วานนี้ (19มิ.ย.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พร้อมด้วย นายบุญส่ง น้อยโสภณ และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต. ได้ร่วมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ รุ่นที่ 4 ที่มีการพัฒนามาตั้งปี 2546 โดยนายศุภชัย กล่าวว่า หากสามารถนำเครื่องดังกล่าวมาใช้ในการเลือกตั้งได้ ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณที่ไม่ต้องจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และยังป้องกันการปิดล้อมการพิมพ์ และจัดการส่งบัตรเลือกตั้ง ที่ที่ทำการไปรษีณย์ได้ แต่ทั้งนี้คงต้องมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดการยอมรับให้ได้เสียก่อน และต้องมีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้การนำเครื่อลงคะแนนมาใช้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้ผลิต ยืนยันว่า ในเรื่องความขัดข้องของเครื่องฯ ระหว่างการลงคะแนนในช่วงเริ่มต้นของการใช้ ไม่น่าจะมี เพราะมีกลไกในการป้องกันปัญหาไว้รองรับแล้ว อีกทั้งเป็นเครื่องที่มีความสมบูรณ์สูงสุดในขณะนี้ ส่วนการป้องกันการทุจริตนั้น ก็น่าจะป้องกันได้ดี เนื่องจากเครื่องมีเป็นระบบปิด ไม่ได้เชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถออนไลน์ ให้สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
ทั้งนี้ เครื่องคะแนนเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงาน กกต.ได้เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2546 โดยร่วมมือกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด พัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นรุ่น 4 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดแล้ว โดยเครื่องฯ จะมีจุดเด่น คือ เป็นระบบลงคะแนนโดยตรง ไม่ต้องใช้บัตร ไม่ทำให้เกิดบัตรเสีย รองรับบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด มีอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา มีคูหาในตัว และมีเสียงแจ้งถึงการเริ่ม และการสิ้นสุดการลงคะแนน ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก โดยเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ได้รับรางวัลผล งานการประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2556 จากสภาวิจัยแห่งชาติ โดยลงคะแนน 1 ชุด จะประกอบด้วย เครื่องลงคะแนน 4 เครื่อง และเครื่องรวมคะแนน 1 เครื่อง แต่ละเครื่องจะมีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม และมีแบตเตอรี่ ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมง โดยเมื่อการเปิดใช้งานให้มีการลงคะแนนแล้ว เครื่องจะเก็บข้อมูลไว้ในกล่องดำ ซึ่งจะถูกกำหนดให้ไม่สามารถแก้ไข หรือ ลบออกได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด โดยปัจจุบันเครื่องดังกล่าว ได้กำหนดระยะเวลาเก็บข้อมูลไว้ 30 วัน ขณะนี้สำนักงานกกต.ได้ให้บริษัทวิทยุการบินฯ ผลิต เครื่องลงคะแนนฯ ต้นแบบจำนวน 200 ชุด ในวงเงิน 40 ล้าน บาท 1 ชุด จะตกราคาประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานได้นำเครื่องฯไปให้สหกรณ์ และโรงเรียนต่าง ที่มีการเลือกตั้งกรรมการฯ ได้ทดลองใช้ และขณะนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้มีนโยบายนำร่องแนวทางในการนำเครื่องลงคะแนนมาใช้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น รวมทั้งในช่วงที่จะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะมีการยกร่างกฎหมายต่างๆ ก็จะมีการผลักดันการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้นำเครื่องลงคะแนนไปใช้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้ผลิต ยืนยันว่า ในเรื่องความขัดข้องของเครื่องฯ ระหว่างการลงคะแนนในช่วงเริ่มต้นของการใช้ ไม่น่าจะมี เพราะมีกลไกในการป้องกันปัญหาไว้รองรับแล้ว อีกทั้งเป็นเครื่องที่มีความสมบูรณ์สูงสุดในขณะนี้ ส่วนการป้องกันการทุจริตนั้น ก็น่าจะป้องกันได้ดี เนื่องจากเครื่องมีเป็นระบบปิด ไม่ได้เชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถออนไลน์ ให้สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
ทั้งนี้ เครื่องคะแนนเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงาน กกต.ได้เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2546 โดยร่วมมือกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด พัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นรุ่น 4 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดแล้ว โดยเครื่องฯ จะมีจุดเด่น คือ เป็นระบบลงคะแนนโดยตรง ไม่ต้องใช้บัตร ไม่ทำให้เกิดบัตรเสีย รองรับบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด มีอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา มีคูหาในตัว และมีเสียงแจ้งถึงการเริ่ม และการสิ้นสุดการลงคะแนน ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก โดยเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ได้รับรางวัลผล งานการประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2556 จากสภาวิจัยแห่งชาติ โดยลงคะแนน 1 ชุด จะประกอบด้วย เครื่องลงคะแนน 4 เครื่อง และเครื่องรวมคะแนน 1 เครื่อง แต่ละเครื่องจะมีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม และมีแบตเตอรี่ ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมง โดยเมื่อการเปิดใช้งานให้มีการลงคะแนนแล้ว เครื่องจะเก็บข้อมูลไว้ในกล่องดำ ซึ่งจะถูกกำหนดให้ไม่สามารถแก้ไข หรือ ลบออกได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด โดยปัจจุบันเครื่องดังกล่าว ได้กำหนดระยะเวลาเก็บข้อมูลไว้ 30 วัน ขณะนี้สำนักงานกกต.ได้ให้บริษัทวิทยุการบินฯ ผลิต เครื่องลงคะแนนฯ ต้นแบบจำนวน 200 ชุด ในวงเงิน 40 ล้าน บาท 1 ชุด จะตกราคาประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานได้นำเครื่องฯไปให้สหกรณ์ และโรงเรียนต่าง ที่มีการเลือกตั้งกรรมการฯ ได้ทดลองใช้ และขณะนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้มีนโยบายนำร่องแนวทางในการนำเครื่องลงคะแนนมาใช้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น รวมทั้งในช่วงที่จะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะมีการยกร่างกฎหมายต่างๆ ก็จะมีการผลักดันการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้นำเครื่องลงคะแนนไปใช้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นต่อไป