จากกรณีพรรคเพื่อไทย มีหนังสือถึง นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา เแจ้งการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค กรณีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากตำแหน่งนั้น หนังสือที่พรรคเพื่อไทยส่งมา ได้แนบหนังสือขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคของนายจารุพงศ์ มาด้วย ซึ่งหนังสือลาออกของนายจารุพงศ์ เขียนลงวันที่ 22 พ.ค. โดยนายจารุพงศ์ ได้ขอให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป และได้ส่งหนังสือดังกล่าวทางไปรณีษย์ ถึงพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยเมื่อได้รับหนังสือ ในวันที่ 16 มิ.ย. จึงได้แจ้งมายังนายทะเบียนพรรคการเมือง ในวันที่ 17 มิ.ย. ซึ่งในการประชุมกกต.ในวันนี้ (24 มิ.ย.) ก็จะมีการพิจารณาว่า จะเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับการขอเปลียนแปลงกรรมการบริหารพรรคดังกล่าวหรือไม่ แต่ทั้งนี้เชื่อว่า จะไม่มีปัญหา จากนั้นทางกกต.ก็จะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และแจ้งไปยังพรรคการเมืองทราบ
ส่วนการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคของนายจารุพงศ์ ซึ่งจะมีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทั้งคณะ ต้องพ้นจากตำแหน่งไปในวันดังกล่าวด้วยนั้น เมื่อขณะนี้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57 ห้ามมิให้พรรคการเมืองจัดประชุม หรือดำเนินกิจการในทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ก็จะยังไม่สามารถจัดประชุมใหญ่สมาชิกพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม จะต้องรักษาการต่อไปตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนด จนกว่าจะมีการสรรหา และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ภายใน 30 วัน นับแต่พรรคเพื่อไทยได้รับแจ้งการตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคจากนายทะเบียนพรรคเมืองแล้ว ทั้งนายจารุพงศ์ และกรรมการบริหารพรรค จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง
ด้าน นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตามขั้นตอนกฎหมาย มาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุว่า การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรคจะต้องทำหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนแปลงจะสมบูรณ์เมื่อได้รับหนังสือแจ้งตอบรับการเปลี่ยนแปลงจากนายทะเบียนพรรคการเมือง และ การประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แต่กรณีที่มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง ประชุม หรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่หัวหน้าพรรค ก็ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงมายังนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งกรณีนี้ ตนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็คงจะรับทราบเรื่องไว้ แต่จะดำเนินการอะไรต่อไป ไม่ได้
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่มอบหมายให้ รองเลขาธิการ กกต. ด้านต่างๆ ไปพิจารณาหาแนวทางการปฎิรูปข้อบกพร่อง ที่ทำให้การเเลือกตั้งไม่สบความสำเร็จนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่แต่ละฝ่ายกำลังรวบรวมข้อมูล ก่อนจะนำข้อสรุปเสนอที่ประชุม กกต. ได้พิจารณา
ส่วนการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคของนายจารุพงศ์ ซึ่งจะมีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทั้งคณะ ต้องพ้นจากตำแหน่งไปในวันดังกล่าวด้วยนั้น เมื่อขณะนี้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57 ห้ามมิให้พรรคการเมืองจัดประชุม หรือดำเนินกิจการในทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ก็จะยังไม่สามารถจัดประชุมใหญ่สมาชิกพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม จะต้องรักษาการต่อไปตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนด จนกว่าจะมีการสรรหา และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ภายใน 30 วัน นับแต่พรรคเพื่อไทยได้รับแจ้งการตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคจากนายทะเบียนพรรคเมืองแล้ว ทั้งนายจารุพงศ์ และกรรมการบริหารพรรค จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง
ด้าน นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตามขั้นตอนกฎหมาย มาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุว่า การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรคจะต้องทำหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนแปลงจะสมบูรณ์เมื่อได้รับหนังสือแจ้งตอบรับการเปลี่ยนแปลงจากนายทะเบียนพรรคการเมือง และ การประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แต่กรณีที่มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง ประชุม หรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่หัวหน้าพรรค ก็ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงมายังนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งกรณีนี้ ตนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็คงจะรับทราบเรื่องไว้ แต่จะดำเนินการอะไรต่อไป ไม่ได้
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่มอบหมายให้ รองเลขาธิการ กกต. ด้านต่างๆ ไปพิจารณาหาแนวทางการปฎิรูปข้อบกพร่อง ที่ทำให้การเเลือกตั้งไม่สบความสำเร็จนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่แต่ละฝ่ายกำลังรวบรวมข้อมูล ก่อนจะนำข้อสรุปเสนอที่ประชุม กกต. ได้พิจารณา