วานนี้ (29 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมค่ายประเสริฐสงคราม จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด นายวุฒิภัทร คงมั่น นายกสมาคมผู้ประกอบการรถตู้ภาคอีสาน นำตัวแทนสมาชิก30 คนจากทุกจังหวัดในภาคอีสาน เข้าพบ พล.ต.นคร สุขประสริฐ ผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบก(กกล.รส.จทบ.)ร้อยเอ็ด เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกนายหน้าเถื่อนข่มขู่ แสวงหาประโยชน์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเก็บเงิน ถูกจับกุมด้วยการตั้งข้อหาตามอำเภอใจ ไม่สามารถโต้แย้งได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ โดยมีผู้ประกอบการรถตู้ของสมาคมนับหมื่นคันได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงต้องการเข้าสู่ระบบขนส่งที่ถูกต้อง ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มกล่าวว่า พวกตนประกอบอาชีพสุจริต และพยายามที่จะทำให้ถูกกฎหมายมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เนื่องจากมีกระบวนการที่ไม่อยากให้พวกตนเข้าสู่ระบบหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น ผู้ประกอบการรถโดยสาร(รถทัวร์) ที่มีอิทธพลสูงในระบบขนส่ง กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังกินหัวคิว อ้างว่าจะคุ้มครองและประสานกับขนส่งและตำรวจ โดยเรียกร้องเงินจากพวกตนมาโดยตลอด โดยเรียกเก็บเงินซึ่งอ้างว่านำไปจ่ายให้เจ้าหน้าที่เดือนละ 4,000-7000 บาทต่อคัน
"ช่วงที่ คสช.เข้ามาจัดระเบียบ ยิ่งได้รับความเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมักถูกตำรวจเรียกปรับครั้งละ 2,000-3,000 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ จนพวกเราทนไม่ไหวแล้ว จึงมาพบเพื่อขอความช่วยเหลือให้มีโอกาสวิ่งรถอย่างถูกต้อง ไม่ต้องเป็นรถเถื่อนอีกต่อไป พวกเราพร้อมที่จะเสียเงินเข้าสู่ระบบของภาครัฐ มากว่าเสียให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและตำรวจอีกต่อไป"
พล.ต.นคร กล่าวว่า ยินดีที่จะเสนอคสช.เพื่อให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งจะเร่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และระหว่างนี้ขอให้สมาคมให้ความร่วมมือด้านความปลอดภัย ไม่เอาเปรียบผู้โดยสาร จัดระบบประกันภัย ใช้ความเร็วให้เป็นไปในกรอบของกฏหมาย และไม่นำกลุ่มพลังมวลชนไปสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองด้วย
ด้าน พ.อ.(พิเศษ) พิศาล นาคผจญ ผู้บัญชาการกกล.รส.มณฑลทหารบก (มทบ.) ที่ 31 จ.อุทัยธานี กล่าวว่า ได้สำรวจวินรถจักรยานยนต์ รถตู้ รถรับจ้าง ซึ่งพบว่ายังมีรถผิดกฎหมาย ผิดประเภทอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะรถตู้โดยสารสายอุทัยธานี-กรุงเทพฯ ซึ่งมีอยู่ท่ารถเดียว ผิดกฎหมายและผิดประเภทถึง 98 คัน จึงสั่งให้หยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ทางกกล.รส.มทบ.ที่ 31 จะร่วมกับขนส่งจังหวัด เปิดรับลงทะเบียนรถตู้ที่ผิดกฎหมาย ผิดประเภท ให้เป็นรถตู้โดยสารสาธารณะที่ถูกกฎหมาย และเดินรถได้ต่อไป และระหว่างที่รถตู้ผิดกฎหมายต้องหยุดวิ่ง ได้เตรียมรถบัสโดยสารที่ถูกกฎหมายมาให้บริการเสริม ในเส้นทางไปกลับอุทัยธานี-กรุงเทพฯ โดยขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอุทัยธานี ปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2 จนกว่ารถตู้โดยสารจะเข้าสู่ระบบถูกต้อง.
ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มกล่าวว่า พวกตนประกอบอาชีพสุจริต และพยายามที่จะทำให้ถูกกฎหมายมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เนื่องจากมีกระบวนการที่ไม่อยากให้พวกตนเข้าสู่ระบบหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น ผู้ประกอบการรถโดยสาร(รถทัวร์) ที่มีอิทธพลสูงในระบบขนส่ง กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังกินหัวคิว อ้างว่าจะคุ้มครองและประสานกับขนส่งและตำรวจ โดยเรียกร้องเงินจากพวกตนมาโดยตลอด โดยเรียกเก็บเงินซึ่งอ้างว่านำไปจ่ายให้เจ้าหน้าที่เดือนละ 4,000-7000 บาทต่อคัน
"ช่วงที่ คสช.เข้ามาจัดระเบียบ ยิ่งได้รับความเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมักถูกตำรวจเรียกปรับครั้งละ 2,000-3,000 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ จนพวกเราทนไม่ไหวแล้ว จึงมาพบเพื่อขอความช่วยเหลือให้มีโอกาสวิ่งรถอย่างถูกต้อง ไม่ต้องเป็นรถเถื่อนอีกต่อไป พวกเราพร้อมที่จะเสียเงินเข้าสู่ระบบของภาครัฐ มากว่าเสียให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและตำรวจอีกต่อไป"
พล.ต.นคร กล่าวว่า ยินดีที่จะเสนอคสช.เพื่อให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งจะเร่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และระหว่างนี้ขอให้สมาคมให้ความร่วมมือด้านความปลอดภัย ไม่เอาเปรียบผู้โดยสาร จัดระบบประกันภัย ใช้ความเร็วให้เป็นไปในกรอบของกฏหมาย และไม่นำกลุ่มพลังมวลชนไปสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองด้วย
ด้าน พ.อ.(พิเศษ) พิศาล นาคผจญ ผู้บัญชาการกกล.รส.มณฑลทหารบก (มทบ.) ที่ 31 จ.อุทัยธานี กล่าวว่า ได้สำรวจวินรถจักรยานยนต์ รถตู้ รถรับจ้าง ซึ่งพบว่ายังมีรถผิดกฎหมาย ผิดประเภทอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะรถตู้โดยสารสายอุทัยธานี-กรุงเทพฯ ซึ่งมีอยู่ท่ารถเดียว ผิดกฎหมายและผิดประเภทถึง 98 คัน จึงสั่งให้หยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ทางกกล.รส.มทบ.ที่ 31 จะร่วมกับขนส่งจังหวัด เปิดรับลงทะเบียนรถตู้ที่ผิดกฎหมาย ผิดประเภท ให้เป็นรถตู้โดยสารสาธารณะที่ถูกกฎหมาย และเดินรถได้ต่อไป และระหว่างที่รถตู้ผิดกฎหมายต้องหยุดวิ่ง ได้เตรียมรถบัสโดยสารที่ถูกกฎหมายมาให้บริการเสริม ในเส้นทางไปกลับอุทัยธานี-กรุงเทพฯ โดยขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอุทัยธานี ปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2 จนกว่ารถตู้โดยสารจะเข้าสู่ระบบถูกต้อง.