ASTVผู้จัดการรายวัน-ส่งออกพ.ค.ติดลบอีก 2.14% ลบเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เหตุสินค้าเกษตรส่งออกได้ลดลง สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยังมั่นใจครึ่งปีหลังดีขึ้น เป้า 3.5% ทำได้แน่ “นันทวัลย์”สั่งทูตพาณิชย์ชี้แจงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาแรงงานของไทยให้ผู้นำเข้าเข้าใจต่อเนื่อง เพื่อให้ทำการค้ากับไทยต่อไป ปัดสหรัฐฯ ยุโรป แบนสินค้าประมงไทย จะมีก็แค่บางรายหรือชะลอดูท่าทีเท่านั้น
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนพ.ค.2557 มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่า 19,401.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.14% ซึ่งเป็นการติดลบเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน การนำเข้ามีมูลค่า 20,210.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.32% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 808.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกลดลง เนื่องจากกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรส่งออกลดลง 3.5% เพราะราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง และน้ำตาล รวมถึงสินค้าในกลุ่มอาหาร ที่มีปัญหาด้านวัตถุดิบ โดยเฉพาะกลุ่มประมง แต่ข้าวส่งออกได้เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมส่งออกลดลงเพียง 0.1% โดยสินค้าที่ส่งออกลดลง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เป็นต้น
สำหรับการส่งออกในช่วง 5 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่ารวม 92,862.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.22% การนำเข้ามีมูลค่า 94,418.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14% ส่งผลให้ยอดการขาดดุลการค้า 5 เดือนมีมูลค่า 1,556.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
“แม้การส่งออก 5 เดือนจะยังขยายตัวติดลบ 1.22% แต่กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้ที่ 3.5% ปรับลดจากเดิม 5% เพราะแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น และกรมฯ เองก็ได้มีการปรับแผนงานผลักดันการส่งออกรวมกับภาคเอกชนที่จะเน้นการรักษาตลาดเดิมและเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพ”นางนันทวัลย์กล่าว
นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ได้ปรับลดสถานะประเทศไทยในเรื่องการค้ามนุษย์มาอยู่ในบัญชีต่ำสุด และสหภาพยุโรป (อียู) ได้มีการกล่าวหาไทยเรื่องแรงงาน กรมฯ ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ทำการชี้แจงลูกค้าและผู้นำเข้ารายสำคัญถึงแนวทางการทำงานของไทย และการแก้ไขปัญหาของไทยในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจว่าหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
“กรมฯ ได้ส่งข้อมูลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานไปให้ทูตพาณิชย์เป็นระยะๆ แล้วให้ทูตพาณิชย์ไปชี้แจงทำความเข้าใจผู้นำเข้า เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และยังคงทำการค้ากับไทยต่อไป”
ส่วนในระยะยาว กรมฯ ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก ทั้งประมง สิ่งทอ น้ำตาล ซึ่งจะต้องมีการปรับกระบวนการผลิต การจัดหาวัตถุดิบ ที่จะต้องสามารถชี้แจงแหล่งที่มาที่ไปได้ โดยต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
นางนันทวัลย์กล่าวว่า กรณีที่มีบางประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ ออกข่าวว่าจะแบนสินค้าประมงจากไทยนั้น เป็นเพียงแค่บางบริษัท ไม่ใช่ทุกบริษัท และไม่ได้แบนทันที บางรายแค่ชะลอการนำเข้าในช่วงนี้ แต่ถ้าไทยสามารถชี้แจงและยืนยันให้ลูกค้าเข้าใจและมั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาเรื่องแรงงาน ก็จะทำการค้ากับไทยต่อไป ซึ่งทางบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ ก็ได้มีการชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ซื้อในยุโรปแล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังคงยืนยันทำการค้ากับไทย เช่น สมาคมผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ (NFI) ที่มีสมาชิกอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์อันเดอร์เคอร์เรนท์นิวส์ ดอทคอม ได้รายงานว่า บริษัท โอลฟูดส์ เครือข่ายค้าปลีกสหรัฐฯ และบริษัทค้าปลีกไอซีเอ ของนอร์เวย์ ได้ยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าจากซีพีเอฟเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะสามารถชี้แจงได้อย่างเพียงพอในการแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงาน ซึ่งเป็นการประกาศตามหลังคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษได้ขอให้สมาคมค้าปลีกอังกฤษ หรือบีอาร์ซี ทำคู่มือแนวทางการเลือกซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ต่างประเทศที่ไม่มีการใช้แรงงานทาส เพื่อป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เชื่อมโยงกับการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งทอ
