ปฏิบัติการตามล้างตามเช็ดตู้ม้าของทหาร-ตำรวจ ยังคงเข้มข้นแทบจะเป็นข่าวรายวันไปแล้ว และที่น่าสนใจ ถึงน่าสนใจมากที่สุดก็คือสนามม้าจำลอง จำนวน 12 ตู้และตู้ม้าทั่วไปอีกกว่าร้อยที่พบในภัตราคารแกแลคซี่ ถนนพระราม 4 สามย่านเมื่อตอนบ่ายวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา
การตรวจค้นในครั้งนั้นมีนางพรทิพย์ รุจิพงษ์กุล ผู้ดูแลบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าสนามม้าจำลองดังกล่าวมีใบอนุญาตนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 อย่างถูกต้องและมิได้ไว้สำหรับเล่นการพนันแต่อย่างไร เป็นเพียงเครื่องเล่นเพื่อความเพลิดเพลินของสมาชิกเท่านั้นและในปัจจุบันไม่สามารถใช้การได้แล้วเนื่องจากหมดสภาพ
รายละเอียดจบเพียงเท่านี้ ซ้ำ”นักข่าว”ในปัจจุบันยังใช้คำว่า “ตู้ม้าขนาดใหญ่”ทั้งที่จริงมันคือ “สนามม้าจำลอง”ที่ครั้งหนึ่งในอดีตมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกี่ยวข้อง บ้างถูกโยกย้ายเพราะเผลอไปรับส่วย บ้างต้องเป็นศัตรูกับมาเฟียตู้ม้าตัวจริงเพราะไปขวางทางจนถูกเจ้านายเลวๆที่ตกเป็นทาสน้ำเงินของ “เป๋ สามย่าน”กลั่นแกล้งไม่ให้ก้าวหน้าในราชการ
ก่อนเจาะไปถึงรายละเอียดต่างๆควรมารู้จักและความเป็นม้าของสนามม้าจำลองกันบ้าง มาเฟียคนสำคัญของวงการตู้ม้าที่นำเข้าสนามม้าจำลอง มายังประเทศไทยอย่างสง่าผ่าเผยก็คือมิสเตอร์ “เป๋ สามย่าน”ประวัติเดิมของเขาน่าสนใจมาก ว่ากันว่าตอนเด็กๆยากจนข้นแค้นขนาดยึดอาชีพเด็กขัดรองเท้าแถวเยาวราช แต่ด้วยความเป็นคนสุขุมรอบครอบ มีชั้นเชิงในการทำธุรกิจจึงค่อยๆไต่เต้าเข้าสู่วงการโรงน้ำชา บ่อนพนันเล็กๆน้อยๆในดงกุมารจีนจนมาลงตัวธุรกิจตู้ม้า
ซึ่งในช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์สุดขีดคือการเข้ามาทำกิจการบันเทิงยามราตรีครบวงจร นั่นคือภัตราคารแกแลคซี่ -ไนต์คลับ ภัตราคารโนแฮนด์ กินดื่มโดยมีสาวสวยเป็นคนป้อน และอาบอบนวด
ยามนั้นเรียกว่าจับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมดเพราะนอกจากจะมีธุรกิจบนดินแล้ว “เป๋ สามย่าน”ยังมีกระแสเงินหมุนเวียน “ใต้ดิน”จากการพนันตู้ม้าด้วย วันๆจะมีคนเห็นสมุนบริวารของ “เป๋ สามย่าน”หิ้วกระสอบใส่เหรียญหมุนเวียนเข้ามาตลอดทั้งคืน
และด้วยความกว้างขวางมีเหลี่ยมในทางธุรกิจผสมแกมโกงอยู่บ้าง “เป๋ สามย่าน”มองเห็นปัญหาของกิจการตู้ม้า ซึ่งผิดกฏหมายอย่างโต้งๆจึงเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อดูกับตาว่า “สนามม้าจำลอง”ตามที่มีคนแนะนำมันเป็นอย่างไร สามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้อย่างไร นั่นคงเป็นช่วงเวลา พ.ศ. 2532 ตามที่นางพรทิพย์ คนดูแลยืนยันกับเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ว่าได้นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกต้อง
