ่งพอใจจนไม่ตั้งคำถามด้วยซ้ำไปว่า เมื่อกำนันมีการติดต่อกับพล.อ.ประยุทธ์ตลอดเวลา กระทั่งก่อนวันประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ยังสื่อสารมาว่า “คุณสุเทพ คุณกับมวลมหาประชาชน กปปส.เหนื่อยมามากแล้ว จากนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพบกในการเข้ามาดูแลแทนเอง” แล้วทำไมกว่าจะถึงจุด “หมดความอดทน” พล.อ.ประยุทธ์ถึงปล่อยให้สถานการณ์การชุมนุมลากยาวออกไปจนบ้านเมืองบอบช้ำ
แล้วใช่หรือไม่ว่า เมื่อรู้กันมาตลอด การขยับหมากแต่ละครั้งของกำนันในการเคลื่อนมวลชนนั้นก็เพื่อเดินไปสู่จุดที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้สุกงอมเพื่อให้ทหารออกมา แต่กว่าทหารจะออกมาตามคำนัดหมายก็ใช้เวลาไปถึง 6-7 เดือน มีคนตายไป 20 กว่าศพ และบาดเจ็บกว่า 800 คน
อยากรู้เหมือนกันว่าจากศพแรกมาถึงศพที่สองที่สามที่สี่และต่อๆ ไปในตอนนั้นพล.อ.ประยุทธ์คิดอะไรอยู่
หลายครั้งเมื่อกำนันสุเทพขยับมวลชนถ้าย้อนไปเราจะเห็นว่า กำนันเหมือนรอคอยเป้าหมายอะไรสักอย่าง และบางครั้งก็แสดงท่าทีออกมาเหมือนหงุดหงิดที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง คนออกมาเป็นล้านๆ ก็แล้ว ความรุนแรงเกิดขึ้นจนมีคนเจ็บตายก็แล้ว ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับกำนันสุเทพอยู่แล้วอย่างที่เล่ามาตั้งแต่ต้น ก็ต้องถือว่า ความอดทนของพล.อ.ประยุทธ์นั้นสูงมาก เมื่อนับจากจำนวนคนเจ็บและตายศพแล้วศพเล่า
นี่พูดจากพื้นฐานที่กำนันสุเทพบอกเล่าผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์ว่ารู้กันกับพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด
แน่นอนเมื่อมีข่าวพล.อ.ประยุทธ์ก็ออกมาปฏิเสธ แต่พอมีหางเสียงต่อว่า กำนันออกมาพูดทำไมทำให้เสียบรรยากาศ ก็ยิ่งทำให้เชื่อว่าสิ่งที่กำนันพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าจะถามว่า กำนันสุเทพออกมาพูดเรื่องนี้ทำไม ถามผมจะผิดหรือถูกไม่รู้ แต่ผมคิดว่า กำนันต้องการตอกย้ำให้พล.อ.ประยุทธ์ทำตามพันธสัญญาว่า จะต้องกำจัดระบอบทักษิณตามที่คุยกันไว้
ผมว่าอาจเป็นเพราะกำนันสุเทพก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า หุ้นส่วนทางความคิดในการจัดการระบอบทักษิณของเขานั้น จะมีเป้าหมายที่จะจัดการกับระบอบทักษิณจริงๆ หรือไม่ เพราะถึงวันนี้ยังไม่เห็นว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะส่งแรงสะเทือนไปถึงระบอบทักษิณและตัวทักษิณเลย
แต่บางคนก็ยังให้โอกาส เพราะเห็นว่า การรัฐประหารเพิ่งจะผ่านมาหนึ่งเดือน และตอนนี้สิ่งที่คณะรัฐประหารกำลังปัดกวาด เช่น การจับอาวุธ การจัดการกับมาเฟียคุมวินจักรยาน มาเฟียสนามบิน จับบ่อน จัดระเบียบรถตู้ จัดการพวกตัดไม้ทำลายป่า แก้หวยเกินราคา ฯลฯ กำลังเป็นภาระที่เร่งด่วนที่ถูกใจคน โดยลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้เป็นภาระหน้าที่ของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่จะต้องจัดการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะรัฐประหารหรือไม่ก็ตาม
ประชาชนที่เชื่อว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะจัดการกับระบอบทักษิณจึงยังคงให้เวลาและโอกาสอยู่แบบยังมีความหวังต่อตัวของพล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มเปี่ยม
ตอนนี้ความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์กำลังพุ่งสูงหลายคนคาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอย่างแน่นอน เมื่อเห็นคำสั่งแต่งตั้งให้ตัวเองและคณะรัฐประหารเข้าไปเป็นกรรมการชุดต่างๆ โดยมีความคาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะจัดการกับระบอบทักษิณ
แต่คำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์สื่อสารกับกำนันฝ่ายเดียวหรือ หลายคนตั้งคำถามเมื่อมองไปที่ทักษิณและวงศ์วานเครือข่ายของระบอบทักษิณว่า ทำไมถึงนิ่งเงียบผิดปกติ ไม่หือไม่ฮือเลยแม้แต่น้อย หรือทักษิณได้รับสัญญาณอะไรจากการรัฐประหารครั้งนี้หรือเห็นว่า การรัฐประหารไม่ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงพวกเขาเลย ช่วงนี้ก็นิ่งเงียบเสียรอคอยโอกาส เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็กลับมาอีก
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันนั้น กว่าประชาชนจะรู้ตัวว่า รัฐประหารไม่ได้พุ่งเป้าที่จะจัดการกับระบอบทักษิณอย่างจริงจัง เราก็คงมีนอมินีคนใหม่ของทักษิณหรืออาจเป็นยิ่งลักษณ์คนเก่ากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งแล้วก็เป็นได้ และถึงตอนนั้นก็คงได้แต่แบะๆ อ้างว่ามาจากการตัดสินใจของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เพราะในระหว่างที่เรายอมเสียสละสิทธิต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองเปลี่ยนผ่านนี้ คสช.ไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนต่อมหันตภัยของระบอบทักษิณเลย
ถึงวันนั้นวัฏจักรเดิมๆ ก็หวนกลับมาอีก ประชาชนคงต้องออกมาขับไล่ระบอบทักษิณกันอีกรอบ
บทเรียนนี้เคยมีมาแล้วในยุคสมัยของบิ๊กบังและรัฐบาลสุรยุทธ์ที่สุดท้ายแล้วระบอบทักษิณก็กลับมาทำร้ายทำลายบ้านเมืองอีกโดยอ้างความชอบธรรมว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน
เพราะดูบรรยากาศแล้วถึงวันนี้การออกมาเรียกร้องให้คณะรัฐประหารจัดการกับระบอบทักษิณหรือตัวทักษิณ เอาจริงเอาจังกับการจัดการคอร์รัปชันในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อาจจะถูกมองว่า เป็นการทำลายบรรยากาศการปรองดองด้วยซ้ำไปขนาดที่ คสช.เคยออกมาเตือนเสธ.น้ำเงินมาแล้ว
เดิมเราอาจจะไปคาดหวังเอาเองว่า พล.อ.ประยุทธ์จะจัดการกับระบอบทักษิณ แต่หลังจากกำนันออกมาพูดกับผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์เราก็รู้เพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์เองก็รู้ถึงภัยของระบอบทักษิณ
ส่วนจะจัดการกับระบอบทักษิณหรือไม่ ระยะเวลาที่ คสช.ประกาศว่าจะอยู่ในอำนาจหนึ่งปีกว่าๆ นี้ต่างหากที่จะเป็นคำตอบ ถ้าไม่ ระบอบทักษิณจะกลับมาอีกแน่นอน