//////
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนพ.ค.2557 มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่า 19,401.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.14% ซึ่งเป็นการติดลบเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน การนำเข้ามีมูลค่า 20,210.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.32% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 808.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกลดลง เนื่องจากกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรส่งออกลดลง 3.5% เพราะราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง และน้ำตาล รวมถึงสินค้าในกลุ่มอาหาร ที่มีปัญหาด้านวัตถุดิบ โดยเฉพาะกลุ่มประมง แต่ข้าวส่งออกได้เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมส่งออกลดลงเพียง 0.1% โดยสินค้าที่ส่งออกลดลง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เป็นต้น
สำหรับการส่งออกในช่วง 5 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่ารวม 92,862.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.22% การนำเข้ามีมูลค่า 94,418.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14% ส่งผลให้ยอดการขาดดุลการค้า 5 เดือนมีมูลค่า 1,556.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
“แม้การส่งออก 5 เดือนจะยังขยายตัวติดลบ 1.22% แต่กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้ที่ 3.5% ปรับลดจากเดิม 5% เพราะแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น และกรมฯ เองก็ได้มีการปรับแผนงานผลักดันการส่งออกรวมกับภาคเอกชนที่จะเน้นการรักษาตลาดเดิมและเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพ”นางนันทวัลย์กล่าว
นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ได้ปรับลดสถานะประเทศไทยในเรื่องการค้ามนุษย์มาอยู่ในบัญชีต่ำสุด และสหภาพยุโรป (อียู) ได้มีการกล่าวหาไทยเรื่องแรงงาน กรมฯ ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ทำการชี้แจงลูกค้าและผู้นำเข้ารายสำคัญถึงแนวทางการทำงานของไทย และการแก้ไขปัญหาของไทยในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจว่าหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
“กรมฯ ได้ส่งข้อมูลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานไปให้ทูตพาณิชย์เป็นระยะๆ แล้วให้ทูตพาณิชย์ไปชี้แจงทำความเข้าใจผู้นำเข้า เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และยังคงทำการค้ากับไทยต่อไป”
ส่วนในระยะยาว กรมฯ ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก ทั้งประมง สิ่งทอ น้ำตาล ซึ่งจะต้องมีการปรับกระบวนการผลิต การจัดหาวัตถุดิบ ที่จะต้องสามารถชี้แจงแหล่งที่มาที่ไปได้ โดยต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
นางนันทวัลย์กล่าวว่า กรณีที่มีบางประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ ออกข่าวว่าจะแบนสินค้าประมงจากไทยนั้น เป็นเพียงแค่บางบริษัท ไม่ใช่ทุกบริษัท และไม่ได้แบนทันที บางรายแค่ชะลอการนำเข้าในช่วงนี้ แต่ถ้าไทยสามารถชี้แจงและยืนยันให้ลูกค้าเข้าใจและมั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาเรื่องแรงงาน ก็จะทำการค้ากับไทยต่อไป ซึ่งทางบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ ก็ได้มีการชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ซื้อในยุโรปแล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังคงยืนยันทำการค้ากับไทย เช่น สมาคมผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐฯ (NFI) ที่มีสมาชิกอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์อันเดอร์เคอร์เรนท์นิวส์ ดอทคอม ได้รายงานว่า บริษัท โอลฟูดส์ เครือข่ายค้าปลีกสหรัฐฯ และบริษัทค้าปลีกไอซีเอ ของนอร์เวย์ ได้ยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าจากซีพีเอฟเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะสามารถชี้แจงได้อย่างเพียงพอในการแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงาน ซึ่งเป็นการประกาศตามหลังคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษได้ขอให้สมาคมค้าปลีกอังกฤษ หรือบีอาร์ซี ทำคู่มือแนวทางการเลือกซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ต่างประเทศที่ไม่มีการใช้แรงงานทาส เพื่อป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เชื่อมโยงกับการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งทอ
//////