กระบวนการวิ่งเต้นเพื่อนำเข้าสนามม้าจำลอง เขาทำกันอย่างไร.....ย้อนไปปี พ.ศ.2553 สมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซี่งใน ครม.มีชื่อนายภิญญา ช่วยปลอด เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ และในการซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายภิญญา เจอข้อหาเซ็นอนุญาตนำเข้าสนามม้าจำลองโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อการศึกษา ...การอภิปรายผ่านพ้นไปชื่อเสียงของนายภิญญา รวมทั้งเครดิตทางการเมืองย่อยยับ
แต่ “เป๋ สามย่าน”ยังสยายปีกอหังการ์อย่างเต็มที่
นั่นเพราะเขามีใบอนุญาตเป็นเกราะและยังมีกำลังเงินเป็นแรงผลักดันจนมาถึงจุดหนึ่งที่ทุกคนปรารถณานั่นคือชื่อเสียงและการยอมรับ ประเดิมด้วยการคบค้ากับนักการเมืองระดับประเทศ อีกทั้งมีสายสัมพันธ์อันดีกับบุคคลระดับสูงในแวดวงยุติธรรม บวกกับฐานะทางเศษฐกิจจำนวนมหาศาลจึงไม่ยากที่จะผงาดในกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนเชื้อสายไทย
“เป๋ สามย่าน”ผลักดันตัวเอง-แฝงเข้าสู่สังคมชั้นสูงมากขึ้นโดยใช้สื่อที่คุ้นเคยเป็นตัวช่วย กิจกรรมทุกกิจกรรมบนถนนเยาวราช จะมีเขาเข้าไปร่วมแจมมีบทบาทกลายเป็นคนดังในสังคมธุรกิจสีขาวในชั่วข้ามคืน และสามารถเข้าไปสู่ตำแหน่งอันทรงเกียรติของคนไทยเชื้อสายจีนนั่นคือเข้าไปรับตำแหน่งสูงในสมาคมตระกูลแซ่
และในห้วง 10 ปีที่ผ่าน “เป๋ สามย่าน”เริ่มดีดตัวออกจากธุรกิจมืดนั่นเพราะเงินทองมีเหลือเฟือ นอกจากเงินสดจำนวนมากเขายังเป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของอาคารใหญ่ในแหล่งทำเลทอง เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกมส์ต่างๆที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ด้วยความที่รู้ดีว่า “เงินบาป”มันหามาง่าย “เป๋ สามย่าน”จึงคงแอบทำตู้ม้า และสนามม้าจำลอง อยู่บ้างเพื่อนำเม็ดเงินไปสร้างกิจกรรมทางสังคมจนตกเป็นข่าวโดนทหาร-ตำรวจบุกถึงรังใหญ่
จากการสืบค้นถึงสถานภาพในปัจจุบันของเขา หลายคนถึงกับอึ้ง เมื่อปรากฏว่ามีรายชื่อของ “เป๋ สามย่าน”เจ้าพ่อตู้ม้าตัวจริงเสียงจริงของกรุงเทพฯเข้าไปเป็นคณะทำงานของมูลนิธิ “ไทยอาสาป้องกันชาติ” ขึ้นตรงกับ กอ.รมน. นั่นหมายความว่า “เป๋ สามย่าน”ยังคงมาเหนือเมฆ เหนือชั้นกว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวตู้ม้าที่ประสบชะตากรรมอยู่เพราะนอกจากคบสีกากีแล้วยังมีสายสัมพันธ์กับสีเขียวโดยสรุปได้จากการเข้ามาในมูลนิธิฯสำคัญอันเกิดจากการก่อตั้งของหน่วยงานทหาร สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ โดยมีชื่อเป็นคณะกรรมการ 2 ตำแหน่งคือฝ่ายหารายได้ และฝ่ายยุทธศาสตร์...สำคัญที่สุดหัวเรือใหญ่ของมูลนิธิฯคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บุคคลที่เป็นความหวังของสังคมไทย...
