พล.ต.สมโภชน์ วังแก้ว ผบ.พล.ม. 2 รอ.เป็นประธานการประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจให้ผู้แทนส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ให้บริการรถตู้โดยสาร โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ บริษัท ขนส่ง จำกัด กรมทางหลวง กองบังคับการตำรวจจราจรสำนักงานเทศกิจ กทม.
ทั้งนี้ การเรียกประชุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่สั่งการว่าจะต้องไม่มีผู้มีอิทธิพลเก็บค่าหัวคิวผู้ประกอบการ ทำให้ผู้ประกอบการอ้างว่าจะต้องไปเก็บค่าโดยสารเพิ่ม โดยเน้นให้ประชาชนทั่วไปและผู้รับบริการได้ประโยชน์สำคัญได้รับบริการในราคาที่เหมาะสม มีความสะดวกปลอดภัยและการจราจรไม่ติดขัด รวมถึงนโยบายของ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่ย้ำว่าค่าโดยสารต้องเป็นธรรม การจอดรถทุกประเภทจะต้องไม่กีดขวางการจราจร ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามสภาพพื้นที่ที่รับผิดชอบ จัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้อง กรณีผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามระเบียบให้ถูกต้อง
ในที่ประชุมได้แบ่งแนวทางการปฏิบัติแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จัดระเบียบที่จอดรถ จัดทำป้ายบอกราคา ปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่ เช่น การแต่งกาย มารยาท บัตรแสดงตนใบอนุญาตถูกต้อง สภาพรถ ค่าโดยสาร รวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพล จัดทำข้อมูลวินโดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิถุนายน ระยะที่ 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบให้มีการลงทะเบียนสอบประวัติและร่วมพิจารณาจำนวนวิน จำนวนรถตู้ ที่มีความเหมาะสมภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจัดให้มีมาตรฐานการบริการในลักษณะเป็นส่วนย่อยของ บขส.โดยต้องมีสถานที่ขายตั๋ว ที่พักผู้โดยสาร ห้องน้ำ และไม่จอดรถกีดขวางการจราจรปรับบริเวณพื้นที่จุดรับส่งให้เป็นระเบียบ ปรับเส้นทาง จดทะเบียนให้ถูกต้อง ปรับปรุงมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม
ส่วนระยะที่ 3 เป็นขั้นตอนการดำเนินการแก้ไขผลกระทบที่ยั่งยืน ได้แก่ การติดตามประเมินผลความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ แก้ไขข้อกำหนดและกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการจัดระเบียบให้หน่วยทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ ประสานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานผลการดำเนินงานให้ พล.ม.2 รอ.รับทราบ เพื่อรายงานกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยต่อไป รวมถึงการจดทะเบียนใหม่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างโปร่งใส ทหารต้องไม่เข้าไปมีอิทธิพลเอง เพราะเป็นเพียงแค่ผู้ประสานงานให้ทุกส่วนเร่งรัดดำเนินการเท่านั้น
ทั้งนี้ การเรียกประชุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่สั่งการว่าจะต้องไม่มีผู้มีอิทธิพลเก็บค่าหัวคิวผู้ประกอบการ ทำให้ผู้ประกอบการอ้างว่าจะต้องไปเก็บค่าโดยสารเพิ่ม โดยเน้นให้ประชาชนทั่วไปและผู้รับบริการได้ประโยชน์สำคัญได้รับบริการในราคาที่เหมาะสม มีความสะดวกปลอดภัยและการจราจรไม่ติดขัด รวมถึงนโยบายของ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่ย้ำว่าค่าโดยสารต้องเป็นธรรม การจอดรถทุกประเภทจะต้องไม่กีดขวางการจราจร ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามสภาพพื้นที่ที่รับผิดชอบ จัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้อง กรณีผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามระเบียบให้ถูกต้อง
ในที่ประชุมได้แบ่งแนวทางการปฏิบัติแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จัดระเบียบที่จอดรถ จัดทำป้ายบอกราคา ปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่ เช่น การแต่งกาย มารยาท บัตรแสดงตนใบอนุญาตถูกต้อง สภาพรถ ค่าโดยสาร รวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพล จัดทำข้อมูลวินโดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิถุนายน ระยะที่ 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบให้มีการลงทะเบียนสอบประวัติและร่วมพิจารณาจำนวนวิน จำนวนรถตู้ ที่มีความเหมาะสมภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจัดให้มีมาตรฐานการบริการในลักษณะเป็นส่วนย่อยของ บขส.โดยต้องมีสถานที่ขายตั๋ว ที่พักผู้โดยสาร ห้องน้ำ และไม่จอดรถกีดขวางการจราจรปรับบริเวณพื้นที่จุดรับส่งให้เป็นระเบียบ ปรับเส้นทาง จดทะเบียนให้ถูกต้อง ปรับปรุงมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม
ส่วนระยะที่ 3 เป็นขั้นตอนการดำเนินการแก้ไขผลกระทบที่ยั่งยืน ได้แก่ การติดตามประเมินผลความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ แก้ไขข้อกำหนดและกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการจัดระเบียบให้หน่วยทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ ประสานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานผลการดำเนินงานให้ พล.ม.2 รอ.รับทราบ เพื่อรายงานกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยต่อไป รวมถึงการจดทะเบียนใหม่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างโปร่งใส ทหารต้องไม่เข้าไปมีอิทธิพลเอง เพราะเป็นเพียงแค่ผู้ประสานงานให้ทุกส่วนเร่งรัดดำเนินการเท่านั้น