นับจากวันนี้จำเป็นต้องจับตาคดี “สนามม้าจำลอง”ให้มากเป็นพิเศษ
การตรวจค้นในครั้งนั้นมีนางพรทิพย์ รุจิพงษ์กุล ผู้ดูแลบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าสนามม้าจำลองดังกล่าวมีใบอนุญาตนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 อย่างถูกต้องและมิได้ไว้สำหรับเล่นการพนันแต่อย่างไร เป็นเพียงเครื่องเล่นเพื่อความเพลิดเพลินของสมาชิกเท่านั้นและในปัจจุบันไม่สามารถใช้การได้แล้วเนื่องจากหมดสภาพ
รายละเอียดจบเพียงเท่านี้ ซ้ำ”นักข่าว”ในปัจจุบันยังใช้คำว่า “ตู้ม้าขนาดใหญ่”ทั้งที่จริงมันคือ “สนามม้าจำลอง”ที่ครั้งหนึ่งในอดีตมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกี่ยวข้อง บ้างถูกโยกย้ายเพราะเผลอไปรับส่วย บ้างต้องเป็นศัตรูกับมาเฟียตู้ม้าตัวจริงเพราะไปขวางทางจนถูกเจ้านายเลวๆที่ตกเป็นทาสน้ำเงินของ “เป๋ สามย่าน”กลั่นแกล้งไม่ให้ก้าวหน้าในราชการ
ก่อนเจาะไปถึงรายละเอียดต่างๆควรมารู้จักและความเป็นม้าของสนามม้าจำลองกันบ้าง มาเฟียคนสำคัญของวงการตู้ม้าที่นำเข้าสนามม้าจำลอง มายังประเทศไทยอย่างสง่าผ่าเผยก็คือมิสเตอร์ “เป๋ สามย่าน”ประวัติเดิมของเขาน่าสนใจมาก ว่ากันว่าตอนเด็กๆยากจนข้นแค้นขนาดยึดอาชีพเด็กขัดรองเท้าแถวเยาวราช แต่ด้วยความเป็นคนสุขุมรอบครอบ มีชั้นเชิงในการทำธุรกิจจึงค่อยๆไต่เต้าเข้าสู่วงการโรงน้ำชา บ่อนพนันเล็กๆน้อยๆในดงกุมารจีนจนมาลงตัวธุรกิจตู้ม้า
ซึ่งในช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์สุดขีดคือการเข้ามาทำกิจการบันเทิงยามราตรีครบวงจร นั่นคือภัตราคารแกแลคซี่ -ไนต์คลับ ภัตราคารโนแฮนด์ กินดื่มโดยมีสาวสวยเป็นคนป้อน และอาบอบนวด
ยามนั้นเรียกว่าจับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมดเพราะนอกจากจะมีธุรกิจบนดินแล้ว “เป๋ สามย่าน”ยังมีกระแสเงินหมุนเวียน “ใต้ดิน”จากการพนันตู้ม้าด้วย วันๆจะมีคนเห็นสมุนบริวารของ “เป๋ สามย่าน”หิ้วกระสอบใส่เหรียญหมุนเวียนเข้ามาตลอดทั้งคืน
และด้วยความกว้างขวางมีเหลี่ยมในทางธุรกิจผสมแกมโกงอยู่บ้าง “เป๋ สามย่าน”มองเห็นปัญหาของกิจการตู้ม้า ซึ่งผิดกฏหมายอย่างโต้งๆจึงเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อดูกับตาว่า “สนามม้าจำลอง”ตามที่มีคนแนะนำมันเป็นอย่างไร สามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้อย่างไร นั่นคงเป็นช่วงเวลา พ.ศ. 2532 ตามที่นางพรทิพย์ คนดูแลยืนยันกับเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ว่าได้นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกต้อง
กระบวนการวิ่งเต้นเพื่อนำเข้าสนามม้าจำลอง เขาทำกันอย่างไร.....ย้อนไปปี พ.ศ.2553 สมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซี่งใน ครม.มีชื่อนายภิญญา ช่วยปลอด เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ และในการซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายภิญญา เจอข้อหาเซ็นอนุญาตนำเข้าสนามม้าจำลองโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อการศึกษา ...การอภิปรายผ่านพ้นไปชื่อเสียงของนายภิญญา รวมทั้งเครดิตทางการเมืองย่อยยับ
แต่ “เป๋ สามย่าน”ยังสยายปีกอหังการ์อย่างเต็มที่
นั่นเพราะเขามีใบอนุญาตเป็นเกราะและยังมีกำลังเงินเป็นแรงผลักดันจนมาถึงจุดหนึ่งที่ทุกคนปรารถณานั่นคือชื่อเสียงและการยอมรับ ประเดิมด้วยการคบค้ากับนักการเมืองระดับประเทศ อีกทั้งมีสายสัมพันธ์อันดีกับบุคคลระดับสูงในแวดวงยุติธรรม บวกกับฐานะทางเศษฐกิจจำนวนมหาศาลจึงไม่ยากที่จะผงาดในกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนเชื้อสายไทย
“เป๋ สามย่าน”ผลักดันตัวเอง-แฝงเข้าสู่สังคมชั้นสูงมากขึ้นโดยใช้สื่อที่คุ้นเคยเป็นตัวช่วย กิจกรรมทุกกิจกรรมบนถนนเยาวราช จะมีเขาเข้าไปร่วมแจมมีบทบาทกลายเป็นคนดังในสังคมธุรกิจสีขาวในชั่วข้ามคืน และสามารถเข้าไปสู่ตำแหน่งอันทรงเกียรติของคนไทยเชื้อสายจีนนั่นคือเข้าไปรับตำแหน่งสูงในสมาคมตระกูลแซ่
และในห้วง 10 ปีที่ผ่าน “เป๋ สามย่าน”เริ่มดีดตัวออกจากธุรกิจมืดนั่นเพราะเงินทองมีเหลือเฟือ นอกจากเงินสดจำนวนมากเขายังเป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของอาคารใหญ่ในแหล่งทำเลทอง เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกมส์ต่างๆที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ด้วยความที่รู้ดีว่า “เงินบาป”มันหามาง่าย “เป๋ สามย่าน”จึงคงแอบทำตู้ม้า และสนามม้าจำลอง อยู่บ้างเพื่อนำเม็ดเงินไปสร้างกิจกรรมทางสังคมจนตกเป็นข่าวโดนทหาร-ตำรวจบุกถึงรังใหญ่
จากการสืบค้นถึงสถานภาพในปัจจุบันของเขา หลายคนถึงกับอึ้ง เมื่อปรากฏว่ามีรายชื่อของ “เป๋ สามย่าน”เจ้าพ่อตู้ม้าตัวจริงเสียงจริงของกรุงเทพฯเข้าไปเป็นคณะทำงานของมูลนิธิ “ไทยอาสาป้องกันชาติ” ขึ้นตรงกับ กอ.รมน. นั่นหมายความว่า “เป๋ สามย่าน”ยังคงมาเหนือเมฆ เหนือชั้นกว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวตู้ม้าที่ประสบชะตากรรมอยู่เพราะนอกจากคบสีกากีแล้วยังมีสายสัมพันธ์กับสีเขียวโดยสรุปได้จากการเข้ามาในมูลนิธิฯสำคัญอันเกิดจากการก่อตั้งของหน่วยงานทหาร สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ โดยมีชื่อเป็นคณะกรรมการ 2 ตำแหน่งคือฝ่ายหารายได้ และฝ่ายยุทธศาสตร์...สำคัญที่สุดหัวเรือใหญ่ของมูลนิธิฯคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บุคคลที่เป็นความหวังของสังคมไทย...
นับจากวันนี้จำเป็นต้องจับตาคดี “สนามม้าจำลอง”ให้มากเป็นพิเศษ